ตอนที่ 110 จงใจขู่เข็ญ
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งมีสีหน้าแย่ขึ้น “รีบออกไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนผีมากแค่ไหน”
โจวเสี่ยวเถาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองแต่งหน้าไว้ เพราะผิวพรรณนางไม่ดีจึงต้องทาแป้งหนาเพื่อปกปิด แถมวันนี้ยังร้องไห้เสียหลายรอบ หน้าตาคงเลอะเทอะไปหมดแล้ว
โจวเสี่ยวเถารู้สึกอับอายขึ้นมาจึงรีบยกมือปิดหน้า แล้วหันหลังวิ่งออกไป
ผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างที่อยู่ด้านหลังส่ายหัวไม่หยุดพลางมองลู่เจียว “ให้พวกเราไปหาแม่สามีของเจ้าไหม บอกให้นางมารับเสี่ยวเถากลับไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็หันไปมองลู่เจียว อันที่จริงต่อให้นางไม่เอ่ยปาก เขาก็ไม่อยากให้โจวเสี่ยวเถาอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่พอมีคนเอ่ยถามลู่เจียวขึ้นมา งั้นก็ปล่อยให้นางจัดการเรื่องนี้เถอะ เขาเองก็อยากเห็นว่าแม่นางผู้นี้จะจัดการกับโจวเสี่ยวเถาอย่างไร
เขาไม่เชื่อว่านางมองไม่ออกว่าโจวเสี่ยวเถาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่ออะไร
ที่จริงลู่เจียวก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะอีกไม่นานนางก็จะหย่ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น โจวเสี่ยวเถาจะแต่งงานกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือไม่ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
ในทางกลับกัน ถ้าโจวเสี่ยวเถาอยู่ที่นี่ก็ยังพอช่วยงานนางได้เยอะ นางจะได้พอมีเวลาว่างบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาไม่ให้โจวเสี่ยวเถาอยู่ที่นี่ หร่วนซื่อต้องออกไปพูดอะไรเสียๆ หายๆ อีกแน่นอน นางยังต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสองสามเดือนหลัง จึงไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายในภายหลัง
ลู่เจียวครุ่นคิดพลางมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่าง “เชิญผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างไปจัดการธุระเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องโจวเสี่ยวเถาเอง”
ผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างจึงไม่พูดอะไรอีก พวกเขาบอกลาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก่อนจะพากันเดินออกจากบ้านเซี่ยไป
ภายในเรือนตะวันออกเหลือเพียงเซี่ยอวิ๋นจิ่น ตอนนี้ดวงตาดำสนิทของเขากำลังจับจ้องลู่เจียวอย่างเย็นชา
ลู่เจียวเห็นเขาใช้สายตาเช่นนี้มองนาง นางรู้สึกหวาดกลัวในใจเล็กน้อย
“เจ้าเป็นอะไรไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยด้วยสีหน้าสงสัย “ข้ารู้สึกว่าเจ้าเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
ลู่เจียวพลันรวบรวมความกล้า แล้วเอ่ยอย่างประหม่าเล็กน้อยว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเหมือนไม่เห็นแววตาระแวดระวังของลู่เจียว เพียงเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“ก่อนหน้านี้เจ้าชื่นชอบและสนใจในตัวข้ามาก เหตุใดตอนนี้กลับบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบแล้วล่ะ นี่น่าแปลกเกินไปหรือเปล่า”
ลู่เจียวพลันอธิบาย “หัวใจของข้าถูกเจ้าทำลายจนแหลกสลายไปแล้ว ข้าเลยตัดสินใจอย่าแน่วแน่ว่าจะไม่ชอบเจ้าอีก ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหัว เสียงทุ้มต่ำลงเล็กน้อย
“ต่อให้เจ้าตัดสินใจไม่ชอบคนคนหนึ่งแล้ว แต่ก็คงไม่ถึงกับไร้เยื่อเช่นนี้ ที่ถูกคือเจ้าควรจะค่อยๆ ลืมความรักครั้งเก่า แต่ดูเจ้าตอนนี้สิ เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลยสักนิด เจ้าไม่เหมือนเจ้าที่แต่ก่อนชอบ…”
คำพูดของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทำให้ลู่เจียวหวาดหวั่น นางก็คิดเช่นกันว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวถูก
ต่อให้ถูกคนรักทำร้ายจิตใจ ก็ไม่มีทางลืมความสัมพันธ์ที่ผ่านมาได้ในทันที ฉะนั้นท่าทีที่นางมีต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นถือว่าผิดปกติจริงๆ ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาต้องสงสัยแน่ว่านางไม่ใช่ลู่เจียวคนเดิม
ลู่เจียวครุ่นคิด แววตาและสีหน้าเคล้าด้วยความเศร้าหมองทันที ก่อนจะเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงทุกข์ระทม
“อวิ๋นจิ่น อันที่จริงเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าใจยังเหลือเยื่อใยให้เจ้า ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้เจ้ารู้เท่านั้น แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะพยายามลบเลือนมันไปเอง”
พอสิ้นเสียง นางก็เดินเข้าไปจัดผ้าห่มให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยความอ่อนโยน “เจ้าพักผ่อนเยอะๆ หากต้องการอะไรก็เรียกข้าได้ตลอด”
กล่าวจบก็พูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“โจวเสี่ยวเถา นางคนต่ำช้า กล้าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ดูสิว่าข้าจะจัดการกับนางอย่างไร อยากรนหาที่ตายนักใช่ไหม”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป แกล้งทำเป็นว่าจะออกไปจัดการกับโจวเสี่ยวเถา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองร่างของลู่เจียวที่จากไป สีหน้าไม่ได้ฉงนสงสัยเท่าเมื่อครู่นี้
ดวงตาสุขุมเยือกเย็นแฝงรอยยิ้มคล้ายพบเจอเรื่องน่าสนใจ ยิ่งนึกถึงท่าทางที่เสแสร้งของลู่เจียว ก็รู้สึกว่า จอมโกหก คิดว่าข้าดูเจ้าไม่ออกหรืออย่างไร!!
หากไม่รู้ว่านางคิดอะไรในใจ เกรงว่าเขาหลงเชื่อนางไปแล้ว
โจวเสี่ยวเถากำลังมองดูเงาตัวเองในถังน้ำ ทันทีที่เห็นตัวเองในน้ำก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางวัน นี่คือใครกัน ผีหรือไง
รอให้โจวเสี่ยวเถาได้สติกลับมาว่าเป็นใคร ก็ร้องไห้เสียงดัง ทว่าครั้งนี้นางร้องไห้เสียใจจากใจจริง
นางร้องไห้ไปและตักน้ำในถังมาล้างหน้า
ลู่เจียวเห็นสิ่งที่นางทำก็โมโหขึ้นมาทันที นั่นเป็นน้ำดื่มของบ้านนาง แต่แม่นางคนนี้กลับเอาตักมาล้างหน้าอย่างนั้นหรือ
ลู่เจียวโกรธเคืองจนเกินจะบรรยาย รีบสาวเท้ามุ่งตรงไปที่โจวเสี่ยวเถา
“โจวเสี่ยวเถา กล้าดีอย่างไรเอาน้ำดื่มของพวกเราไปล้างหน้า”
ในบ้านมีน้ำอยู่สองถัง ถังหนึ่งถังเอาไว้ล้างจาน ส่วนอีกถังเอาไว้ดื่ม โจวเสี่ยวเถากลับเผลอเอาน้ำดื่มไปล้างหน้า
