ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 116 ใครหน้าไม่อายกว่ากัน

ตอนที่ 116 ใครหน้าไม่อายกว่ากัน

ตอนที่ 116 ใครหน้าไม่อายกว่ากัน
ลู่เจียวอธิบายสมุนไพรสิบกว่าชนิดเพียงรวดเดียว ไม่กล้าอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก กลัวว่าชาวบ้านจะจำไม่ได้

แต่ต่อให้อธิบายง่ายๆ เพียงเท่านี้ ตอนที่ทุกคนฟังถึงตอนสุดท้าย ต่างก็แลกเปลี่ยนสายตากันเงียบๆ

บรรยากาศในสวนเงียบสงัดเกินคำบรรยาย แล้วลู่เจียวก็ถามขึ้นโดยตรง “พวกเจ้าจำได้หรือยัง”

ท้ายที่สุดก็มีเสียงของชาวบ้านดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ข้าจำไม่ได้”

หนึ่งคนพูดออกมาเช่นนี้ ก็มีคนอื่นๆ พูดตามเรื่อยๆ “ข้าก็จำไม่ได้จริงๆ ”

“ข้าจำได้สองสามชนิดเท่านั้น อย่างอื่นก็แทบจะจำไม่ได้เลย”

ทุกคนตอบแตกต่างกันออกไป แต่ละคนต่างรู้สึกผิด ต่างก็โทษตัวเองว่าโง่เขลาเกินไปหรือเปล่า ภรรยาของอวิ๋นจิ่นอธิบายได้ดีแบบนี้ เหตุใดพวกนางถึงจำไม่ได้เลย

ลู่เจียวได้ยินบทสนทนาของคนในสวนก็นิ่งเงียบไป ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปลอบโยน “พวกเจ้าอย่าใจร้อนไปเลย ของพวกนี้พวกเจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน แรกๆ ที่เรียน จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”

นางพูดจบก็กระแอมหนึ่งที “จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยพิจารณาถึงปัญหานี้ เลยเด็ดสมุนไพรมาไม่น้อย พวกเจ้าเอากลับไปเป็นตัวอย่างเถอะ ลองไปหาเก็บดูหลายรอบๆ ก็จะจำได้เอง”

ลู่เจียวพูดจบ ทุกคนในสวนก็เอ่ยอย่างยินดี “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าช่างใจดีเหลือเกิน”

“ใช่ นั่นน่ะสิ”

ลู่เจียวมองบรรยากาศอันวุ่นวายในสวน จึงรีบยกมือให้สตรีทุกคนหยุดสนทนา

ลู่เจียวมองพวกนาง พร้อมพูดว่า “เข้าแถวรับสมุนไพร อย่าแย่งกัน เดี๋ยวข้าจะเรียกชื่อ แล้วมารับทีละคน”

สิ้นเสียงก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องครัว แล้วเอาสมุนไพรออกจากห้วงอากาศ เดิมทีเช้านี้นางว่าจะขึ้นเขาเก็บเพิ่มอีก แต่เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นโวยวายแต่เช้า ทำให้นางไม่ทันไปเก็บสมุนไพร ช่างเถอะ แบ่งให้คนละนิดคนละหน่อยแล้วกัน

ลู่เจียวยกสมุนไพรออกมาแล้วตามเซี่ยเสี่ยวเจวียนและหลินชุนเยี่ยนเข้าไปช่วยยกสมุนไพรออกมาด้วย

เซี่ยเสี่ยวเจวียนและหลินชุนเยี่ยนเข้าไปยกสมุนไพรที่เหลือออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ลู่เจียวกลับไม่ให้ทุกคนทั้งต้น คนเยอะขนาดนี้ ถ้าแบ่งให้คนละต้นก็คงไม่พอแบ่งแน่นอน นางเลยเอาหนึ่งต้นแบ่งเป็นหลายส่วน ทุกคนได้กันคนละส่วน แถมบางคนยังได้แค่สองสามใบเท่านั้น

เซี่ยเสี่ยวเจวียนและหลินชุนเยี่ยนช่วยลู่เจียวยกสมุนไพรออกมา เลยให้พวกนางก่อน

“นี่เป็นโสม ไฉ่หู จำไว้ว่าใบและลำต้นของไฉ่หูใช้เป็นสมุนไพรไม่ได้ เอารากมันมาใช้เท่านั้น”

เซี่ยเสี่ยวเจวียนและหลินชุนเยี่ยนพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “อาสะใภ้สาม พวกเราจำได้แล้ว”

แม้ทุกคนที่อยู่ในสวนจะไม่อยากรอ แต่ก็ไม่มีใครแย่งกันเอาสมุนไพร ทุกคนเฝ้ารอให้ลู่เจียวเรียกชื่อ

ลู่เจียวพอใจที่ทุกคนทำตามคำสั่งของนาง จึงขานชื่อแต่ละคนให้ขึ้นมาเอาตัวอย่างสมุนไพรกลับบ้าน

