ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 96 ปวดขา

ตอนที่ 96 ปวดขา

ตอนที่ 96 ปวดขา
หร่วนซื่อถูกป้ากุ้ยฮวายั่วโมโหแล้ว “ติงกุ้ยฮวา นางตัวแสบ นี่มันเรื่องในบ้านข้า ต่อให้ข้าจะไล่เขาออกไป แต่ข้าก็เป็นผู้ให้กำเนิดเขา เขาเป็นลูกชายข้า วันหน้าเมื่อเขาได้เป็นขุนนางใหญ่ เขาก็ต้องขอบรรดาศักดิ์ให้ข้าด้วย ถึงตอนนั้นเจ้าก็ทำได้แค่จ้องตาเป็นมัน”

ตอนพูดถึงประโยคสุดท้าย หร่วนซื่อก็ฮึกเหิมจนลุกขึ้นยืนบนเกวียน พอลู่เจียวเห็นท่าทางของนางก็เกรงว่าจะล้มใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น กลัวว่ากระดูกขาของเขาที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดจะเคลื่อน

นางจึงหันไปบอกเซี่ยเถี่ยหนิวที่ขับเกวียนอยู่ข้างหน้าทันที “หยุดสักประเดี๋ยว”

เซี่ยเถี่ยหนิวหยุดเกวียน ลู่เจียวไม่แม้แต่จะมองหร่วนซื่อ นางหันไปมองเซี่ยเหล่าเกิน แล้วกล่าวเสียงเข้ม “ท่านพ่อพาท่านแม่ลงไปเถอะเจ้าค่ะ”

เซี่ยเหล่าเกินยื่นมือไปประคองหร่วนซื่อลงจากเกวียนตามที่นางบอกทันทีโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าหร่วนซื่อจะผลักเขาออกแล้วหันไปด่าลู่เจียว

“นางตัวดี อย่านึกนะว่าดูแลบุตรชายข้าเพียงไม่กี่วันก็ได้เหาะขึ้นสวรรค์แล้ว คิดจะปีนข้ามหัวข้าหรือ เจ้าฝันไปเถิด”

ลู่เจียวก็เดือดดาลแล้วเช่นกัน ตะคอกเสียงต่ำว่า “ท่านไม่คู่ควรที่จะเป็นมารดาหรอก ลูกชายท่านเพิ่งผ่าตัด จะให้ขาของเขากระทบกระเทือนไม่ได้ แต่ท่านอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ หากล้มลงมาใส่ขาเขา การผ่าตัดของเขาก็จะสูญเปล่า”

ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยเหล่าเกิน แล้วถามด้วยสายตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ท่านพ่ออยากให้นางทำร้ายอวิ๋นจิ่นใช่หรือไม่”

แม้เซี่ยเหล่าเกินจะไม่พอใจ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คือบุตรชายของเขา หากบุตรชายคนนี้ได้ดี ในฐานะบิดาก็ย่อมได้อาศัยบารมีไปด้วย

เขาจึงลงจากเกวียนทันที โดยพยายามลากตัวหร่วนซื่อลงมาด้วย

หร่วนซื่อขัดขืนและคิดจะด่าต่อ แต่ลู่เจียวก็สั่งเซี่ยเถี่ยหนิวว่า “พวกเราไปกันเถอะ”

หร่วนซื่อย่ำเท้าโวยวายอยู่ข้างหลัง แต่น่าเสียดายที่บนเกวียนไม่มีใครสนใจนางสักคน กลับเป็นป้ากุ้ยฮวาข้างหลังที่ทนมองไม่ไหว ด่านางไปสองสามประโยค “หร่วนซื่อ เจ้าไม่คู่ควรจะเป็นมารดาของอวิ๋นจิ่น การที่เขาได้มาเป็นบุตรชายเจ้าช่างเป็นความโชคร้ายสิบแปดชั่วโคตรจริงๆ”

ชาวบ้านโดยรอบล้วนเห็นด้วยกับคำพูดของป้ากุ้ยฮวา

ใช่แล้ว อวิ๋นจิ่นช่างโชคร้ายจริงๆ ที่เกิดมามีมารดาเช่นนี้

ในภายภาคหน้าเมื่อเขาได้เป็นขุนนางใหญ่ แต่กลับมีมารดาจอมสร้างปัญหาเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

หร่วนซื่อได้ยินคำพูดของป้ากุ้ยฮวาแล้วก็ยังไม่คิดทบทวนตัวเองเลยสักนิด กลับโมโหกว่าเดิม พุ่งเข้าไปหมายจะตบป้ากุ้ยฮวา ทว่าป้ากุ้ยฮวามีรูปร่างสูงและอ้วนกว่า หร่วนซื่อจึงเป็นฝ่ายถูกกดติดพื้นไปแทน