ลู่เจียวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ลู่เจียวเดินไปกระชากตัวนางให้ลุกขึ้น แล้วพูดอย่างโมโห “รีบล้างถังน้ำนี้ให้สะอาดเดี๋ยวนี้ แล้วไปตักน้ำมาเติมให้เต็ม”
การกระทำของนางทำให้โจเสี่ยวเถาสะดุ้งตกใจพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของอีกฝ่าย “เจ้าทำอะไรน่ะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”
น่าเสียดายที่ต่อให้นางพยายามดิ้นเพียงใดก็ดิ้นไม่หลุด
ลู่เจียวปั้นขมวดคิ้วแน่น แล้วพูดด้วยเสียงแข็งว่า “เจ้ารีบล้างถังน้ำให้สะอาดเดี๋ยวนี้ แล้วไปตักน้ำในหมู่บ้านมาเติมให้เต็ม ข้าจะใช้ตอนกลางคืน”
นางพูดจบก็ปล่อยโจวเสี่ยวเถา แล้วพูดอย่างเย็นชา “รีบล้างเดี๋ยวนี้”
โจวเสี่ยวเถาสะดุ้งตกใจ แล้วหันไปล้างถังน้ำพลางสะอึกสะอื้น
ลู่เจียวเห็นนางตั้งใจล้าง ก็สั่งต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ล้างถังเสร็จแล้วก็ไปตักน้ำในหมู่บ้าน จากนั้นมากวาดสวน แล้วค่อยตัดฟืนที่ข้ากองไว้ตรงหน้าประตูห้องครัวให้เป็นท่อนๆ ”
โจวเสี่ยวเถาเงยหน้ามองลู่เจียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ลู่เจียวพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “มองอะไรของเจ้า รีบทำๆ ไป อย่าลืมว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่ แม่สามีข้าส่งเจ้ามาช่วยพวกเราทำงาน ฉะนั้นอย่าคิดอู้งานแม้แต่น้อย”
โจวเสี่ยวเถาได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็รู้สึกโกรธขึ้นมา นางผุดลุกขึ้นมองลู่เจียว “ข้าไม่ได้มาช่วยงานพวกเจ้าเสียหน่อย ข้า…!?”
ลู่เจียวมองนางด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าทำไม”
ต่อให้โจวเสี่ยวเถาจะโง่เขลาเพียงใดก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรบอกเป้าหมายแท้จริงของหร่วนซื่อ นางคงไม่อาจบอกว่าหร่วนซื่อส่งนางมายั่วยวนเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้
หากพูดไปเช่นนั้น นางคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ส่วนนางหมูตอนนั่นก็คงจะไล่นางออกจากบ้านแน่นอน
แต่นึกถึงเรื่องที่ลู่เจียวทำกับนางพลันใบหน้าก็บูดบึ้งทันที หรือว่านางต้องมาอยู่รับใช้พวกเขาจริงๆ อยู่บ้านก็ได้ทำงานหนักแล้ว มานี่ยังต้องทำอีกหรือ
ไม่ นางจะไม่ทำเด็ดขาด
โจวเสี่ยวเถาหันหลังวิ่งออกไปด้านนอก นางกลัวว่าลู่เจียวจะตามมา จึงวิ่งเร็วเป็นพิเศษ
ลู่เจียวที่อยู่ด้านหลังแสยะยิ้มใส่โจวเสี่ยวเถาที่วิ่งไปไกล แน่จริงก็อย่ากลับมาอีก ถ้ากลับมาก็ต้องทำงานต่อ
ทว่าพอนางหันไปมองถังน้ำที่สกปรกของตัวเองก็โมโหเดือดดาลขึ้นอีกครั้ง แม่นางหน้าตาอัปลักษณ์ทำน้ำทั้งถังสกปรก สุดท้ายกลายเป็นนางต้องเป็นคนไปตักน้ำใหม่อีก
ลู่เจียวครุ่นคิดถึงชะตาชีวิตของนาง สุดท้ายก็จำใจเดินไปล้างถังน้ำอย่างปลงตก
สี่แฝดเดินมาหานางจากที่ไม่ไกล แล้วพูดอย่างระมัดระวัง
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากให้นางอัปลักษณ์นั่นอยู่บ้านพวกเรา”
“ข้าไม่อยากให้คนนอกมาอยู่บ้านของพวกเราเช่นกัน”
“แค่ให้นางทำความสะอาดคอกหมา นางก็ร้องไห้โวยวาย หน้าตาก็ขี้เหร่แล้วยังโง่เง่าอีก”