ตอนที่ 95 การสรรเสริญจากชาวบ้าน
ฉีเหล่ยหยุดครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ “กระดูกขาที่ผิดรูปของเซี่ยซิ่วไฉกลับมาเข้าที่แล้ว นอกจากนี้ ข้ายังนำเศษกระดูกที่แตกในขาของเขาออกมาแล้วด้วย”
ฉีเหล่ยถือถาดเล็กใบหนึ่งมาให้ทุกคนดู
บนนั้นมีเศษกระดูกอยู่ไม่น้อย ทุกคนที่ได้เห็นล้วนรู้สึกขนพองสยองเกล้า นี่คือกระดูกขาที่แหลกละเอียด
โอ้สวรรค์ ไม่น่าเชื่อว่าหมอฉีจะนำมันออกมาได้จริงๆ เก่งกาจเกินไปแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอุทานอย่างตื่นตะลึงพร้อมกัน ลู่เจียวเดินเข้ามาจากนอกประตูพอดี นางเดินมาตรงหน้าฉีเหล่ย แล้วกล่าวขอบคุณเขา
“ต้องขอบคุณหมอฉีแล้ว”
พอหร่วนซื่อเห็นลู่เจียวก็กล่าวอย่างเดือดดาล “ลู่เจียว เจ้าไปตายที่ไหนมา สามีเจ้าผ่าตัดอยู่ข้างใน แต่เจ้าหนีหายไป เจ้าเป็นภรรยาประสาอะไร อีกประเดี๋ยวถ้าเจ้าสามของข้าฟื้นแล้ว ข้าจะบอกให้เขาหย่ากับเจ้าเสีย”
หร่วนซื่อได้ใจเพราะนึกว่าตนจับจุดอ่อนของลู่เจียวเอาไว้ได้ วาจาจึงยิ่งร้ายกาจ
ฉีเหล่ยได้ยินแล้วแทบจะอดไม่ไหว อยากจะบอกความจริงให้รู้
ก็ลูกสะใภ้เจ้านั่นละที่รักษาขาของลูกชายเจ้า มารดาเจ้าเถอะ ยังคิดจะทิ้งขว้างนางอีก สมองมีปัญหาแล้วกระมัง
ลู่เจียวหันไปมองหร่วนซื่อ “ที่ข้าไม่มาก็เพราะเป็นห่วงสามีจนเสียขวัญ”
เมื่อครอบครัวอื่นในตระกูลเซี่ยเห็นท่าทางลู่เจียว ทุกคนต่างก็เชื่อว่านางกังวลใจมากจริงๆ
สภาพของนางย่ำแย่มาก สีหน้าซีดเซียว ร่างกายก็อ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว
ในทางกลับกัน หร่วนซื่อนั้นดูมีชีวิตชีวา กินได้ดื่มได้ ทั้งยังหาเรื่องลูกสะใภ้ได้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นห่วงอวิ๋นจิ่นจากใจจริง
ลู่กุ้ยก้าวออกมาจากกลุ่มคน เข้ามาประคองลู่เจียวพร้อมถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “ท่านพี่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ให้ข้าเรียกหมอฉีมาดูท่านหน่อยดีหรือไม่”
ฉีเหล่ยเอ่ยว่า “นางเพียงเสียขวัญ ให้นางนั่งพักสักประเดี๋ยวก็พอ”
ลู่กุ้ยประคองลู่เจียวไปหาที่นั่งทันที
ฉีเหล่ยมองลู่เจียวแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “การผ่าตัดราบรื่นดี หลังจากนี้ขอเพียงฟื้นฟูร่างกายให้ดีก็จะไม่เกิดปัญหาอะไร ทุกคนวางใจได้”
ฉีเหล่ยไม่กล้าพูดมาก เพราะเขาไม่ใช่คนลงมือผ่าตัด กลัวว่าพูดมากไปแล้วจะเผยพิรุธ
“หลังจากนี้บุตรชายข้าจะเดินได้แล้วใช่หรือไม่” เซี่ยเหล่าเกินก้าวออกมาถาม
“ใช่แล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาก็จะเหมือนคนปกติ”
เซี่ยเหล่าเกินพยักหน้ายิ้ม “ดี เช่นนี้ดีมาก”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างแย้มยิ้มอย่างยินดี ครอบครัวอื่นในตระกูลเซี่ยล้วนยิ้มด้วยความโล่งอกเช่นกัน
“แล้วตอนนี้บุตรชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” เซี่ยเหล่าเกินยังไม่คลายความกังวล
ฉีเหล่ยตอบทันที “เนื่องจากตอนผ่าตัดใช้ยาหมาเฟ่ยซ่าน ตอนนี้เขาจึงยังไม่ฟื้น แต่พวกเจ้าวางใจได้ ยาหมาเฟ่ยซ่านไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย พอเขาตื่นมาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราพาเขากลับได้หรือยัง” ลู่เจียวเอ่ยถามอย่างรู้เวลา
“ได้แล้ว” ฉีเหล่ยพยักหน้า
ลู่เจียวมองลู่กุ้ย “เจ้าเข้าไปอุ้มพี่เขยมาขึ้นเกวียน”
นางพูดจบก็มองฉีเหล่ย “รบกวนหมอฉีช่วยประคองขาให้สามีข้าหน่อย อย่าให้ขากระทบกระเทือน”
“ได้” ฉีเหล่ยเอ่ยรับทันที
ลู่กุ้ยกับฉีเหล่ยเข้าไปอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นหลับลึกมาก แม้จะถูกคนอุ้มก็ไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย
คนสกุลเซี่ยเดินตามหลังเขาไปตลอดทาง รอให้ลู่กุ้ยวางคนไว้บนเกวียน
ฉีเหล่ยนำผ้าห่มที่ลู่เจียวพกมาคลุมบนร่างกายให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เขาเพิ่งได้รับการผ่าตัด อย่าให้เขาตากลม”
ลู่เจียวแสร้งกล่าวขอบคุณฉีเหล่ย “ขอบคุณท่านหมอฉี”
“ไม่เป็นอะไร” ฉีเหล่ยพยักหน้ารับ
ลู่เจียวกับลู่กุ้ยขึ้นเกวียน เซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อที่อยู่ข้างหลังก็ตามขึ้นมา
ลู่เจียวกลัวว่าพวกเขาจะมาแตะต้องขาของเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางจึงจับตาดูอยู่ตลอด
ขาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีไม้กระดานดามไว้ เพื่อทำให้กระดูกขาเข้าที่ ส่วนจุดที่ผ่าตัดไม่ได้ดามไว้ เพียงห่อผ้าพันแผลที่ระบายอากาศได้ไว้เท่านั้น
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกลัวว่าจะเผลอไปโดนขาของเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงยืนกรานไม่ยอมขึ้นเกวียนไปด้วย
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น พวกเจ้ากลับไปเถอะ เดี๋ยวพวกเราเดินกลับก็ได้”
แม้ทั้งสองต้องเดินกลับก็ยังยินดี ยิ้มจนหุบไม่ลง
เมื่อหร่วนซื่อได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง ก็รีบเอ่ยว่า “ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไม่ขึ้นมานั่ง เช่นนั้นให้เจ้าสี่กับเซี่ยหลานขึ้นมานั่งเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานได้ยินก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที กำลังจะก้าวขึ้นเกวียนโดยไม่คิดอะไรมาก
ลู่เจียวหน้าบึ้ง มองหร่วนซื่อด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างคำนึงถึงขาของอวิ๋นจิ่นจึงไม่ขึ้นมานั่งบนเกวียน เจ้าสี่กับน้องสาวเป็นพี่น้องของอวิ๋นจิ่นแท้ๆ แต่กลับไม่คำนึงถึงเขาเลยสักนิด”
หร่วนซื่อได้ยินแล้วตวาดอย่างโมโหทันที “เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องขึ้นมานั่งบนเกวียนเช่นกัน”
ลู่เจียวไม่อยากมีเรื่องกับคนอย่างหร่วนซื่ออีก จึงหันไปออกคำสั่งกับเซี่ยเถี่ยหนิวที่ขับเกวียน “พวกเราไปกันเถอะ”
เซี่ยเถี่ยหนิวขับเกวียนออกไปทันที ไม่แยแสเจ้าสี่เซี่ยกับเซี่ยหลานที่อยู่ข้างหลัง
หร่วนซื่อที่อยู่บนเกวียนอ้าปากกำลังจะด่าคน เซี่ยเหล่าเกินรีบปรามนาง “พอแล้ว เลิกหาเรื่องสักทีได้ไหม”
เจ้าสี่กับเซี่ยหลานอายุน้อยเท่านี้เอง ให้เดินสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ไม่เห็นหรือว่าพี่ใหญ่ที่อายุปูนนั้นแล้วก็ยังเดินกลับเหมือนกัน
สายตาหร่วนซื่อหยุดลงบนตัวบุตรชายที่นอนอยู่ พอนึกว่าเจ้าสามใกล้จะกลับมาเดินได้แล้ว นางก็จำต้องอดทนไว้ แต่ถึงอย่างนั้นสายตาที่มองลู่เจียวก็ยังคมกริบราวใบมีด นางแพศยาคนนี้ สกุลเซี่ยจะเก็บนางไว้ไม่ได้เป็นอันขาด
ลู่เจียวไม่สนใจหร่วนซื่อ ตอนนี้นางเหนื่อยจนไม่อยากขยับไปไหนแล้ว อยากแต่จะพักผ่อน
เกวียนเพิ่งเคลื่อนเข้าหมู่บ้านสกุลเซี่ย ชาวบ้านก็เข้ามาล้อม พวกเขาถามถึงผลการผ่าตัดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยความเป็นห่วง
หร่วนซื่อที่มีสีหน้าเย็นชามาตลอดทางเริ่มร่าเริงแล้ว ตรงดวงตาและคิ้วเผยความชื่นมื่น รอให้ขาของบุตรชายคนที่สามกำลังจะหายดี ภายภาคหน้าคนพวกนี้ก็จะเข้ามาประจบเอาใจนาง
หร่วนซื่อยิ่งคิดยิ่งได้ใจ กล่าวโอ้อวดเสียงดัง “การผ่าตัดของเจ้าสามประสบความสำเร็จมาก ขาของเขาจะไม่เป็นอะไรแล้ว หลังจากนี้เขาก็จะกลับไปเล่าเรียนและสอบจ้วงหยวนได้ด้วย”
แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ชาวบ้านไม่ได้สรรเสริญหร่วนซื่อ ตรงกันข้าม สายตาของคนส่วนใหญ่มองไปที่ลู่เจียวแล้ว
หนึ่งในนั้นคือป้ากุ้ยฮวาผู้ซึ่งกระตือรือร้นที่สุด นางถามลู่เจียวก่อนใคร “เจียวเจียว ขาของอวิ๋นจิ่นไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
“นั่นน่ะสิ การผ่าตัดไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“เหตุใดเขาหลับลึกเช่นนี้ ไม่ฟื้นเสียที”
ลู่เจียวมองพวกเขาพร้อมตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง การผ่าตัดของอวิ๋นจิ่นประสบความสำเร็จมาก สาเหตุที่ตอนนี้เขายังหลับอยู่ เป็นเพราะใช้ยาหมาเฟ่ยซ่านตอนผ่าตัด ตอนนี้เลยยังไม่ฟื้น แต่อีกประเดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ก็ยิ้มอย่างปีติยินดี “การผ่าตัดประสบความสำเร็จแล้ว แสดงว่าอวิ๋นจิ่นจะเดินได้แล้ว ช่างดีจริงๆ”
ป้ากุ้ยฮวามองลู่เจียวพลางยิ้มตาหยี “เจียวเจียว เจ้าอดทนจนพ้นผ่านมาได้แล้ว ต่อไปจะได้เสพสุขกับวาสนายิ่งใหญ่แน่นอน”
บนเกวียน ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อสีหน้าย่ำแย่แค่ไหน นี่คือบุตรชายคนที่สามของพวกเขา เหตุใดทุกคนจึงไปยกยอปอปั้นลู่เจียวกันหมด นางนั่นนับเป็นตัวอะไร
หร่วนซื่อถลึงตาใส่พวกชาวบ้านอย่างเดือดดาล สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวป้ากุ้ยฮวา แล้วอ้าปากด่าดราดทันที
“ติงกุ้ยฮวา เจ้าพูดมาเกินไปแล้ว เรื่องในครอบครัวข้าเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า”
พอป้ากุ้ยฮวาได้ยินคำพูดของหร่วนซื่อก็หันมาเถียงกลับทันที “แหมๆๆ หงุดหงิดที่ข้าไม่ได้เยินยอเจ้าสินะ ดูใบหน้าชราอันโหดร้ายของเจ้าสิ เป็นอย่างนั้นตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทำราวกับมีใครติดหนี้เจ้าอย่างนั้นละ วันนี้เป็นวันมงคลของอวิ๋นจิ่น ในฐานะมารดา นอกจากเจ้าจะไม่ดีใจแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังจะทำสีหน้าเย็นชาอีก ทำตัวอย่างกับผลมะระขม”
“ก่อนหน้านี้อวิ๋นจิ่นบาดเจ็บจนพิการ พวกเจ้าก็ไล่เขาออกจากสกุลเซี่ย ตอนนี้เห็นเขาหายดีแล้วก็เลยหวังเกาะเขา ทำท่าทางลำพองใจเช่นนี้ ใครบ้างที่ดูเจ้าไม่ออก ถุย!”