ตอนที่ 91 จากนี้ไปเจ้าจะเจอเรื่องยุ่งยาก
เมื่อหร่วนซื่อได้ยินคำพูดของลู่เจียว นางก็สีหน้าเปลี่ยนทันที อ้าปากเตรียมจะด่าคน
“เจ้านี่ไม่รู้จักจบจักสิ้นเลยใช่ไหม” เซี่ยเหล่าเกินดึงมือนางไว้อย่างเกรี้ยวกราด
ตอนอยู่บ้านยังคุยกันดีๆ พอมาถึงนี่ไม่ทันไรก็ก่อเรื่องอีกแล้ว
หร่วนซื่อกัดฟันอย่างแค้นเคือง หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียง มิอาจเอ่ยความระอาในใจมีต่อบุตรคนที่สามออกมาได้
เจ้าคนที่แต่งงานมีภรรยาแล้วลืมมารดา เห็นภรรยาตัวเองรังแกมารดาของตัวเองแต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ ยังดีที่บุตรอีกคนยังกตัญญูต่อนางอยู่
หร่วนซื่อมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติ “โธ่ เจ้าสาม ได้ยินว่าพรุ่งนี้เจ้าจะไปผ่าตัด ข้ากับพ่อเจ้าไม่วางใจเลย พรุ่งนี้พวกเราทุกคนจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
“เรื่องการผ่าตัด ให้คนไปเยอะขนาดนั้นก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ให้ท่านพ่อไปคนเดียวก็พอแล้ว” เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างเย็นชา
หร่วนซื่ออ้าปากจะตอบตกลง แต่เซี่ยเหล่าเกินก็พูดแทนว่า “เจ้าสาม แม่เจ้าไม่วางใจ เป็นห่วงเจ้ามาตลอด นางจึงอยากไปเฝ้าเจ้า”
ลู่เจียวที่อยู่ด้านข้างบอกว่า “หมอฉีบอกไว้ว่าตอนผ่าตัดใครก็เข้าไปเฝ้าไม่ได้ ให้อวิ๋นจิ่นเข้าไปได้คนเดียวเท่านั้น”
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร ถ้าเขาทำร้ายบุตรข้าจะทำอย่างไร” หร่วนซื่อโวยวายอย่างไม่พอใจ
ลู่เจียวเหยียดยิ้มใส่นางทันที พูดราวกับว่าตัวเองนั้นรักบุตรชายมากเหลือเกิน
“ต่อให้ท่านแม่ไปด้วย แต่จะกล้าดูหรือเจ้าคะ ตอนผ่าตัดต้องแหวกเนื้อขาออกมานะ” ลู่เจียวกล่าวอย่างเนิบนาบ
เมื่อหร่วนซื่อจินตนาการถึงภาพนั้น สีหน้าก็พลันซีดขาว ยกมือข้างหนึ่งกุมอก ท่าทางเหมือนถูกขู่ให้ตกใจ
เซี่ยเหล่าเกินมองภรรยาของตัวเองครู่หนึ่งแล้วมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียง “เจ้าสามลูก นี่เป็นเรื่องใหญ่นะ หากพวกเราทั้งหมดไปเป็นเพื่อนเจ้า เราอยู่ในนั้นจะได้สงบใจหน่อย พวกเราทำเช่นนี้ก็เพื่อเจ้านะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้สึกซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ซ้ำสีหน้ายังเย็นชากว่าเก่า
ตอนเซี่ยเหล่าเกินมองเห็นสีหน้าของเขา ในใจก็นึกเสียใจ เหตุใดตอนแรกจึงประสาทกลับจนไล่บุตรชายที่ได้รับบาดเจ็บออกไปได้นะ หากไม่ได้ไล่ออกไป ตอนนี้พวกเขาคงไม่ผิดใจกันเช่นนี้
เมื่อก่อนเจ้าสามกตัญญูต่อเขาและมารดายิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับกลายมาเป็นอย่างนี้
ถึงแม้เซี่ยเหล่าเกินจะลำเอียงรักบุตรคนโตมากกว่า แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่อนาคตสดใสที่สุดในตระกูลก็คือบุตรคนที่สาม คนทั้งตระกูลล้วนต้องพึ่งพาเขา แล้วตอนนี้ที่ได้เป็นอย่างไรล่ะ พวกเขาทั้งตระกูลล่วงเกินเขาไปเสียแล้ว
เซี่ยเหล่าเกินยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ พอมองไปทางหร่วนซื่อที่อยู่ข้างกัน ในใจก็ต้องข่มกลั้นเพลิงโทสะเอาไว้ เขาอยากจะทุบตีหร่วนซื่อสักยก เรื่องทุกอย่างล้วนเป็นเพราะสตรีผู้นี้
แต่สุดท้ายก็ยังอดทนไว้ หลายปีมานี้เขาอดทนอดกลั้นจนเคยชินแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ตามใจพวกท่านแล้วกัน”
อยากไปก็ไป
หร่วนซื่อเห็นท่าทีเย็นชาไร้หัวใจของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เพลิงโทสะก็ปะทุขึ้นในใจอีกครา ยิ่งเมื่อเห็นเสี่ยวซื่อที่กำลังเคี้ยวองุ่นเสียงดัง ทั้งยังคอยปอกเปลือกป้อนใส่ปากบิดาอีก ไม่มีสักคนที่คิดจะส่งองุ่นให้ท่านปู่และท่านยา
หร่วนซื่อถลึงตาใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเด็กทั้งสี่ทีหนึ่ง สุดท้ายสายตาของนางก็ไปหยุดอยู่ที่ลู่เจียว ต้องเป็นผู้หญิงคนนี้แน่นอนที่คอยเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ทำให้พวกเขาแม่ลูกแตกแยกกัน
จะเก็บสตรีผู้นี้ไว้ในสกุลเซี่ยไม่ได้ ต้องไล่นางออกไปเสีย
ดวงตาของหร่วนซื่อแทบจะลุกเป็นไฟ เซี่ยเหล่าเกินที่อยู่ข้างกันกลัวว่าหร่วนซื่อจะทะเลาะวิวาทกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีก จึงรีบจูงมือนางเดินออกไปข้างนอก ขณะที่จูงมือออกไปก็กล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “พ่อกับแม่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราทั้งตระกูลจะไปส่งเจ้าทำการผ่าตัด”
ที่จริงเซี่ยเหล่าเกินก็จ้ององุ่นของหลานๆ ตาเป็นมันเช่นกัน นี่เป็นอาหารที่ล้ำค่ามาก เขายังไม่เคยกินมาก่อนเลย
แม้บ้านเกิดของเขาจะมีองุ่นเช่นกัน แต่เป็นองุ่นที่เปรี้ยวมาก ส่วนองุ่นที่ทั้งใหญ่ทั้งกลมของแฝดสี่ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นของดี
น่าเสียดายที่ไม่ได้ชิมสักผล
ในห้อง ลู่เจียวหาได้แยแสเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อ นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงแล้วถามอย่างเห็นใจว่า “จากนี้ไปเจ้าจะเจอเรื่องยุ่งยากใจ!”
แล้วการมีภรรยาเช่นเจ้า ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรอกหรือ
ใบหน้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงเจือรอยยิ้มเย้ยหยัน หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาขยับไปไหนไม่ได้ เขาคงทำให้มารดางานยุ่งจนไม่มีเวลามาหาไปตั้งนานแล้ว
ทว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว รอให้เขาเคลื่อนไหวได้เมื่อไร เขาจะทำให้มารดาผู้นี้หัวหมุนแน่นอน เอาให้นางไม่มีเวลามายุ่งเรื่องของเขาอีก
ลู่เจียวเลิกสนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น ออกไปเตรียมอาหารค่ำ
เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะต้องผ่าตัดแล้ว ดังนั้นมื้อค่ำของวันนี้จึงมีแต่อาหารอ่อนๆ หลังกินมื้อค่ำแล้ว ลู่เจียวก็ยังบอกให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพักผ่อนด้วย
“เข้านอนเร็วๆ หน่อย ทำจิตใจให้สงบ วันนี้หมอฉีบอกไว้ว่า การผ่าตัดของเจ้าครั้งนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรหรอก เจ้าก็อย่ากังวลไปเลย”
คำพูดอันอ่อนโยนของลู่เจียวนั้นปลอบประโลมใจคนได้เป็นอย่างดี เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินแล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย ใจสงบเป็นพิเศษ พอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะเดินได้เหมือนปกติแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าดูอบอุ่น งดงามราวหยกเนื้อดียามต้องแสง
ลู่เจียวถือชามเปล่าหันตัวเตรียมจะเดินออกไป คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ด้านนอกจะมีเสียงโวยวายดังขึ้น “ลู่เจียว เจ้าโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ รีบบอกมาว่าลูกสาวข้าหายไปไหน”
ลู่เจียวได้ยินก็รู้ทันทีว่าคนที่โวยวายก็คือแม่หม้ายหลี่ จนป่านนี้แล้วเสิ่นซิ่วยังไม่กลับมาอีกหรือ
เจียวแววตามืดครึ้มลงครู่หนึ่ง นางถือชามเปล่าเดินออกไป
ด้านนอกลานบ้าน มีคนสามคนพุ่งเข้ามา ผู้ที่นำหน้ามาก็คือแม่หม้ายหลี่ ข้างหลังนางยังมีหลัววั่งไฉกับเสิ่นเสี่ยวซาน
เด็กผู้ชายสองคนนี้เคยถูกลู่เจียวตีสั่งสอนมาก่อน พอเห็นลู่เจียว ก็ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
พอแม่หม้ายหลี่เห็นลู่เจียวก็ตะคอกอย่างโมโหว่า “ลู่เจียว ลูกสาวข้าล่ะ เจ้าวางแผนทำร้ายนางใช่หรือไม่”
ลู่เจียวแสยะยิ้มแล้วยกชามเปล่าในมือเขวี้ยงใส่แม่หม้ายหลี่
แม่หม้ายหลี่ชะงักงัน ชั่วขณะนั้นยังตั้งตัวไม่ติด แต่หลัววั่งไฉที่อยู่ข้างหลังนางกลับไหวตัวทัน รีบยื่นมือดึงนางให้ผละออกมา แต่ถึงแม้จะทำเช่นนี้ ชามเปล่าก็กระแทกใบหน้าของแม่หม้ายหลี่ไปแล้ว
เกิดเสียงดัง เพล้ง ชามตกแตกแล้ว
แม่หม้ายหลี่ตกใจจนหน้าซีด หากไม่ใช่เพราะหลัววั่งไฉดึงนางให้หลบได้ทันเวลา นางจะต้องถูกผู้หญิงบ้าคนนี้เขวี้ยงชามใส่เข้าอย่างจังจนเจ็บหนักแน่นอน
ลู่เจียวไม่รอให้แม่หม้ายหลี่พูดอะไร นางจ้องแม่หม้ายหลี่ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แม่หม้ายหลี่ ข้าวน่ะกินมากได้ แต่วาจานั้นจะกล่าวซี้ซั้วไม่ได้ หากเจ้ากล้าใส่ร้ายข้าอีกแม้แต่ประโยคเดียว ก็รอดูข้าเย็บปากเจ้าได้เลย”
ภายใต้แสงสลัวจากโคมไฟ สีหน้าของลู่เจียวดูเยียบเย็นชวนพิศวงเป็นพิเศษ ทำเอาแม่หม้ายหลี่ขวัญหนีดีฝ่อ
แต่ก็ยังอดบ่นพึมพำไม่ได้ “จนป่านนี้แล้วลูกสาวข้ายังไม่กลับมาเลย หากไม่ใช่เจ้าที่วางแผนทำร้ายนาง แล้วนางจะไปไหนได้”
“เจ้าจ่ายเงินจ้างให้ข้าดูแลลูกสาวแทนเจ้าหรืออย่างไร นางหายตัวไปเจ้าถึงได้มาทวงที่เรือนข้า หากนางตายแล้วก็เป็นความผิดข้าใช่หรือไม่” ลู่เจียวมองเหยียด
“ในเมื่อเจ้าสงสัยว่าข้าวางแผนทำร้ายลูกสาวเจ้า เช่นนั้นก็รีบไปแจ้งความที่เทศมณฑลชิงเหอที่ว่าการอำเภอสิ ข้าจะรอเจ้า”
แม่หม้ายหลี่ได้ยินแล้วก็หน้าถอดสี นางกล้าไปแจ้งความกับที่ว่าการอำเภอเสียที่ไหนกัน
หนำซ้ำนางก็ยังไม่รู้เลยว่าลูกสาวนางถูกลู่เจียววางแผนทำร้ายจริงหรือไม่ นี่เป็นเพียงการคาดเดาของนางทั้งนั้น หากไปแจ้งความแล้วลูกสาวไม่ได้เป็นอะไร เช่นนั้นนางจะไม่ซวยหรอกหรือ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใต้เท้านายอำเภอออกคำสั่งโบยก็เป็นได้
แม่หม้ายหลี่คิดไปคิดมาก็คิดจะถอย แต่ยังมิวายเอ่ยถามอีกว่า “เจ้าไม่เห็นลูกสาวข้าจริงหรือ”
คราวนี้ลู่เจียวยังไม่ทันได้ตอบ เถียนซื่อที่อยู่ในห้องก็พุ่งออกมาด่าอย่างเกรี้ยวกราด “แม่หม้ายหลี่ ลูกสาวเจ้าหายไปแล้วเกี่ยวอะไรกับลูกสาวข้า เจ้านี่ก็ประสาท ลูกสาวตัวเองหายไปแล้ว พาคนไปตามหาไม่เป็นหรือ ตำบลใหญ่ขนาดนั้นต้องมีคนเคยเห็นนางอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับถ่อมาทวงคนถึงเรือนลูกสาวข้าเช่นนี้ ในสมองเจ้ามีแต่อาจมหรืออย่างไร”