เซี่ยเหล่าเกินที่อยู่ข้างๆ แม้ดูเหมือนจะช่วยจับแยก แต่ความจริงแล้วไม่ได้ช่วยเต็มที่ ก็ใครกันที่ทำให้เขาต้องซ่อนเพลิงโทสะไว้ในใจล่ะ ตอนนี้ติงกุ้ยฮวาทำร้ายหร่วนซื่อ เขาก็ยินดียืมมือติงกุ้ยฮวาสั่งสอนนางเมียแก่คนนี้สักยก

ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบๆ ไม่มีใครอยากช่วยหร่วนซื่อ แม้จะแสร้งทำเป็นจับแยก แต่กลับไม่ได้ช่วยเต็มกำลัง

สุดท้ายหร่วนซื่อก็ถูกติงกุ้ยฮวาตบจนร้องโอดครวญ ที่จริงติงกุ้ยฮวาก็ไม่ได้ลงมือรุนแรง อย่างไรเสียนางเฒ่านี่ก็เป็นมารดาของอวิ๋นจิ่น ต่อให้จะร้ายอย่างไร แต่อีกฝ่ายก็เป็นมารดาของซิ่วไฉ

หากตบนางแรงเกินไป เกิดนางกับอวิ๋นจิ่นกลับมาดีกันแล้วติดใจจะเอาเรื่องนางขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ดังนั้นติงกุ้ยฮวาจึงสั่งสอนหร่วนซื่อไปยกหนึ่งเท่านั้น

ลู่เจียวไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นางกับลู่กุ้ยนั่งเกวียนกลับไปที่บ้านเล็กของสกุลเซี่ย

หน้าประตูลานบ้าน เด็กน้อยสี่คนยืนมองอยู่หน้ารั้วตาปริบๆ พอเห็นเกวียนใกล้เข้ามา ทั้งสี่ก็วิ่งตรงดิ่งเข้าไปหา

เถียนซื่อที่อยู่ข้างหลังกลัวว่าพวกเขาจะหกล้ม จึงตะโกนบอกด้วยความกังวล “วิ่งช้าๆ หน่อย เดี๋ยวหกล้ม”

แฝดสี่คนทำเหมือนไม่ได้ยินคำเตือนของนาง

เซี่ยเถี่ยหนิวกลัวจะชนเด็กๆ จึงลดความเร็วของเกวียนลง ลู่เจียวลงมาจากเกวียนแล้วเดินไปพร้อมเด็กน้อยทั้งสี่

แฝดสี่เงยหน้าถามลู่เจียว

“ท่านแม่ ท่านพ่อหายหรือยังขอรับ”

ลู่เจียวพยักหน้ายิ้ม “เขาผ่าตัดแล้ว การผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก พักฟื้นอีกสักระยะก็จะหายดี ต่อไปเขาก็จะเดินได้ สามารถไปเล่าเรียนและสอบจ้วงหยวนได้แล้ว”

เจ้าตัวเล็กทั้งสี่ตื่นเต้นดีใจ แย้มยิ้มราวกับดอกไม้แย้มบาน

ทว่าผ่านไปครู่เดียว ต้าเป่าก็พบว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเกวียนนอนนิ่งไม่ขยับ ไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย ทำให้เขากังวลขึ้นมาอีก จึงหันไปถามลู่เจียว “ท่านแม่ เหตุใดท่านพ่อยังไม่ตื่นเสียที”

ลู่เจียวมองต้าเป่าด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง ยามที่เด็กน้อยคนนี้เรียกนางว่าท่านแม่ ริมฝีปากนางก็เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นอย่างอดไม่ได้

“เพราะตอนผ่าตัดได้ใช้ยาสลบไป ตอนนี้จึงยังไม่ตื่น แต่ตอนค่ำก็น่าจะตื่นแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกังวลหรอกนะ”

ต้าเป่าได้ยินดังนั้นก็วางใจ พยักหน้าหงึกๆ “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”

เกวียนเคลื่อนมาถึงประตูลานบ้านเล็กแล้วหยุดลง ลู่เจียวบอกใบ้ให้ลู่กุ้ยอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าเรือนไป แล้วนางก็ใช้สองมือประคองสองข้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ไม่ให้สองขาที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดไปกระแทกกับอะไรเข้า

เซี่ยเถี่ยหนิวที่อยู่ข้างหลังกำลังจะขับเกวียนจากไป ลู่เจียวร้องบอกเขา “พี่ใหญ่เถี่ยหนิว ขอบคุณท่านมาก”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เจ้ารีบพาอวิ๋นจิ่นเข้าไปข้างในเถอะ” เซี่ยเถี่ยหนิวส่ายหน้า

ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเงิน เพราะต่อให้นางยื่นเงินให้ เซี่ยเถี่ยหนิวก็คงไม่รับไว้ เพียงจดจำน้ำใจนี้ไว้ก็พอ

ลู่เจียวกับลู่กุ้ยอุ้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปวางในเรือนตะวันออก แล้วห่มผ้าให้เขาอย่างเอาใจใส่

เถียนซื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของลู่เจียวไม่สู้ดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วง “เจียวเจียว สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย เป็นอะไรไป”

ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร ก็แค่เป็นห่วงเขา”

เถียนซื่อรีบไปหยิบน้ำแกงหวานชามหนึ่งในครัวให้ลู่เจียวดื่ม จากนั้นก็ถามเรื่องผ่าตัดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างละเอียด

“ขาของอวิ๋นจิ่นไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ”

“อืม การผ่าตัดราบรื่นมาก ตอนนี้เพียงพักฟื้นให้กระดูกขาเขาหายดีก็พอแล้ว ใช้เวลาอย่างมากสองเดือนก็เดินได้เป็นปกติแล้ว ผ่านไปสามเดือนทุกอย่างก็จะดีเหมือนเดิม”

เถียนซื่อได้ยินแล้วดีใจมาก “ช่างดีจริงๆ สวรรค์มีตาแล้ว สวรรค์มีตาแล้ว”

เจ้าตัวเล็กทั้งสี่ก็กอดกันกลมด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน “ท่านพ่อจะไม่เป็นอะไรแล้ว”

“ต่อไปนี้เขาก็จะเล่นเป็นเพื่อนพวกเราได้แล้ว”

“แล้วเขาก็จะไปสำนักศึกษาได้ด้วย ท่านพ่อชอบเรียนที่สุด”

“ท่านพ่อบอกว่ารอให้เขาได้เป็นขุนนางใหญ่ ก็จะพาพวกเราไปเมืองหลวง ที่นั่นคึกคักมาก”

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความสุขสันต์

เซี่ยอวิ๋นจิ่นตื่นขึ้นมาตอนพลบค่ำ ยังไม่ทันลืมตาก็ได้ยินถ้อยคำแสดงความห่วงใยจากคนในตระกูลประโยคแล้วประโยคเล่า

“ป่านนี้แล้ว เหตุใดอวิ๋นจิ่นถึงยังไม่ตื่นขึ้นมาเสียที”

“เขาจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

“ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเจ้าวางใจได้”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงอันนุ่มนวลของลู่เจียว เขาลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงกำลังพูดคุยกับคนในตระกูลที่อยู่ในห้องอย่างอ่อนโยน ไม่อาจหาคำมาบรรยายได้ว่าอากัปกิริยาดูมั่นใจและสุขุมเยือกเย็นเพียงใด ทั้งที่เป็นหน้าตาที่คุ้นเคยมานานแท้ๆ แต่กลับไม่เหมือนนางคนเดิมแม้แต่น้อย

ในอดีตเขาเคยวาดฝันว่าในอนาคตตัวเองจะแต่งงานกับสตรีเช่นไร เขาไม่ได้หวังให้นางผู้นั้นงามล่มเมือง ขอเพียงมั่นใจในตัวเอง สุขุมเยือกเย็น อยู่กับเขาอย่างปรองดอง ยามประสบปัญหาก็เผชิญไปด้วยกัน หากวันใดได้มีลาภยศ พวกเขาก็ร่วมเสพสุขด้วยกัน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดอย่างเหม่อลอย เจ้าตัวเล็กทั้งสี่ที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงก็พบว่าเขาฟื้นแล้ว จึงเรียกเขาอย่างตื่นเต้นดีใจ “ท่านพ่อตื่นแล้ว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกขัดจังหวะ ลู่เจียวหันมามองเขา คนในห้องทั้งหมดปรี่เข้ามาล้อมรอบเตียง

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บขามากใช่ไหม ทนไหวหรือไม่” ลู่เจียวเอ่ยปากถามคนแรก

ก่อนหน้านี้เขาถูกวางยาสลบจึงไม่รู้สึกเจ็บ แต่ตอนนี้ยาสลบหมดฤทธิ์แล้ว คิดว่าเขาคงจะรู้สึกปวดแล้ว

แต่น่าเสียดายที่ในห้วงอากาศของนางไม่มีเครื่องควบคุมความปวดด้วยตัวเอง[1] ดังนั้นหากเขามีอาการเจ็บปวดรุนแรง นางก็ทำได้เพียงให้ยาแก้ปวดเขากิน แต่ว่าไม่กินจะดีที่สุด การใช้ยาเยอะไม่ใช่เรื่องดีอะไร

——————————————–

[1] เครื่องควบคุมความปวดด้วยตัวเอง เครื่องควบคุมความปวดด้วยตัวเอง (PCA) คือ เครื่องมือให้ยาแก้ปวด โดยผู้ป่วยสามารถกดยาแก้ปวดจากเครื่องได้ด้วยตัวเอง ภายใต้การดูแลของแพทย์

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท