ตอนที่ 84 ข้ารอเจ้า
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ลู่เจียวก็ออกจากบ้านทันที
เข้าเมืองครั้งนี้ นอกจากจะต้องจัดการเรื่องการผ่าตัดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว นางยังต้องซื้อของใช้ในบ้านด้วย
ตอนนี้นางกังวลว่าจะหาซื้อหม้อดีๆ ได้หรือไม่ ไม่รู้ว่าในเมืองจะมีขายไหม
ลู่เจียวนึกถึงหมอฉีเหล่ย ได้ยินว่าเขามาจากเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะรู้แหล่ง ตอนไปหาเขาต้องลองถามดูเสียหน่อยว่าจะช่วยนางหาซื้อหม้อดีๆ สักสองใบได้หรือไม่ ลู่เจียวตัดสินใจเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของเซี่ยฟู่กุ้ย
ตลอดทาง ชาวบ้านที่เห็นนางก็ไม่ได้รังเกียจนางเหมือนก่อนหน้านี้ พวกเขาทักทายนางอย่างเป็นมิตร
เซี่ยเถี่ยหนิวเตรียมเกวียนวัวไว้นานแล้ว ตอนนี้บนเกวียนมีคนนั่งอยู่หลายคน นั่นก็คือเฉินหลิ่ว พี่สะใภ้ใหญ่ของลู่เจียว ฉางเหมย สะใภ้คนเล็กของซย่าซื่อ เซี่ยเสี่ยวเจวียน และคนที่ไม่ถูกกันกับลู่เจียวอย่างเสิ่นซิ่วและป้ากุ้ยฮวา
เมื่อเสิ่นซิ่วเห็นลู่เจียว ความเกลียดชังก็ฉายชัดในแววตา เอาแต่จับจ้องลู่เจียว ท่าทางราวกับจะกัดทึ้งลู่เจียวให้สิ้นซาก
ลู่เจียวไม่สนใจนาง หันไปส่งยิ้มให้เซี่ยเสี่ยวเจวียน เซี่ยเสี่ยวเจวียนรีบยื่นมือไปดึงนางมานั่งข้างๆ
ทันทีที่ลู่เจียวนั่งลง เกวียนวัวก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เฉินหลิ่วที่นั่งตรงข้ามเห็นลู่เจียวไม่คิดจะทักทายกันก็นึกโกรธเคือง จึงหาเรื่องลู่เจียว
“ไอ้หยา น้องสะใภ้สามสายตาไม่ดีหรือ หรือเป็นเพราะว่าน้องสามใกล้จะหายดีแล้ว จึงดูถูกพี่สะใภ้คนนี้”
ลู่เจียวหันไปส่งยิ้มให้เฉินหลิ่วแล้วพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ข้าดูถูกเจ้าแล้วจะทำไม ก่อนหน้านี้พวกเจ้าทำเรื่องอะไรไว้ อย่าว่าแต่ข้าเลย เจ้าลองไปถามคนในหมู่บ้าน คนมากมายล้วนดูถูกเรื่องที่พวกเจ้าทำทั้งนั้น”
พอลู่เจียวเอ่ยถึงเรื่องนี้ สตรีสองสามคนที่อยู่บนเกวียนต่างหันมาทางเฉินหลิ่วโดยพร้อมเพรียงกัน
กระทั่งคนที่ไม่ถูกกับลู่เจียวอย่างป้ากุ้ยฮวา ในแววตายังเต็มไปด้วยความหยามเหยียด
เฉินหลิ่วโกรธจนหน้าเบี้ยว เพลิงโทสะลุกโชนในดวงตา ยกมือขึ้นหมายจะตบลู่เจียว แต่เมื่อนึกถึงกำลังอันมากล้นของลู่เจียวก็ไม่กล้าลงมือ
แม้แต่แม่สามี แม่นางผู้นี้ยังไม่ไว้หน้า กับนางยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้านางกล้าลงมือ อีกฝ่ายต้องเอาคืนแน่
กระนั้นเมื่อเฉินหลิ่วคิดถึงเรื่องที่แม่สามีว่าไว้เมื่อคืน ก็ยกมุมปากเผยยิ้มจองหอง
เหอะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ใจไปก่อน รอวันที่เจ้าโดนหย่าก็คงเชิดหน้าเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไป
เฉินหลิ่วคิดได้ดังนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ขึงตาใส่ลู่เจียวทีหนึ่งก็หันหน้าหนีไปทางอื่น
เฉินหลิ่วไม่พูดอะไรต่อ เสิ่นซิ่วที่อยู่ด้านข้างก็ค่อยๆ พูดขึ้นมา
“ลู่เจียว เจ้าสั่งให้หลัววั่งไฉขโมยเงินข้า แล้วยังเอาเงินก้อนนั้นไปให้ท่านแม่ เพื่อบีบบังคับให้ข้าแต่งกับเขาใช่หรือไม่ เจ้าข่มเหงข้า”
ลู่เจียวได้ยินก็รู้ว่าเสิ่นซิ่วต้องได้ยินคำพูดเหล่านี้จากหลัววั่งไฉแน่นอน
แต่นางหาได้กลัวไม่
คนที่อยู่บนรถม้าได้ยินเสิ่นซิ่วพูด ก็หันไปมองลู่เจียวด้วยความกังขา เป็นเรื่องจริงหรือ
ลู่เจียวยิ้มเย็นแล้วพูดตอบเนิบช้า “เสิ่นซิ่ว เจ้าเป็นคนใช้ห้าตำลึงเงินสั่งให้หลัววั่งไฉมาล่อลวงข้าก่อน ข้าถึงได้เอาคืนเจ้าเช่นนี้ สิ่งที่ข้าทำยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เจ้าทำกับข้าเลย”
“ข้ามีสามีอยู่แล้ว เจ้ากลับสั่งให้บุรุษอื่นมาล่อลวงข้า จงใจทำลายชื่อเสียงของข้า ส่วนเจ้านั้นเป็นแม่หม้าย หลัววั่งไฉก็ยังไม่มีคู่ครอง บุรุษและสตรีที่ไม่มีคู่ครองมาแต่งงานกันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ข้าแค่ทำให้หลัววั่งไฉไปสู่ขอเจ้าเท่านั้น เจ้าต่างหากที่ต่ำช้า”
ลู่เจียวพูดจบ คนบนเกวียนวัวต่างก็หันไปมองเสิ่นซิ่ว เมื่อนึกถึงเรื่องที่เสิ่นซิ่วมีใจให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว ทุกคนล้วนเชื่อว่าสิ่งที่ลู่เจียวพูดเป็นความจริง
เสิ่นซิ่วถึงกับข่มเหงลู่เจียว เพียงเพราะอยากเป็นภรรยาของอวิ๋นจิ่น
นางที่เป็นแม่หม้ายคนหนึ่งกลับใฝ่สูงปานนี้ คนเขาเป็นถึงซิ่วไฉ จะเหลียวแลแม่หม้ายเช่นนางได้อย่างไร ช่างเพ้อฝันเสียจริง
ทุกคนมองนางอย่างเหยียดหยาม
เสิ่นซิ่วเห็นสายตาของคนรอบข้าง ครั้นนึกถึงว่าภาพลักษณ์อันดีที่เพียรสร้างไว้ในหมู่บ้านกำลังพังทลายเสียแล้ว ก็รู้สึกแค้นใจเหลือเกิน
“ลู่เจียว ข้าไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่”
ลู่เจียวแค่นเสียง “ข้าจะรอ เอาสิ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
ลู่เจียวยิ้มเยาะ เสิ่นซิ่วโกรธเกรี้ยวจนปวดศีรษะ ความเกลียดชังที่มีต่อลู่เจียวยิ่งเพิ่มพูน หมายมั่นว่าจะเอาเรื่องนางผู้นี้ให้ถึงที่สุด
บนเกวียนวัว เซี่ยเสี่ยวเจวียนยื่นมือออกไปกุมมือลู่เจียวด้วยความเป็นห่วง
ลู่เจียวยกมือแตะหน้าของเซี่ยเสี่ยวเจวียนเบาๆ แล้วพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าอย่าได้กังวลไป”
ลู่เจียวหันไปมองไข่ในมือของเซี่ยเสี่ยวเจวียน แล้วพูดอย่างเอาใจใส่ “เจ้าจะไปขายไข่ในเมืองหรือ”
“ใช่แล้ว บ้านข้ามีไก่อยู่จำนวนหนึ่ง ทุกสองสามวันแม่จะใช้ให้ข้านำไข่ไปขายในเมือง”
ลู่เจียวได้ยินก็ครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนหันไปบอกเซี่ยเสี่ยวเจวียนว่า ต่อไปให้พวกนางส่งไข่ไปที่บ้านของตัวเอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นและเด็กแฝดทั้งสี่ต้องเพิ่มสารอาหาร ไข่ไก่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี บ้านนางต้องการไข่ บ้านผู้ใหญ่บ้านก็ต้องการขายไข่พอดี เช่นนั้นนางจะรับซื้อเสียเลย
ทว่าลู่เจียวไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น จึงไม่ได้เอ่ยถึง
เซี่ยเสี่ยวเจวียนนึกถึงคำพูดที่บิดาบอกก่อนหน้านี้ จึงถามลู่เจียวเสียงค่อย “อาสะใภ้สาม ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่าท่านจะสอนความรู้ด้านสมุนไพรให้กับชาวบ้านหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “อืม”
เซี่ยเสี่ยวเจวียนที่อยู่ด้านข้างคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ก็รู้สึกว่าถ้าตัวเองเอ่ยออกมาก็อาจทำให้อาสะใภ้สามลำบากใจ จึงกลืนคำพูดนั้นกลับลงคอไป
ทว่าลู่เจียวกลับจับมือนาง “ไว้เจ้าก็มาเรียนกับข้าที่บ้านเถอะ”
เซี่ยเสี่ยวเจวียนตื่นเต้นดีใจมาก “ขอบคุณอาสะใภ้สาม”
“ไม่เป็นอะไร”
แม้ทั้งสองจะพูดเสียงเบาเพียงใด แต่เกวียนวัวก็กว้างแค่นี้ คนอื่นย่อมได้ยิน
โดยเฉพาะเฉินหลิ่วที่แทบจะกระอักเลือด นางไม่สอนพี่สะใภ้ใหญ่แต่กลับไปสอนคนนอก สมองมีปัญหาแล้วจริงๆ เหอะ ถึงเวลาที่ท่านแม่ให้น้องสามหย่ากับเจ้า ข้าจะไม่พูดเข้าข้างเจ้าแม้แต่คำเดียว
เฉินหลิ่วครุ่นคิดอย่างขุ่นแค้น
ในขณะที่เฉินหลิ่วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ป้ากุ้ยฮวากลับเป็นกังวลใจ เรื่องที่ลู่เจียวจะสอนความรู้เรื่องสมุนไพรให้ชาวบ้าน นางก็ไม่เคยรู้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นลู่เจียวยังมีทักษะการแพทย์ ได้ยินว่าเด็กสกุลหลินไข้ขึ้นสูง แม้กระทั่งหมอจากหอยาหุยชุนยังจนปัญญา แต่สุดท้ายพอได้กินยาของนางก็หายไข้
อีกทั้งนางยังแก้พิษงูให้กับพรานสกุลสวี่ ป้ากุ้ยฮวาเห็นมากับตาว่าตอนนี้พรานคนนั้นไม่เป็นอะไรแล้ว
แม่นางผู้นี้เก่งกล้าสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
คิดไปคิดมาป้ากุ้ยฮวาก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง
ลู่เจียวจะยังสอนคนในบ้านฝ่ายสามีอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าคนในบ้านเจ็บป่วย แม่นางผู้นี้จะยังสนใจอยู่ใช่ไหม
ป้ากุ้ยฮวาขนลุกไปทั้งตัว ไม่ได้ นางต้องทำดีกับแม่นางคนนี้ให้มาก
คิดได้ดังนั้น ป้ากุ้ยฮวาก็รีบปั้นหน้ายิ้ม แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืดฝืน
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น นี่จะไปซื้ออะไรในเมืองหรือ”
ลู่เจียวมองนางด้วยสีหน้าพิกล ทุกคนบนเกวียนก็เช่นกัน
คนในหมู่บ้านล้วนรู้ดีว่าป้ากุ้ยฮวาไม่ถูกกับลู่เจียว แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
ลู่เจียวมองป้ากุ้ยฮวาอย่างฉงน นี่วางแผนจะทำอะไรอีก
แม้นางจะยิ้มให้ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก