ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 105 ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

ตอนที่ 105 ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

ตอนที่ 105 ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
ในลานบ้านเล็กของสกุลเซี่ย เนื่องจากเถียนซื่อกับลู่กุ้ยกลับไปแล้ว แฝดสี่จึงไม่ร่าเริงเท่าไรนัก

“เอาละ ท่านยายกับท่านน้าต้องกลับบ้านเพราะมีธุระ ครั้งหน้าข้าจะพาพวกเจ้าไปท่านยายเอง” ลู่เจียวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ต้าเป่าได้ยินแล้วพยักหน้าพึงพอใจ “ท่านแม่ต้องจำคำพูดตัวเองให้ได้นะ”

“ท่านแม่ ท่านจะไปเมื่อไร” เอ้อร์เป่าซานเป่าถามด้วยความตื่นเต้น

ซื่อเป่าน้อยทำตาปริบๆ จ้องลู่เจียวราวกับว่าอยากจะไปบ้านของท่านยายเสียตอนนี้เลย

ลู่เจียวมองพวกเขาอย่างจนใจ “ขาของพ่อเจ้ายังไม่หายดีเลยนะ พวกเจ้าไม่อยากไปพร้อมกับท่านพ่อหรือ”

ประโยคนี้ทำให้แฝดสี่สีหน้าเปลี่ยนทันที ไม่เอ่ยถึงเรื่องไปเที่ยวบ้านท่านยายอีก

ลู่เจียวนำแฝดสี่เดินเข้ามาในเรือนตะวันออกแล้วคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเรื่องที่จะไปบ้านของผู้ใหญ่บ้าน

“เดี๋ยวข้าจะไปหารือกับผู้ใหญ่บ้าน เรื่องการให้ความรู้เรื่องสมุนไพรกับชาวบ้านในวันพรุ่งนี้ แล้วก็ถือโอกาสบอกเขาเรื่องสอนหนังสือเด็กน้อยในหมู่บ้านด้วย เจ้าคิดว่าอย่างไร”

“ได้ เจ้าไปเถอะ” เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วย

ตอนนี้เขาผ่าตัดขาแล้ว ขอเพียงพักฟื้นให้ดี อีกไม่นานก็จะเดินได้เหมือนคนปกติแล้ว

ดวงตาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นประกายสว่างไสว พาให้ความหดหู่ที่ล้อมรอบกายเขาก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น ราวกับไข่มุกถูกขัดปัดฝุ่นดินที่เคยปกคลุมออกไป คืนสู่ความงดงามสดใสดังที่ควรเป็น

ลู่เจียวอดไม่ได้ที่จะมองซ้ำ แอบรำพึงรำพันกับตัวเองในใจ คนผู้นี้ไม่เพียงเกิดมาหน้าตาดีไม่พอ สมองยังดีอีกด้วย ทั้งชาญฉลาดทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่แปลกที่จะได้เป็นใต้เท้าโส่วฝู่แห่งแคว้นต้าโจวในอนาคต

หลังจากนั้นลู่เจียวก็มองไปทางแฝดสี่พลางถามว่า “ข้าจะไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน พวกเจ้าจะไปด้วยไหม”

เด็กน้อยทั้งสี่ตาเป็นประกาย แต่ต้าเป่าก็ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ข้าจะอยู่ที่เรือนเป็นเพื่อนท่านพ่อ ท่านแม่พาเอ้อร์เป่า ซานเป่า กับซื่อเป่าน้อยไปด้วยกันเถอะ”

ลู่เจียวเกิดความรู้สึกทั้งรักทั้งสงสารต้าเป่าอย่างอดไม่ได้ แม้เด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่เขาวางตัวเป็นพี่ชายคนโตมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของเล่นก็สละให้น้องชายทั้งสามคนก่อนเสมอ ตัวเองจะรับเป็นคนสุดท้ายตลอด

ที่จริงเขาก็อายุเท่ากันกับสามคนที่เหลือ เพียงแต่เกิดก่อนไม่นานเท่านั้นเอง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงย่อมรักและเอ็นดูต้าเป่าเช่นกัน เขาก้มหน้ามองต้าเป่า “พ่ออยู่บ้านคนเดียวได้ ไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าออกไปเที่ยวกับท่านแม่ของเจ้าเถอะ”

“ข้าไม่ไป รอให้ท่านพ่อข้าหายดีก่อนข้าค่อยออกไปเล่น” ต้าเป่ากลับส่ายหน้าอย่างดื้อดึง

ลู่เจียวไม่ได้ยืนกรานจะให้เขาไปด้วยกัน นางลูบศีรษะเขาพร้อมกล่าวชม “ต้าเป่าของพวกเราเป็นพี่ชายที่ดีมากเลย”

คำพูดของลู่เจียวทำให้ต้าเป่าตาเป็นประกาย มุมปากโค้งขึ้นอย่างอดไม่อยู่ คำพูดคำจาฉะฉาน

“ท่านแม่ ท่านรีบไปเถอะ ข้าจะอยู่คุยเป็นเพื่อนท่านพ่อ”

“ได้จ้ะ”

ลู่เจียวพาเด็กน้อยสามคนออกนอกลานบ้านเล็ก เดินไปบ้านของผู้ใหญ่บ้าน แต่ตอนที่นางเพิ่งเดินมาถึงเรือนของท่านย่ารอง จ้าวซื่อก็รีบร้อนเดินเข้ามาหาแล้ว

“ภรรยาอวิ๋นจิ่น”

ลู่เจียวหยุดฝีเท้า “พี่สะใภ้มีเรื่องอะไรหรือ”

จ้าวซื่อดึงแขนลู่เจียว ท่าทีลับๆ ล่อๆ “ได้ยินว่าเมื่อวานเจ้าช่วยชีวิตซย่าเหลียน ลูกสะใภ้ของแม่หม้ายหลี่ใช่หรือไม่ ข้ายังได้ยินพวกเขาพูดกันอีกว่า เดิมทีซย่าเหลียนตายไปแล้ว แต่ถูกเจ้าช่วยให้ฟื้นขึ้นมา”

ลู่เจียวได้ยินแล้วรีบอธิบาย “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ที่จริงนางยังไม่ตาย”

จ้าวซื่อไม่เชื่อ แต่ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของลู่เจียวนั้นยอดเยี่ยม แม้แต่หมอในหมู่บ้านก็ยังเทียบนางไม่ติด ก่อนหน้านี้เสี่ยวเป่าของนางก้างปลาติดคอ ลู่เจียวก็สามารถนำออกมาได้อย่างสบายๆ ทั้งยังลดไข้ให้หลินเอ้อร์ตั้นได้อย่างง่ายดาย นางยังเป็นคนแก้พิษงูให้สวี่ตัวจินอีกด้วยไม่ใช่หรือ

หลายเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนอธิบายได้แล้วว่าลู่เจียวมีทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยม เก่งกาจกว่าหมอในหมู่บ้านเสียอีก จ้าวซื่อไม่ได้คิดไปเองคนเดียว ตอนนี้คนในหมู่บ้านล้วนคิดเช่นนี้

จ้าวซื่อดึงลู่เจียวมากระซิบถาม “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าไปดูอาการให้ลูกสะใภ้ข้าหน่อยได้ไหม ดูว่าเหตุใดนางจึงไม่ให้กำเนิดบุตรเสียที นางแต่งงานเข้าสกุลจ้าวของพวกเรามาตั้งสองปีแล้ว ท้องยังไม่โตเลย”

ลู่เจียวนึกถึงเรื่องที่หลินชุนเยี่ยนไปหาหมอในเมืองครั้งก่อน “นางไปหาหมอในหมู่บ้านแล้วไม่ใช่หรือ”

จ้าวซื่อรู้สึกว่าทักษะการแพทย์ของลู่เจียวเหนือกว่าหมอในเมือง จึงอ้อนวอนนาง “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าช่วยไปตรวจอาการให้ชุนเยี่ยนสักหน่อยได้ไหม ช่วยพี่สะใภ้หน่อยเถอะ”

ลู่เจียวไม่ปฏิเสธ ในฐานะที่นางเป็นหมอ การช่วยรักษาผู้ป่วยคือหน้าที่ของนาง นางเรียนวิชาแพทย์มาตั้งหลายปี จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้

“ได้ เดี๋ยวข้าจะไปตรวจให้”

จ้าวซื่อดีใจมาก ดึงมือลู่เจียวเดินเข้าไปในห้อง ขณะที่เดินนางก็ร้องเรียกหลินชุนเยี่ยน “ชุนเยี่ยน รีบมานี่เร็ว อาสะใภ้สามจะช่วยตรวจอาการให้เจ้า”

หลินชุนเยี่ยนเดินออกจากเรือนตะวันออกด้วยสีหน้าหดหู่ แล้วทักทายลู่เจียวเสียงเบา “อาสะใภ้สาม”

ลู่เจียวพบว่านานวันเข้านางก็ยิ่งเก็บตัวและดูน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองคน

คงจะเกี่ยวกับเรื่องที่นางให้กำเนิดบุตรไม่ได้ แต่สภาพนางตอนนี้ก็ไม่เป็นผลดีต่อการตั้งครรภ์เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องรักษาสภาพจิตใจให้มีความสุขเข้าไว้ ถึงจะดีต่อการตั้งครรภ์ บุตรที่ให้กำเนิดออกมาก็จะสุขภาพแข็งแรงด้วยเช่นกัน

ลู่เจียวก็บอกใบ้ให้หลินชุนเยี่ยนนั่งลง นางจับชีพจรให้หลินชุนเยี่ยน

จ้าวซื่อเข้าครัวไปหยิบไข่ไก่ต้มสามฟองมา แล้วยื่นให้แฝดสาม

แฝดสามยังไม่รับไว้ พวกเขาหันไปมองลู่เจียวพร้อมกัน ลู่เจียวพยักหน้าบอกว่า “รับไว้เถอะ อย่าลืมขอบคุณป้าสะใภ้ใหญ่ด้วย”

เด็กน้อยสามคนกล่าวขอบคุณจ้าวซื่อทันที

ลู่เจียวตรวจให้หลินชุนเยี่ยนอย่างจริงจังสองรอบ แม้แต่ดวงตา ขนคิ้ว และลิ้นก็ไม่เว้น สุดท้ายนางก็ปล่อยมือหลินชุนเยี่ยน แล้วก็ถามเรื่องประจำเดือนอีกนิดหน่อย

ในห้องโถง จ้าวซื่อกับหลินชุนเยี่ยนกระวนกระวายจะแย่อยู่แล้ว ทั้งสองต่างก็จ้องลู่เจียว พวกนางกลัวลู่เจียวจะบอกว่าหลินชุนเยี่ยนไม่สามารถมีบุตรได้

ลู่เจียวมองจ้าวซื่อกับหลินชุนเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “บนตัวนางมีโรคหลายอย่าง สารอาหารไม่เพียงพอจนทำให้โลหิตจาง พอโลหิตจางก็ทำให้เกิดภาวะไตพร่อง ภาวะไตพร่องส่งผลให้เกิดภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย ถ้ารังไข่เสื่อม ไข่ที่อยู่ในร่างกายก็ไม่สุก นางจึงตั้งครรภ์ไม่ได้”

ลู่เจียวพูดไปตั้งเยอะ แต่ผู้หญิงสองคนในห้องฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย พวกนางเผยสีหน้าย่ำแย่ นี่รักษาไม่ได้แล้วหรือ

หลินชุนเยี่ยนหน้ามืด แทบจะเป็นลมตายแล้ว

“ให้กำเนิดบุตรไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” นางเริ่มร้องไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

นางพูดจบก็ลุกขึ้น กำลังจะออกไปด้านนอก ท่าทางเหมือนจะวิ่งไปกระโดดน้ำ

ลู่เจียวมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าไม่ได้บอกว่ารักษาไม่ได้เสียหน่อย จะร้องไห้ไปทำไม”

เสียงร้องไห้ของหลินชุนเยี่ยนหยุดชะงัก นางหันไปมองลู่เจียว “ข้ายังให้กำเนิดบุตรได้หรือ”

“ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีก็ย่อมตั้งครรภ์ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ แล้วเจ้าก็เข้าไปซื้อยาในเมืองมากิน ต่อไปนี้ต้องกินอาหารบำรุงเลือดทุกวัน อย่างเช่นพวกพุทราแดงต้มน้ำตาลใส่ไข่ แล้วก็อย่าลืมกินถั่วเหลืองทุกวันด้วย”

พอจ้าวซื่อได้ฟังคำพูดของลู่เจียว สีหน้าก็เปลี่ยนทันที ในยุคนี้ทุกคนต่างก็ยากจนถึงขนาดไม่มีข้าวกิน ยังจะให้กินพุทราแดงต้มน้ำตาลใส่ไข่อะไรอีก เป็นลูกคนบ้านรวยหรืออย่างไร ใครจะไปปรนเปรอไหว

จ้าวซื่อมองหลินชุนเยี่ยนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร กำลังครุ่นคิดว่าจะให้ลูกชายหย่ากับลูกสะใภ้คนนี้ดีหรือไม่

หลินชุนเยี่ยนถูกสายตาของจ้าวซื่อมองจนตกใจ น้ำตาหยดแหมะแล้ว

เมื่อลู่เจียวได้เห็นภาพฉากนี้ ก็รู้แล้วว่าจ้าวซื่อคิดอะไร จึงกล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า “พี่สะใภ้ สะใภ้ที่ว่านอนสอนง่ายอย่างชุนเยี่ยนหาไม่ได้ง่ายๆ ถ้าได้พวกผู้หญิงเจ้าปัญหากลับมา ถึงตอนนั้นคนที่ต้องปวดหัวก็คือพี่สะใภ้นะ ถึงแม้การรักษาในตอนนี้จะต้องเสียเงินบ้าง แต่ชีวิตในครึ่งหลังของพวกท่านก็จะมีลูกสะใภ้ที่เชื่อฟังคอยดูแล ลดความยุ่งยากไปได้เยอะ”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท