ตอนที่ 104 ให้กำเนิดบุตรเหมือนพี่สาวข้า
ลู่เจียวเลิกคิ้ว แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ “นี่คือยาที่หมอฉีจ่ายให้ อาจจะเป็นยาที่เขาปรุงขึ้นมาเอง ก็เลยไม่เหมือนยาทั่วไป”
อันที่จริงยานี้เป็นยาแผนปัจจุบัน ย่อมแตกต่างจากยาลูกกลอนในสมัยโบราณอยู่แล้ว
เมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินว่าเป็นยาที่หมอฉีทำขึ้นเองก็หายข้องใจ เขาอ้าปากกินยาที่นางป้อน
ลู่เจียวให้เขากินยาระงับประสาทเสร็จแล้วก็นำโจ๊กชามหนึ่งมาป้อนต่อ
“หลังการผ่าตัดต้องบำรุงร่างกาย ก่อนหน้านี้ที่พวกเราคุยกันว่าจะสอนชาวบ้านให้รู้จักยาสมุนไพร ข้าวางแผนว่าตอนบ่ายจะไปหาผู้ใหญ่บ้าน ไปคุยกับเขาสักหน่อย พรุ่งนี้จะได้ให้คนในหมู่บ้านมาเรียนรู้เรื่องสมุนไพร ถ้ารู้จักเร็วขึ้นก็จะไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาได้เร็วขึ้น พวกเขาจะได้มีเงินมาจุนเจือครอบครัว”
“ได้” เซี่ยอวิ๋นจิ่นตอบตกลงทันที
พอเขาพูดจบ ก็เลิกคิ้วมองลู่เจียว “ครั้งนี้ข้าได้รับบาดเจ็บหนัก แม้คนในหมู่บ้านจะไม่ได้มีบุญคุณต่อข้ามาก แต่พวกเขาหวังดีต่อข้า ข้าจึงอยากทำอะไรเพื่อพวกเขาบ้าง นอกจากเจ้าจะสอนให้พวกเขารู้จักสมุนไพรแล้ว ข้าจะถือโอกาสช่วงที่ยังพักฟื้น สอนเด็กในหมู่บ้านให้รู้หนังสือด้วย”
“ข้าไม่หวังให้พวกเขาเขียนได้ ขอเพียงพวกเขาจดจำตัวอักษรได้บ้างก็ยังดี เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ทำได้หรือไม่”
ลู่เจียวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เจ้าหมอนี่มาปรึกษากับนางอย่างนั้นหรือ ตามหลักแล้วนี่ก็คือเรื่องของเขา เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนาง
แต่ให้เขาปรึกษาหารือกับนางเช่นนี้ นางก็ไม่ถือสา หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วก็ให้คำตอบเขาว่า
“ทำได้อยู่แล้ว ถือว่าเป็นการทำกุศล และข้าก็ยังมีความคิดบางอย่างด้วย เจ้าลองฟังดู”
“ตอนนี้เจ้าเพิ่งเข้ารับการผ่าตัด ออกไปสอนเด็กในหมู่บ้านเหล่านั้นไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้เจ้าเคยสอนคัมภีร์สามอักษรให้แฝดสี่มาแล้ว ในเมื่อตอนนี้เจ้ายังสอนไม่ได้ ก็ให้แฝดสี่คนผลัดกันสอนเด็กน้อยในหมู่บ้านได้ เริ่มจากสอนคัมภีร์สามอักษร”
“รอให้ร่างกายเจ้าเคลื่อนไหวได้แล้ว เจ้าก็ค่อยสอนตำราร้อยสกุลและตำราพันอักษรให้เด็กในหมู่บ้านอีกที หรือเจ้าจะสอนแฝดสี่ก่อนก็ได้ แล้วค่อยให้แฝดสี่ไปสอนเด็กน้อยเหล่านั้น”
ลู่เจียวทำอย่างนี้ นอกจากเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยในหมู่บ้านแล้ว นางยังทำเพื่อบ่มเพาะนิสัยของเด็กแฝดทั้งสี่ด้วย ให้พวกเขาได้สัมผัสความสุขจากการช่วยเหลือผู้อื่น หากค่อยๆ บ่มเพาะนิสัยเช่นนี้เอาไว้ นางเชื่อว่าในอนาคตเด็กน้อยสี่คนนี้จะไม่มีทางกลายเป็นวายร้าย
แม้จะเคยบอกว่าอีกสองสามเดือนหลังจากนี้นางจะออกไปจากที่นี่ แต่นางก็ยังอยากทำอะไรเพื่อเด็กๆ สักหน่อย
พอนึกว่าอีกสามเดือนตัวเองต้องจากไป ลู่เจียวก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
พอได้ยินคำพูดของลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ดีใจมาก ทำแบบนี้ทั้งได้ช่วยเหลือคนอื่น ทั้งได้ช่วยหล่อหลอมแฝดสี่ด้วย เป็นความคิดที่ดีทีเดียว
ด้านนอกห้อง แฝดสี่คนที่กำลังกินมื้อเช้าได้ยินบทสนทนาของท่านพ่อท่านแม่แล้ว
ทั้งสี่วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น ถามอย่างกระตือรือร้น
“ท่านแม่ จะให้พวกเราสอนหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเรียนคัมภีร์สามอักษรมาแล้วไม่ใช่หรือ จะได้สอนเด็กๆ ในหมู่บ้านพอดีเลย”
เอ้อร์เป่า ซานเป่า และซื่อเป่าน้อยพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ส่วนต้าเป่าก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดรอบคอบ พอรู้สึกว่าตัวเองสามารถสอนได้จริง จึงพยักหน้าเอ่ยรับ
“ได้ พวกเราสอนได้ขอรับ”
ลู่เจียวกล่าวชมพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม “อืม พวกเจ้าช่วยเหลือคนอื่นเช่นนี้เป็นเรื่องดีมาก ท่านพ่อเจ้ากับข้าดีใจมาก พวกเราภูมิใจในตัวพวกเจ้า”
พอเด็กน้อยทั้งสี่ได้ยินคำพูดของท่านแม่ พวกเขาก็ยืดอกเล็กๆ ด้วยสีหน้าปลื้มปีติทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียว เขารู้ว่านางทำเช่นนี้ก็เพื่อบ่มเพาะนิสัยให้แฝดสี่ทำความดี เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ไม่ดี
เขามองแฝดสี่คนด้วยความชื่นชม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงกินยาระงับประสาทไป จึงหลับเร็วมาก ลู่เจียวอยากให้น้ำเกลือเซี่ยอวิ๋นจิ่นแต่ไม่อยากให้แฝดสี่เห็น จึงบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้ากินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็รีบไปให้อาหารเสี่ยวเฮยกับฮวาฮวาเถอะ”
แฝดสี่คนเอ่ยรับอย่างเริงร่าก่อนจะหันตัววิ่งออกไป ลู่เจียวที่อยู่หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นแวบหนึ่ง พบว่าเขานอนหลับอย่างสงบไปแล้ว
ลู่เจียวหยิบเข็มกับน้ำเหลือผสมยาแก้อักเสบออกมา แล้วให้น้ำเกลือเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ระหว่างนั้นแฝดสี่ก็กลับมา ลู่เจียวถือชามโจ๊กมายืนกินหน้าประตู แฝดสี่อยากจะเข้าไป แต่นางขวางไว้
“ท่านพ่อกำลังหลับ ถ้าพวกเจ้าสี่คนเข้าไปจะเสียงดังรบกวนเขาจนตื่น ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยได้นอนเพราะปวดขา ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กินยาแล้วหลับไป พวกเจ้าอย่าเข้าไปทำเสียงดังรบกวนเขาเลย”
เด็กน้อยทั้งสี่ได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ก็ไม่เข้าไป
ตอนเที่ยง เถียนซื่อเคี่ยวน้ำแกงไก่จากไก่ที่ชาวบ้านให้มา เซี่ยอวิ๋นจิ่นผ่าตัดครั้งนี้ คนในหมู่บ้านให้ของกินมาไม่น้อย ในจำนวนนั้นมีไก่สองตัว ที่ได้มาเยอะที่สุดก็คือไข่ไก่ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็ให้ข้าวสารและผักมา
เนื่องจากมีคนให้ของกินมามากมาย ตอนนี้พวกเขาจึงไม่ขาดแคลนอาหาร
ตอนบ่าย ลู่เจียวเก็บของกองใหญ่ให้เถียนซื่อนำกลับไปด้วย นอกจากไก่ป่า กระต่ายป่า และงูที่ได้มาเมื่อเช้านี้ ลู่เจียวก็เพิ่มผลไม้และขนมแป้งอบไปให้อีก แล้วยังมีผักอีกไม่น้อย นางใส่ของพวกนั้นไปจนเต็มตะกร้าสะพายหลัง
เถียนซื่อไม่รู้ว่าก้นตะกร้าสะพายหลังมีผลไม้และขนมแป้งอบ นึกว่ามีเพียงสัตว์ป่าและผักกวางตุ้งที่ได้มาเมื่อเช้านี้ เขาคิดว่าเท่านั้นก็เยอะแล้ว
“แม่เอากระต่ายป่ากลับไปแค่ตัวเดียวก็พอ ส่วนไก่ป่าเจ้าเก็บไว้ทำแกงให้อวิ๋นจิ่นเถอะ”
ลู่เจียวห้ามนาง “ท่านแม่ เดี๋ยวข้าขึ้นไปหาบนภูเขาก็ได้ ท่านถามลู่กุ้ยดูสิว่าข้าล่าสัตว์ได้ง่ายดายเพียงใด”
ลู่กุ้ยพยักหน้า มองเถียนซื่อด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ท่านแม่ ท่านไม่รู้เสียแล้ว พี่สาวข้าล่าสัตว์ได้อย่างง่ายดายมาก นางเหลาไม้ไผ่ชุดหนึ่งวางไว้ในหลุมกับดัก จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ แล้วไก่ป่ากับกระต่ายป่าก็โง่วิ่งเข้าไปเอง”
“ข้าคิดไปคิดมา ข้าว่าพี่สาวของข้าจะต้องเป็นคนที่วาสนาดีมากแน่ ไก่ป่ากับกระต่ายป่าเลยแย่งกันวิ่งลงหลุมกับดักของนาง”
พอได้ฟังที่ลู่กุ้ยบอก เถียนซื่อก็เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองแปลงผักสองแปลงหน้าประตูเรือนสกุลเซี่ย จากนั้นก็มองลู่เจียวอีก
หรือว่าที่มาของโชคดีไม่ใช่เพราะที่ตั้งของบ้านสกุลลู่เป็นทำเลทอง แต่เป็นเพราะตัวเจียวเจียวบุตรสาวของนางเอง
เดิมทีลู่เจียวอยากให้เงินเถียนซื่อจำนวนหนึ่ง แต่พอเห็นท่าทางเถียนซื่อแล้ว คาดว่าอีกฝ่ายคงไม่ต้องการ นางจึงไม่ได้ให้ไป
เถียนซื่อกำลังจะไปแล้ว แฝดสี่คนรู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก เด็กๆ กับลู่เจียวเดินตามไปส่งเถียนซื่อและลู่กุ้ยไกลมาก ทั้งสี่โบกมือร่ำลาไม่หยุด
“ท่านยาย ถ้าว่างก็มาเที่ยวบ้านพวกเราอีกนะ”
“ท่านน้า ท่านต้องมาอีกนะ”
แฝดสี่ทำเอาเถียนซื่อกับลู่กุ้ยซึ้งจนน้ำตาไหลแล้ว
“เจ้าตัวเล็กทั้งสี่คนของพี่สาวเจ้าช่างน่าเอ็นดูจริงๆ แม่ไม่อยากกลับบ้านแล้ว”
ลู่กุ้ยตกใจจนตัวสั่น รีบพูดว่า “ท่านแม่ ต่อไปข้าก็จะให้กำเนิดเด็กน้อยที่น่ารักเช่นนี้เหมือนกัน ท่านจะไม่กลับไม่ได้นะ”
คนในบ้านยังรอให้ท่านกลับไปทำเต้าหู้ขายอยู่นะ
เถียนซื่อได้ยินคำพูดลู่กุ้ยก็มองเหยียดทันที “เจ้านี่นะ ชาติหน้าก็ให้กำเนิดบุตรที่น่ารักเช่นนี้ไม่ได้หรอก”
พูดจบก็หันตัวเดินไปมุ่งหน้ากลับบ้าน ลู่กุ้ยที่เดินอยู่ข้างหลังหน้าดำหน้าแดงตะโกนไล่หลังนาง “ท่านแม่ ทำไมข้าจะให้กำเนิดบุตรที่น่ารักเช่นนี้ไม่ได้ล่ะ”
เถียนซื่อแสยะยิ้ม “พี่สาวเจ้าให้กำเนิดบุตรที่น่ารักอย่างนั้นได้ก็เพราะสามีของพี่สาวเจ้าหน้าตาดี ทั้งยังรู้จักอบรมสั่งสอนบุตร แต่ดูตัวเจ้าสิ เจ้าจะเอาอะไรกับพี่เขยได้”
ลู่กุ้ยอ้าปากค้าง แล้วเถียงกลับอย่างหยิ่งผยองว่า “ถึงข้าจะให้กำเนิดบุตรอย่างแฝดสี่นั่นไม่ได้ แต่ข้าจะมีบุตรอย่างพี่สาวไม่ได้เชียวหรือ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนสกุลลู่ของพวกเรานะ”
พูดจบก็เดินตามกลับบ้านอย่างฮึกเหิม