ตอนที่ 113 เจ้าเคยส่องคันฉ่องไหม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงอดยิ้มหยอกเย้าลู่เจียวไม่ได้ เขาก็แค่แกล้งนางเท่านั้น
แต่ลู่เจียวก็ไม่สนใจ หยิบกระดาษและพู่กันมาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นช่วยเขียนเทียบยา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่หยอกล้อนางต่อ พลางเอียงตัวไปด้านข้าง หยิบพู่กันมาเริ่มเขียนเทียบยาให้ลู่เจียว
แม้เขาเพิ่งจะผ่าตัดมา ทว่าสมองและม้ามฟื้นฟูได้ไม่เลว แค่ไม่ไปขยับขา ส่วนอื่นก็ยังขยับได้ไม่มีปัญหา
ลู่เจียวจึงไม่ได้เป็นกังวลกับอาการของเขานัก
“มีโกฐขี้แมวห้าเฉียน เนื้อซานอวีสี่เฉียน มันเทศสี่เฉียน ชะเอมจีนหนึ่งเฉียนครึ่ง ม่ายเหมินตงเจ็ดเฉียน เจ๋อเซี่ยอีกสามเฉียน เปลือกหมู่ตันสี่เฉียน ฝูหลิงสี่เฉียน โก่วฉีจื่อหกเฉียน”
ลู่เจียวพูดค่อนข้างช้า พอนางพูดจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เขียนจบเหมือนกัน
ลู่เจียวยื่นมือไปรับเทียบยา แล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางยอมรับเลยว่าลายมือของเซี่ยอวิ๋นจิ่นดูเฉียบคมเสมือนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ทั้งยังดูพลิ้วไหวดุจสายน้ำแต่ไม่ขาดระเบียบ เพียงมองก็รู้ว่าตัวอักษรเช่นนี้แตกต่างจากคนทั่วไป
ลู่เจียวเป่าหมึกดำบนกระดาษ จากนั้นก็เขียนให้ฉางเหมยอีกหนึ่งฉบับ พอเขียนเทียบยาเสร็จก็ไม่ลืมหยิบกระดาษและพู่กันกลับไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงถาม “เทียบยานี่สำหรับใครหรือ”
ลู่เจียวชี้ไปที่ข้างบ้าน จากนั้นก็พูดขึ้น “จ่ายให้หลินชุนเยี่ยนกับฉางเหมย”
นางกดเสียงต่ำลงราวกับเด็กน้อยซุกซนแอบพูดความลับอะไรบางอย่าง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหรี่ตามองนาง
ลู่เจียวดูผอมลงไม่น้อย ใบหน้ากลมมนซูบลงไปมาก คางค่อยๆ แหลมขึ้น อีกอย่างเขารู้สึกว่าคิ้วและตาของนางคล้ายเอ้อร์เป่าและซานเป่า
สตรีนางนี้พอผอมลงแล้วหน้าตาก็ยังพอใช้ได้ อีกอย่างบุคลิกภาพก็แตกต่างจากร่างเดิมอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้นางกลายเป็นคนละคนจริงๆ
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางแล้ว ก็ไม่เคยนึกถึงนางคนเก่าอีกเลย
ลู่เจียวกลับไม่รู้ว่าภายในใจของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ นางแค่หยิบกระดาษสองแผ่นแล้วเดินจากไป
หลินชุนเยี่ยนกวาดพื้นในสวนเสร็จ กำลังจะไปแย่งโจวเสี่ยวเถาตัดฟืน
โจวเสี่ยวเถาได้ยินว่ามีคนจะช่วยนางตัดฟืน นางแทบอยากจะลุกขึ้นหนีไปหลบอยู่ด้านข้าง
ลู่เจียวรีบพูด “ชุนเยี่ยน ให้นางตัดไปเถอะ”
หลินชุนเยี่ยนมองโจวเสี่ยวเถาสลับกับมองลู่เจียว ลู่เจียวจึงเดินจึงเดินไปอธิบายกับนางตรงหน้า
“นี่เป็นคนที่แม่สามีของข้าส่งมาให้ช่วยงานข้าเอง ไม่ต้องเกรงใจนางหรอก”
โจวเสี่ยวเถาได้ยินคำพูดของนางก็โกรธจนอยากสบถหยาบ อะไรคือช่วยนางทำงาน นี่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่คุยกันไว้เลยสักนิด
เดิมทีนางอยากจะกลับบ้าน สุดท้ายกลับโดนหร่วนซื่อเกลี้ยกล่อมจนต้องจำใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ปีนี้โจวเสี่ยวเถาอายุสิบเจ็ดแล้ว แต่นางมีหน้าตาอัปลักษณ์ ฐานะทางบ้านก็ยากไร้ ไม่มีสินเดิมเจ้าสาวให้นางแม้แต่เหวินเดียว ลำพังเรื่องพวกนี้ก็ถ่วงเวลาแต่งงานของนางมากพอแล้ว
โจวเสี่ยวเถาครุ่นคิดถึงเรื่องหน้าตาอันหล่อเหลาของเซี่ยอวิ๋นจิ่น พยายามอดทนไว้ ถ้านางยั่วยวนเซี่ยอวิ๋นจิ่นสำเร็จ บีบให้ลู่เจียวออกชีวิตของเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ นางก็จะกลายเป็นภรรยาของซิ่วไฉแต่เพียงผู้เดียว
โจวเสี่ยวเถาคิดเช่นนี้ก็มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง ไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องทำงานลำบาก อย่างไรอยู่ที่บ้านก็ต้องทำงานลำบากเช่นกัน สู้อยู่ที่นี่เสียยังดีกว่าอย่างน้อยก็พอจะมีโอกาสยั่วยวนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
หลินชุนเยี่ยนได้ยินคำพูดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เข้าใจความหมายของลู่เจียวทันที นางสังเกตโจวเสี่ยวเถาไปสักพัก ก็ไม่เห็นว่าสตรีนางนี้จะมีดีตรงไหนเลย หน้าตาแทบจะเทียบอาสะใภ้สามไม่ติด ไม่รู้จริงๆ ว่าย่าสี่คิดอะไรอยู่
หลินชุนเยี่ยนคิดดูแล้วก็ไม่ดึงดันที่จะช่วยโจวเสี่ยวเถาตัดฟืนอีก ทว่าต่อให้นางไม่ตัดฟืน ก็ยังจะหางานอย่างอื่นทำ
“อาสะใภ้สาม เช่นนั้นข้าช่วยท่านหุงข้าวเย็นแล้วกัน”
ลู่เจียวไม่อยากรบกวนนางจริงๆ นางเป็นโรคเลือดพร่องและไตพร่องตั้งแต่เด็ก ลำพังแค่นี้ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจนางมากพอแล้ว ไม่อยากให้นางทำอะไรมากไปกว่านี้
แต่นางไม่ให้หลินชุนเยี่ยนทำ หลินชุนเยี่ยนก็จะไม่สบายใจ ถ้าไม่ใช่เพราะอาสะใภ้สาม แม่สามีคงสั่งให้บุตรชายหย่าร้างกับนางไปนานแล้ว ถ้านางต้องหย่าจริงๆ ชีวิตที่เหลือก็คงได้แต่นอนรอความตายอย่างเดียว โชคดีที่อาสะใภ้สามช่วยชีวิตนางไว้ นางทำงานบ้านให้อาสะใภ้สามก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
หลินชุนเยี่ยนครุ่นคิดก็หันหลังเดินไปที่ครัว ลู่เจียวรั้งนางไว้ไม่อยู่ สุดท้ายก็ปล่อยให้นางทำตามต้องการ
ทั้งสองเดินไปที่ครัว ลู่เจียวเตรียมเทียบยาไว้ให้หลินชุนเยี่ยนแล้ว
“พรุ่งนี้ให้หู่จื่อไปซื้อยาพวกนี้ให้เจ้าในเมืองเถอะ ซื้อมาสิบชุดก่อน อย่าลืมดื่มทุกๆ เช้าเย็นล่ะ”
“อื้ม ได้เลย”
“ส่วนอีกเทียบเป็นของอาสะใภ้เล็กของเจ้า เจ้าเอาไปให้นางด้วย”
ลู่เจียวครุ่นคิดไปสักพักก็เอาขวดชะล้างยื่นให้หลินชุนเยี่ยนเงียบๆ
“เจ้าเอานี่ไปให้อาสะใภ้เล็กของเจ้าล้างของสงวน ทุกครั้งที่ชะล้างให้เอาดอกอินเฉินต้มกับน้ำแล้วใส่ของในขวดนี้ลงไป
หลินชุนเยี่ยนเขินจนหน้าแดง แล้วรีบเก็บของเหมือนตัวเองเป็นขโมย
ลู่เจียวไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก พวกนางสองคนเริ่มทำมื้อเย็นพร้อมกัน ระหว่างนั้น ลู่เจียวเทน้ำให้หลินชุนเยี่ยน ถือโอกาสตอนที่นางไม่สังเกต แอบเติมน้ำวิเศษไปเล็กน้อย
หลังจากทำมื้อเย็นเสร็จ หลินชุนเยี่ยนถึงยอมกลับบ้าน
ลู่เจียวบอกให้นางอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน แต่นางไม่ยอมกิน สุดท้ายทำได้เพียงส่งนางที่หน้าประตูใหญ่ พร้อมกำชับนาง “วันหลังไม่ต้องมาช่วยข้าทำงานบ้านแล้ว ร่างกายของเจ้าไม่ดี มีเวลาก็พักผ่อนเยอะๆ ”
หลินชุนเยี่ยนไม่ได้ตอบอะไรเพียงรีบสาวเท้าก้าวใหญ่กลับบ้าน ลู่เจียวหันหลังเดินกลับห้องครัว นางเตรียมตักโจ๊กให้สี่แฝด แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีเสียงโวยวายอย่างโกรธของสี่แฝดดังขึ้นจากห้องตะวันออก
“ท่านพ่อไม่อยากให้เจ้าป้อนโจ๊ก ท่านแม่ของเราจะเป็นคนป้อนเอง”
“เจ้ารีบออกไปเถอะ”
“ต่อไปห้ามเข้ามาในห้องของพ่อข้าอีก”
“ถ้าเจ้ากล้าเข้ามาอีก อย่าโทษพวกเราที่หยาบคายกับเจ้า”
ลู่เจียวที่อยู่ในสวนได้ยินคำพูดของสี่แฝดก็รู้ว่าโจวเสี่ยวเถาถือโอกาสเข้าไปในเรือนตอนที่นางออกไปส่งหลินชุนเยี่ยน มิหนำซ้ำยังแอบตักโจ๊กไปป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีกด้วย
เดิมทีลู่เจียวไม่อยากสนใจสตรีเช่นโจวเสี่ยวเถา นางอยากยั่วยวนเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ทำไปเถอะ ขอแค่ตาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่บอด ก็ไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนนี้
ทว่าลู่เจียวครุ่นคิดถึงเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้ ต่อไปเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะช่วยนางเขียนเทียบยา ส่วนนางก็จะคอยดักไม่ให้โจวเสี่ยวเถามารังควานเขา
ลู่เจียวครุ่นคิดสีหน้าก็หม่นหมองขึ้นมาทันที ก่อนรีบเดินเข้าไปในเรือนตะวันออก
ภายในเรือนตะวันออก โจวเสี่ยวเถานึกไม่ถึงเลยว่าสี่แฝดจะขวางทางไว้ ไม่ให้นางใกล้ชิดกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
โจวเสี่ยวเถาขุ่นเคืองใจมาก จึงอดต่อว่าสี่แฝดในใจไม่ได้ ไอ้สัตว์เดรัจฉานสี่ตัวนี้น่ารังเกียจเหลือเกิน รอให้ข้าได้แต่งงานกับบิดาของพวกเจ้าก่อนเถอะ เจอดีแน่ พวกเจ้าจะได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวด ใครสั่งให้พวกเจ้ามาผิดใจกับข้า
โจวเสี่ยวเถาโมโหเดือดดาล แต่กลับแสร้งทำหน้าเสมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม นางหันไปมองสี่แฝด “พ่อของพวกเจ้าหิวแล้ว ข้าจะป้อนโจ๊กให้เขา หากเขาไม่กินข้าวแล้วขาจะหายได้อย่างไร”
โจวเสี่ยวเถาเอ่ยจบก็ไม่สนใจสี่แฝดอีก เงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียง พร้อมพูดด้วยความน่าสงสาร “พี่จิ่น ท่านดูพวกเขาสิ?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองโจวเสี่ยวเถาด้วยสายตาดูหมิ่น “เจ้าไม่เคยส่องคันฉ่องใช่ไหม”
โจวเสี่ยวเถาไม่เข้าใจว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังหมายถึงอะไรอยู่ จึงก้มหน้าลงอย่างเก้อเขิน “พี่จิ่น ข้าต้องเคยส่องคันฉ่องอยู่แล้วสิ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสยะยิ้ม “เคยส่อง? แล้วเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองอัปลักษณ์เพียงใด เจ้านึกว่าข้าจะชอบคนหน้าตาอัปลักษณ์อย่างเจ้าหรือ เจ้าไม่เหมาะแม้แต่มาหิ้วรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ ข้าพูดขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”
โจวเสี่ยวเถาได้ยินคำพูดของเขา สมองก็มึนงงไปหมด เมื่อครู่นางได้ยินอะไร พี่จิ่นกำลังพูดอะไรอยู่
โจวเสี่ยวเถาหน้าซีดเผือดไปทันที
ลู่เจียวเดินเข้ามาจากด้านนอก แล้วลากโจวเสี่ยวเถาออกไปด้วย “โจวเสี่ยวเถา วันหลังอย่าเข้าเรือนตะวันออกอีก ถ้าข้าเห็นเจ้าเข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง ก็คอยดูว่าข้าจะสั่งสอนกับเจ้าอย่างไร”
ลู่เจียวพูดจบก็มองสี่แฝดที่อยู่ในเรือนตะวันออก แต่ละคนต่างก็พูดขึ้น
“เจ้าอย่าคิดมาเป็นอนุของพ่อข้านะ ท่านพ่อไม่เอายัยเป็ดขี้เหร่อย่างเจ้าหรอก”
“อย่าคิดมีลูกกับพ่อข้าด้วย”
“พวกเราไม่ให้ท่านพ่อมีลูกกับคนอื่นอยู่แล้ว”
“ต่อไปพวกเราจะจับตาดูเจ้าไม่ให้คลาดสายตาเลย คอยดู”