ตอนที่ 87 ไม่รู้ว่าสุนัขกินหรือไม่
ทว่าลู่เจียวไม่อยากให้ฉีเหล่ยดูนางผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ เพราะนางจำเป็นต้องใช้ยาชาและยาปฏิชีวนะในการผ่าตัดให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ของพวกนี้ไม่ควรให้เขาเห็น
ยาชาและยาปฏิชีวนะที่อยู่ในห้วงอากาศของนางเหลือไม่มากแล้ว พรุ่งนี้คงใช้หมด ต่อไปก็คงต้องคิดค้นยาเหล่านี้ออกมาก่อน ถึงจะทำการผ่าตัดได้
ลู่เจียวคิดได้ก็มองฉีเหล่ย “การผ่าตัดพรุ่งนี้มีเลือดออกเยอะเกินไป ไม่เหมาะกับคนเพิ่งเรียนผ่าตัดครั้งแรก ไว้มีการผ่าตัดเล็กๆ เจ้าค่อยมาดูเถอะ ค่อยๆ ฝึกไป อีกทั้งการผ่าตัดพรุ่งนี้ก็สำคัญมาก ถ้าเจ้าตกอกตกใจจนเป็นลมไป แล้วข้าเสียสมาธิขึ้นมาจะทำอย่างไร นี่อันตรายต่อสามีข้ามาก”
ลู่เจียวพูดอย่างมีเหตุมีผล ฝึกผ่าตัดครั้งแรกก็เจอการผ่าตัดใหญ่แล้ว หลายคนทนไม่ได้จริงๆ นางไม่กล้าเสี่ยง เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจะส่งผลเสียต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ฉีเหล่ยได้ยินก็รู้สึกว่านางกล่าวได้ถูกต้อง จึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง อีกอย่างเขาเองก็นึกภาพออก ต้องผ่าขาจนเห็นกระดูก เนื้อ และเส้นเลือด แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว
แม้ที่ผ่านมาเขาจะเคยรักษาผู้ป่วยที่อาการหนักมาไม่น้อย ทว่าก็ไม่เคยเอามีดไปกรีดขาใครมาก่อน
ลู่เจียวเดินไปถึงประตู จู่ๆ ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จะให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ไม่ได้ว่านางเป็นคนผ่าตัดให้เขา ต้องให้เจ้าหมอนั่นหลับไปก่อน
ลู่เจียวครุ่นคิดสักพักก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาบัง ลอบนำยากล่อมประสาทจากห้วงอากาศออกมาหนึ่งขวด
“พรุ่งนี้พอสามีของข้ามา เจ้าก็นำยาขวดนี้ให้เขาดื่มแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นข้าจะเข้ามาผ่าตัดให้เขา ทำเช่นนี้จะได้ไม่โดนจับได้”
“ได้”
ฉีเหล่ยรับปากทุกอย่าง ลู่เจียวถือว่าจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นในที่สุด จึงจากไปทันที
ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก ลู่เจียวเองก็ไม่รีบ จึงแวะซื้อถ้วยกับตะเกียบไปไม่น้อย แล้วยังซื้อลูกกวาดไปอีกสองสามจิน
ครั้งนี้นางไม่ได้ซื้อของว่าง เพราะของฝากที่สหายของเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้มายังมีเหลืออยู่หลายกล่อง แม้วันนี้นางจะนำใส่ตะกร้าออกมาด้วยบางส่วน แต่อันที่จริงแล้วนางเก็บเข้าไปในห้วงอากาศต่างหาก
ลู่เจียวซื้อถ้วยกับตะเกียบและลูกกวาดเสร็จก็ลอบนำลูกท้อและองุ่นออกมาใส่ตะกร้า
พอเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว นางก็คิดจะหาอะไรกินในละแวกนี้เสียหน่อย
เพิ่งหันหน้ากำลังจะมุ่งไปยังถนนที่มีร้านอาหารเต็มสองข้างทาง นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนมาขวางทางนางไว้
ผู้ที่อยู่หน้าสุดคือชายร่างกำยำ บนใบหน้ามีแผลเป็นรอยหนึ่ง ขับให้เขายิ่งดูโหดเหี้ยม
ด้านหลังของเขายังมีคนอยู่อีกสี่ห้าคน แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ได้มาดี
ลู่เจียวเลิกคิ้วมอง คนพวกนี้ไม่น่าจะเคยมีเรื่องแค้นใจอะไรกับนาง แล้วพวกเขามาขวางทางนางทำไม
ลู่เจียวหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องคนตรงหน้าไม่วางตา
ชายร่างกำยำหน้าโหดที่อยู่หน้าสุดเอ่ยว่า “นางหมูตอนเช่นเจ้าเองหรือที่รังแกน้องเสิ่นซิ่วของข้า หน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังอ้วนอีก”
เขาพูดจบก็โบกมือสั่งลูกน้องด้านหลัง “ไป ไปจับนางหมูตอนตัวนี้มาให้ได้ แล้วเอาไปขายที่ซ่อง”
ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างระมัดระวัง “นางอ้วนขนาดนี้ จะขายได้เท่าไรกันเชียว”
“สักสองตำลึงเงินก็คงได้กระมัง”
ชายหน้าโหดถลึงตาใส่ลูกน้อง “ยังไม่รีบไปจับคนอีก”
ลูกน้องสองคนมุ่งตรงไปยังลู่เจียว ลู่เจียวหันกลับไปวางตะกร้าไว้บนพื้นด้านหลัง
นางไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย เพราะเมื่อครู่นี้นางแอบโปรยผงยาสลบไป แล้วอาศัยท่วงท่าตอนที่วางตะกร้าลง ลอบกินยาแก้ยาสลบเอาไว้ก่อน
ลู่เจียวเพิ่งจะวางตะกร้าลง พวกลูกน้องก็พุ่งเข้ามา นางหันกลับมาปล่อยหมัดอัดหน้าชายคนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็วาดขาถีบอีกคนเข้าอย่างจัง
ลู่เจียวมีกำลังเยอะมากอยู่แล้ว อีกทั้งนางยังไม่นึกหวาดกลัวคนพวกนี้ ดังนั้นเพียงกำปั้นและลูกเตะเดียวก็ทำให้พวกเขาล้มลงอย่างแรงแล้ว
คนที่เหลือต่างสะดุ้งตกใจ ไม่กล้าลงมือต่อ
ชายหน้าโหดหน้าเปลี่ยนสี โบกมือสั่งลูกน้องที่เหลือ “นางหมูตอนช่างหมัดหนักเสียจริง มิน่าถึงได้รังแกน้องเสิ่นซิ่วได้ ไป พวกเจ้าไปจับนางมา”
ครั้งนี้พวกเขาระมัดระวังมากขึ้น ล้อมลู่เจียวไว้ตรงกลาง ลู่เจียวมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วปรบมือขณะที่พูดขึ้นว่า
“ล้ม ล้ม”
สิ้นเสียง ชายพวกนั้นก็หน้ามืดตามัว ร่างกายอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ จากนั้นก็ล้มพับลงบนพื้นในที่สุด
ชายหน้าโหดสีหน้าย่ำแย่ ตวาดใส่ลู่เจียว “เจ้าทำอะไรพวกเขา”
“ทำอะไร เจ้าว่าข้าทำอะไรล่ะ”
นางสาวเท้าเดินไปตรงหน้าชายหน้าโหดทันที
เวลานี้เขาเริ่มรู้สึกว่าสตรีตรงหน้าไม่ธรรมดา จึงเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ตั้งท่าจะวิ่งหนี
น่าเสียดายที่เขาเองก็โดนวางยาเช่นกัน ร่างกายจึงสิ้นไร้เรี่ยวแรงและล้มลงบนพื้นตามไปอีกคน
ลู่เจียวย่ำเท้าเหยียบร่างเขาทันที ชายคนนั้นยังคงสติไว้ได้ พยายามเงยหน้ามองลู่เจียว “จะ เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า”
ลู่เจียวแย้มยิ้ม ดวงตาฉายแววอำมหิต “ไม่ให้อภัยข้า? เจ้าลองพูดมาสิว่าจะไม่ให้อภัยข้าอย่างไร”
นางหยิบมีดผ่าตัดออกมาถือไว้ในมือ
ชายหน้าโหดเบิกตาจนกว้างเท่าไข่ไก่ หญิงผู้นี้พกมีดด้วยหรือ นี่นางเป็นคนหรือผีกันแน่
ชายหน้าโหดขนลุกไปทั้งตัว ลู่เจียวก้มลงไปแล้วค่อยๆ เอามีดผ่าตัดสัมผัสกับผิวหน้าของเขา “หน้าของเจ้าอัปลักษณ์เกินไป เฉือนทิ้งไปเสียดีหรือไม่”
นางไม่รอให้อีกฝ่ายโต้ตอบก็ส่ายหน้า “ไม่ ไม่ได้ หนังที่อัปลักษณ์เช่นนี้ เอาไปทำเป็นกลองก็อาจทำให้กลองเสียได้ แล่หนังออกมาสับละเอียดแล้วป้อนให้สุนัขก็ยังไม่รู้ว่าสุนัขจะกินหรือไม่”
ชายหน้าโหดฟังจนขนหัวลุก เขาไม่รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้กำลังหยอกเย้า สีหน้านางจริงจังมาก
ชายผู้นั้นตื่นตระหนก ตะโกนอย่างหวาดผวา “อย่าฆ่าข้าเลย เป็นเสิ่นซิ่ว นางต่างหากที่บอกให้ข้าเอาเจ้าไปขายที่ซ่อง”
“นางรับปากว่าจะอยู่กับข้าหนึ่งเดือน ข้าถึงได้ยอมช่วยนาง ไม่ใช่ความผิดข้า ไม่ใช่ความผิดข้านะ”
กล่าวจบเขาก็สลบไปเพราะฤทธิ์ยา
ลู่เจียวเอายาแก้ยาสลบวางไว้ใกล้กับจมูกของเขา ผ่านไปสักพักเขาก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ลู่เจียวใช้มีดจี้คอของเขา เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด เขาจึงโอดครวญเสียงดัง
“พี่สาว ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ท่านอย่าแล่หนังข้าให้สุนัขกินเลย วันหลังข้าไม่กล้าหาเรื่องท่านอีกแล้ว ข้าขอร้อง ครั้งนี้ได้โปรดยกโทษให้ข้าเถอะ”
ลู่เจียวแสยะยิ้มเย็นยะเยือก “ก็ไม่ใช่ว่าจะยกโทษให้เจ้าไม่ได้ แต่เจ้าต้องช่วยอะไรข้าอย่างหนึ่ง”
ชายผู้นั้นรีบตอบตกลง “ได้ ได้”
ลู่เจียวเก็บมีดผ่าตัดแล้วมองเขาจากมุมสูง “ในเมื่อเสิ่นซิ่วชอบซ่องโสเภณีขนาดนั้น เจ้าก็ส่งนางไปอยู่ที่นั่นเสีย”
ก่อนจะจากไป นางหันไปมองชายหน้าโหดอีกครั้ง “ข้าหวังว่าเจ้าจะปิดปากให้สนิท หากข้าได้ยินเรื่องนี้เล็ดลอดออกมา ข้าจะแล่หนังเจ้ามาสับให้เละ”
เขาจะกล้าพูดอะไรได้อีกเล่า นางไม่ใช่คนแล้ว เป็นภูตผีปีศาจชัดๆ
“ข้ารับปาก รับปากทุกอย่าง”