นางยุ่งวุ่นวายมาครึ่งค่อนวัน ถึงแบ่งยาสมุนไพรเสร็จ

“เอาล่ะ พวกเจ้าเก็บตามสมุนไพรที่มีในมือก็พอ ค่อยๆ รู้จักกับชนิดพวกนี้ก่อน จำไว้ตอนที่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ต้องระวังงูให้มากๆ อย่าเดินเข้าป่าลึก รอบนอกงูพิษจะน้อยกว่า แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ต้องระวังตัวให้มาก”

“อีกอย่างพวกเจ้าซื้อยาแก้พิษงูในหอยาเผื่อไว้ก็ดี แค่ยาชีเย่อี้จือฮวาก็แก้พิษได้ ถ้าพวกเจ้าไปซื้อที่หอยา จั่งกุ้ยต้องเตรียมเป็นชุดไว้ให้อยู่แล้ว พกยาติดตัวไม่เพียงแต่ป้องกันพิษงู แล้วยังใช้ในยามฉุกเฉิน หากโดนงูกัดให้รีบเอายาไปประคบแผลไว้ จะได้แก้พิษงูได้ทันเวลา”

“เข้าใจแล้ว ภรรยาอวิ๋นจิ่น”

“ไว้พวกเราค่อยไปซื้อยาในเมือง”

ทุกคนต่างเดินออกไปด้วยด้านนอกด้วยความปลื้มปริ่ม แม้หมู่บ้านเซี่ยจะสามัคคีกัน ทว่าก็ไม่เคยมีครั้งใดที่สามัคคีเท่าครั้งนี้มาก่อน

เซี่ยเสี่ยวเจวียนและหลินชุนเยี่ยนอยู่รอเป็นสองคนสุดท้าย พวกนางไม่รีบกลับเพราะเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เลยคิดจะอยู่ช่วยลู่เจียวทำอาหารเที่ยง

“อาสะใภ้สาม พวกเราจะอยู่ช่วยท่านทำอาหาร”

ลู่เจียวกำลังจะพูด ก็มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นจากนอกรั่ว “ลู่เจียว เจ้าหึงหวงสามีตัวเองเกินไปหรือเปล่า ข้าอุตส่าห์ส่งเสี่ยวเถามาช่วยเจ้าทำงาน แต่เจ้ากลับไล่เสี่ยวเถาออกจากบ้าน เพียงเพราะนางไปป้อนข้าวให้เจ้าสามหรือ”

หร่วนซื่อลากโจวเสี่ยวเถาเดินมาตรงหน้าประตูใหญ่อย่างโมโหเดือดดาล

เวลานี้ยังมีคนในหมู่บ้านเซี่ยหลายคนยังไม่กลับบ้าน ทุกคนได้ยินคำพูดของหร่วนซื่อก็ชะงักฝีเท้าลง

หร่วนซื่อทำนัยน์ตาหม่นหมอง รีบหยิกมือของโจวเสี่ยวเถาหนึ่งที

โจวเสี่ยวเถาพลันร้องไห้ดังลั่น ขณะเดียวกันก็มองลู่เจียวพร้อมพูดอย่างสะอึกสะอื้น

“พี่สะใภ้ ข้าแค่เห็นว่าพี่อวิ๋นจิ่นหิว เลยไปป้อนเขา ข้าไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย ท่านอย่าไล่ข้าไปไหนเลยนะ”

โจวเสี่ยวเถาร้องไห้เสียใจ ทำเหมือนตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ

ป้ากุ้ยฮวาที่อยู่ท่ามกลางชาวบ้านพูดขึ้นเป็นคนแรก “หร่วนซื่อ เจ้าหวังดีกับสะใภ้ของเจ้าขนาดนั้นเชียวหรือ ปากบอกว่าส่งคนมาช่วยภรรยาอวิ๋นจิ่นทำงาน เหตุใดข้าถึงฟังแล้วไม่น่าเชื่อถือเลยล่ะ”

หร่วนซื่อได้ยินคำพูดของป้ากุ้ยฮวาก็ถลึงตามองนางอย่างโหดเหี้ยม

ก่อนหน้านี้สตรีผู้นี้เคยประจบประแจงนาง เหตุเพราะเห็นว่าบุตรชายเชื่อฟังคำพูดของนาง ทุกครั้งเจอนางก็มักจะเลียแข้งเลียขาเสมอ ตอนนี้พอเห็นว่าบุตรชายไม่เชื่อฟังนางแล้ว จึงกล้าผิดใจกับนางเช่นนี้

หร่วนซื่อเกลียดป้ากุ้ยฮวาจนแทบกระอักเลือด จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำทุกวิถีทางให้ลู่เจียวออกจากบ้านบุตรชายให้ได้ เพราะนางหมูตอนทำให้บุตรชายเสียคน แต่ก่อนบุตรชายเป็นคนดีแค่ไหน

หร่วนซื่อครุ่นคิดพลางถลึงตามองป้ากุ้ยฮวาด้วยความขุ่นเคืองใจ “กุ้ยฮวา เจ้าคนชั้นต่ำ แต่ก่อนยังตามเลียแข้งเลียขาข้าไปทุกที่ ตอนนี้พอเห็นลู่เจียวมีผลประโยชน์หน่อย ก็ไปประจบสอพลอนางแทน เหตุใดเจ้าถึงหน้าไม่อายขนาดนี้”

ป้ากุ้ยฮวาได้ยินก็โกรธเป็นอย่างมาก จึงยิ้มหวานใส่หร่วนซื่อ “ข้าเต็มใจ ข้ามีความสุข เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับชีวิตข้า อีกอย่างถ้าแข่งความหน้าด้านระหว่างเจ้าและข้า เจ้าก็ลองถามคนในนี้ดูสิ ว่าใครหน้าไม่อายกว่ากัน”

ทุกคนต่างซุบซิบขึ้นมาว่าหร่วนซื่อเป็นมารดาที่อำมหิต

หร่วนซื่อได้ยินก็หน้าบูดบึ้งไปทันที อยากเข้าไปกัดคอกุ้ยฮวาให้ตายไปข้าง เสียดายนางซูบผอม ไม่อาจไปปะทะกับป้าฮุ้ยฮวาได้ ทำได้เพียงจ้องหน้ากุ้ยฮวาอย่างเคียดแค้น ทว่าไม่กล้าลงไม้ลงมือ

เฉินหลิ่วที่อยู่ด้านหลังของกลุ่มคนที่มุงดูเห็นว่าแม่สามีของตัวเองโดนคนต่อว่า จึงรีบเบียดเข้ามายืนอยู่ข้างกายหร่วนซื่อทันที

“ท่านแม่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองมาที่นี่เพราะอะไร เหตุใดต้องมายืนต่อล้อต่อเถียงกับป้ากุ้ยฮวาด้วย”

หร่วนซื่อได้สติกลับมา หันไปมองลู่เจียว พร้อมพูดอย่างเหี้ยมเกรียม “ลู่เจียว เจ้าช่างไร้คุณธรรมจริงๆ เสี่ยวเถาแค่ช่วยเจ้าป้อนข้าวให้อวิ๋นจิ่น เจ้าไปไล่นางออกได้อย่างไร รีบขอโทษนางเดี๋ยวนี้”

โจวเสี่ยวเถาพลันยืดตัวตรง รอลู่เจียวขอโทษ ลืมไปสนิทตัวเองต้องร้องไห้

ลู่เจียวจ้องหน้าโจวเสี่ยวเถาด้วยความขบขัน จากนั้นค่อยหันไปมองหร่วนซื่อ “ท่านแม่ ตาของท่านไม่ดีใช่ไหม”

หร่วนซื่อได้ยินก็ชะงักงัน ไม่เข้าใจในคำพูดของลู่เจียว

โจวเสี่ยวเถาทำหน้าบูดบึ้ง นางได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็หวาดผวาขึ้นมาทันที

เพราะคำพูดที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกนางยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง

โจวเสี่ยวเถายื่นมือรั้งหร่วนซื่อไว้ “น้าสะใภ้สี่ พวกเรากลับกันเถอะ”

หร่วนซื่อมัวแต่คิดว่าทำลายชื่อเสียงของลู่เจียว ตอนนี้นางยิ่งอยู่ยิ่งเลื่องชื่อลือแล้ว ถ้าไม่รีบทำลายชื่อเสียงของนาง แล้วจะให้เจ้าสามหย่าร้างกับนางได้อย่างไร

หร่วนซื่อไม่สนใจโจวเสี่ยวเถา ลู่เจียวที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่สนใจโจวเสี่ยวเถา นางมองหร่วนซื่อเพียงปราดหนึ่ง

“ท่านแม่ ท่านไม่รู้เลยหรือว่าลูกชายตัวเองใฝ่สูงแค่ไหน หาสตรีหน้าตาแบบนี้มาป้อนข้าวให้เขา เขาแค่ได้เห็นหน้านางก็ใกล้จะอาเจียนแล้ว จะกินข้าวลงอีกได้อย่างไร”

ลู่เจียวพูดจบ หร่วนซื่อยังไม่ทันพูด

สี่แฝดก็วิ่งมาจากด้านหลังของลู่เจียว พร้อมทั้งพูดขึ้น

“ท่านพ่อบอกว่านางขี้เหร่เกินไป ห้ามนางเข้าไปในเรือน”

“นางยกโจ๊กเข้าไปป้อนท่านพ่อ แต่ท่านพ่อไล่นางออกมา”

“นางอยากเป็นอนุท่านพ่อ แล้วยังอยากมีลูกกับท่านพ่อ”

“ท่านพ่อไม่มีทางมีลูกกับนาง ดูหน้าตาของนางอัปลักษณ์ขนาดนี้ บุตรก็ต้องเป็นไอ้เป็ดขี้เหร่แน่นอน”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท