ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 107 ญาติผู้น้องสกุลโจว

ตอนที่ 107 ญาติผู้น้องสกุลโจว

ตอนที่ 107 ญาติผู้น้องสกุลโจว
ลู่เจียวบอกกับบรรดาชาวบ้านเหล่านั้นว่า หากใครต้องการตรวจโรค ก็ให้ไปที่เรือนของนาง

กว่านางจะพาเด็กน้อยทั้งสามไปถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ฟ้าก็มืดแล้ว

เมื่อเห็นนางมาหา ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยฟู่กุ้ยกับจางซื่อก็ดีใจ ต้อนรับนางเข้าไปในบ้าน แล้วก็รินน้ำตาลต้มให้พวกนางสี่คนแม่ลูกดื่ม

“ภรรยาอวิ๋นจิ่นมาหาข้าด้วยธุระอะไรหรือ” เซี่ยฟู่กุ้ยถามไถ่ลู่เจียวด้วยความใส่ใจ

ลู่เจียวดื่มน้ำตาลอึกหนึ่ง แล้วถามเซี่ยฟู่กุ้ย “ก่อนหน้านี้ข้าบอกไว้ว่าจะสอนชาวบ้านรู้จักสมุนไพรใช่หรือไม่ ตอนนี้อวิ๋นจิ่นผ่าตัดขาแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาบอกข้าว่า พรุ่งนี้ให้ข้าเริ่มสอนพวกชาวบ้านได้เลย ข้าจึงมาหารือกับผู้ใหญ่บ้านสักหน่อย”

พอได้ยินลู่เจียวพูดดังนั้น เซี่ยฟู่กุ้ยก็ตบต้นขาด้วยความดีใจ กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เยี่ยม เช่นนั้นก็ดี”

อันที่จริงก่อนหน้านี้เขายังกังวลว่าลู่เจียวจะไม่สอน หากอีกฝ่ายไม่ยอมสอนก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เขาคงไม่มีเหตุผลใดไปโน้มน้าวนางให้เปลี่ยนใจได้

ลู่เจียวมาคุยกับเขาถึงที่นี่เช่นนี้ ทำให้เขาดีใจมากจริงๆ สมุนไพรที่เก็บมาได้ก็ถือเป็นเงินทั้งนั้น

“ได้ ข้าจะไปปรึกษาหารือกับจู๋จ่างสักหน่อย”

เซี่ยฟู่กุ้ยลุกขึ้นยืน ทำท่าจะไปหาจู๋จ่าง

ลู่เจียวเรียกเขาไว้ก่อน “ผู้ใหญ่บ้าน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง อวิ๋นจิ่นให้ข้ามาปรึกษากับท่าน เพื่อดูว่าจะทำได้หรือไม่”

เซี่ยฟู่กุ้ยหยุดเดินแล้วมองลู่เจียว “เรื่องอะไรหรือ”

“อวิ๋นจิ่นได้รับบาดเจ็บที่ขา ช่วงนี้จึงต้องพักฟื้นอยู่ในบ้านสักระยะ ในช่วงสามเดือนนี้เขาไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษาไม่ได้ เขาเลยคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สอนหนังสือให้เด็กในหมู่บ้าน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ คงสอนอะไรได้ไม่มาก แต่ให้พวกเขาจำตัวอักษรได้บ้างก็ยังดี และในช่วงที่อวิ๋นจิ่นสอนหนังสือ ก็สามารถช่วยคนในหมู่บ้านดูได้ด้วย ว่าเด็กบ้านไหนมีแวว หากอ่านหนังสือออก คนในบ้านก็จะได้ส่งไปเรียนหนังสือในเมืองได้”

พอเซี่ยฟู่กุ้ยได้ฟังคำพูดของลู่เจียวก็ดีใจจนขนตาสั่น แม้แต่จางซื่อก็ยังยิ้มกว้างจนเห็นฟัน

เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านมีหลานชายสองคน ต้าโถวกับเหมาเหมา คนหนึ่งเจ็ดขวบ อีกคนห้าขวบ อยู่ในช่วงอายุที่สามารถไปเรียนหนังสือได้แล้ว

ก่อนหน้านี้คิดจะส่งต้าโถวไปเรียนหนังสือในหมู่บ้าน แต่ก็กลัวว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนั้น เกรงว่าจะสิ้นเปลืองเงินเปล่าๆ

ตอนนี้อวิ๋นจิ่นยินดีจะสอนก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี จะได้ดูว่าคนไหนในเด็กสองคนนี้ที่เรียนหนังสือเก่ง

เซี่ยฟู่กุ้ยทั้งดีใจทั้งเป็นห่วงอาการของอวิ๋นจิ่น จึงถามลู่เจียวว่า “แล้วถ้าทำเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อขาของอวิ๋นจิ่นหรือไม่”

ลู่เจียวส่ายหน้า “อวิ๋นจิ่นบอกว่า ช่วงนี้ให้แฝดสี่คนของพวกเราสอนหนังสือเด็กคนอื่นก่อน รอจนขาเขาหายดีแล้ว เขาค่อยรับช่วงสอนเด็กพวกนั้นต่อ”

พอลู่เจียวพูดจบ เด็กน้อยทั้งสามก็หันไปมองเซี่ยฟู่กุ้ยพร้อมกัน “ท่านพ่อเคยสอนคัมภีร์สามอักษรให้พวกเรา พวกเราสอนต้าโถวกับเหมาเหมาได้”

เซี่ยฟู่กุ้ยลูบศีรษะแฝดสามด้วยความทึ่ง “ดี พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กดี”

พอพูดจบเขาก็เงยหน้ามองลู่เจียว “ครอบครัวของพวกเจ้านี่นะ ช่างเป็นผู้มีน้ำใจงามของหมู่บ้านเซี่ยจริงๆ”

ลู่เจียวได้ยินแล้วรู้สึกไม่มั่นใจ นางไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเรื่องที่ตัวเองทำนับเป็นเรื่องดีอะไรมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ใหญ่บ้านไม่ได้คิดเหมือนนางง

จางซื่อเห็นด้วยกับผู้ใหญ่บ้าน พยักหน้ารัวๆ

ลู่เจียวเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานแล้ว นางคุยกับผู้ใหญ่บ้านอีกไม่กี่ประโยค หลักๆ ก็คือให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยหาคัมภีร์สามอักษรอีกหลายๆ เล่มมาจากคนในหมู่บ้าน เพราะบ้านของพวกนางมีคัมภีร์สามอักษรเพียงสี่เล่มเท่านั้น ทั้งยังเป็นเล่มที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นซื้อไว้ให้แฝดสี่ด้วย

คัมภีร์สามอักษรแค่สี่เล่มไม่พอใช้งานแน่นอน นางจึงให้ผู้ใหญ่บ้านไปหาจากบ้านอื่นอีก หมู่บ้านเซี่ยก็เคยมีเด็กไปซื้อหนังสือนี้มาจากในเมืองเช่นกัน

ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยรับปาก แล้วลู่เจียวก็พาลูกๆ กล่าวอำลา

ผู้ใหญ่บ้านรอจนพวกนางเดินออกไปแล้ว ก็ลุกขึ้นไปปรึกษาเรื่องเหล่านี้กับจู๋จ่างทันที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสอนให้รู้จักสมุนไพรหรือเรื่องสอนหนังสือให้เด็กๆ ก็ล้วนเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น พวกเขาต้องปรึกษาหารือกันแล้วจัดการให้เหมาะสม

ลู่เจียวพาเด็กน้อยสามคนกลับบ้าน ระหว่างทางก็ได้รับการทักทายอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้เอง ใบหน้าของแฝดสามจึงเต็มไปด้วยความปีติยินดี ท่าทางเหมือนรู้สึกภาคภูมิใจ เชิดหัวขึ้น ยืดอกเล็กๆ เดินตามลู่เจียว ขณะที่เดินก็พูดกันเจื้อยแจ้ว

“ท่านแม่ ท่านเก่งมากเลย”

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ท่านพ่อเก่ง ตอนนี้ท่านแม่ก็เก่งเช่นกัน”

ซื่อเป่าน้อยยื่นมือข้างหนึ่งไปจับมือลู่เจียว อีกมือยกนิ้วหัวแม่มือให้นางพร้อมยิ้มตาหยี “ท่านแม่ยอดไปเลย”

ลู่เจียวไม่ได้รู้สึกอะไรกับการรักษาและช่วยชีวิตคน เพราะล้วนเป็นเรื่องที่ตัวเองสมควรทำ แต่เมื่อได้ยินเด็กน้อยทั้งสามกล่าวชม ในใจก็รู้สึกปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก

แม่ลูกทั้งสี่กลับมาถึงบ้าน เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าห้องโถง ก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากเรือนตะวันออกแล้ว

“เจ้าสาม นี่คือญาติผู้น้องของเจ้า โจวเสี่ยวเถา เสี่ยวเถารีบมาคำนับญาติผู้พี่สิ”

พอลู่เจียวได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน นางก็เลิกคิ้วพร้อมแสยะยิ้ม แม่สามีจอมเอาเปรียบมาป่วนอีกแล้ว หากไม่ได้แกว่งเท้าหาเสี้ยนสักวันคงจะตายกระมัง

ลู่เจียวเดินนำเด็กน้อยทั้งสามมาถึงหน้าประตูเรือนตะวันออก แต่ไม่ได้เดินเข้าไป เพียงหยุดยืนรับชมความสนุกอยู่ตรงหน้าประตู

ในเรือนตะวันออก สตรีร่างบางอ่อนช้อยที่สวมชุดกระโปรงสีแดงลูกท้อคนหนึ่งเดินไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยเรียกอย่างเขินอายว่า “ญาติผู้พี่”

บนเตียง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสตรีร่างบางที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสายตาเย็นชา อายุก็ไม่น้อยแล้ว กลับทำตัวดัดจริตเกินงาม

นางมีใบหน้าสีขาวอมเหลืองแท้ๆ แต่ดันประแป้งสีขาวผ่องหนึ่งชั้น น่าเสียดายที่แป้งเหล่านั้นปกปิดผิวสีเหลืองด้านล่างไม่มิดจนดูอัปลักษณ์ ทั้งนางยังทำท่าทีกระบิดกระบวนไม่น่ามอง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแล้วรู้สึกขัดตา ไม่อยากมองนาง จึงมองไปทางหร่วนซื่อแทน

พอเขาหันไปก็เห็นลู่เจียวที่มาดูเอาสนุกอยู่ตรงประตู

พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวที่ทำเหมือนกำลังมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น เพลิงโทสะในใจก็ลุกโชน สีหน้าเยียบเย็นลงในชั่วพริบตา

“ลู่เจียว ไม่เห็นหรือว่ามีแขกมา ยังไม่รีบเข้ามาทักทายอีก”

พูดจบ เขาก็หลับตาแสร้งทำท่าเหมือนต้องการพักผ่อนทันที

ลู่เจียวกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง เรื่องของเจ้า เจ้าจัดการเองไม่ได้หรือ

แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ได้สนใจแล้ว นางจึงทำอะไรไม่ได้ พาแฝดสามเดินเข้ามาในเรือนตะวันออก

ลู่เจียวยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าตัวเล็กทั้งสามก็วิ่งมาข้างเตียงแล้ว พวกเขาจ้องโจวเสี่ยวเถาด้วยสีหน้าระแวดระวัง

“ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงมาที่บ้านของพวกเรา”

“ท่านคงไม่ได้คิดจะมาเป็นอนุภรรยาของท่านพ่อข้าใช่หรือไม่”

“จะมีลูกให้ท่านพ่ออีกคนอย่างนั้นหรือ”

“ไร้ยางอาย”

คำพูดของแฝดสี่ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงต้องกระแอมออกมา เขาหันไปมองแฝดสี่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าถลึงตาใส่ลู่เจียว หากไม่ใช่เพราะลู่เจียวพูดจาเหลวไหลกับแฝดสี่ เด็กๆ จะรู้เรื่องรับอนุภรรยาได้อย่างไร

ลู่เจียวมองไปที่แฝดสี่อย่างกินปูนร้อนท้องทันที อยากจะทำให้พวกเขาสงบลงสักหน่อย

นึกไม่ถึงว่าโจวเสี่ยวเถาที่อยู่ข้างเตียงจะร้องไห้แล้ว โจวเสี่ยวเถามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าอัปยศอดสู กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจถึงขีดสุด “ญาติผู้พี่ พวกเขาพูดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร”

หร่วนซื่อก็กล่าวอย่างโมโห “เจ้าสาม ดูเจ้าพวกสี่คนนี้ เมียเจ้าสอนจนเสียคนแล้ว โตไปจะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่หรอกหรือ”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท