ตอนที่ 119 รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ
ลู่เจียวส่ายหน้า มองไปทางอาจารย์แม่และบุตรชายตระกูลเฉินทั้งสอง กล่าวว่า “อาการป่วยของอาจารย์เฉินไม่เพียงแต่ต้องกินยาเท่านั้น วันหน้ายังต้องระวังการกิน ของมันของเผ็ดอย่าได้กิน เกลือก็ไม่อาจกินมากเกินไป ของหมักดองอย่าได้แตะต้อง ยามปกติก็จำไว้ว่าต้องดื่มชาเขียวมากๆ เพราะช่วยทำให้ความดันเลือดคงที่ได้”
อาจารย์แม่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พยักหน้าติด ๆ กัน รับรองว่าวันหน้าจะคอยดูอาจารย์เฉินไว้
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เรียกฉีเหล่ยออกมา ทั้งสองคนเดินไปยังเรือนนอนตะวันออก
“ข้าจะบอกเทียบยาตัวหนึ่ง เจ้ามาเขียน”
ในใจฉีเหล่ยตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเลื่อมใสลู่เจียวขนาดไหน ดูท่าตนจะติดตามอาจารย์ถูกคนแล้ว วิชาการแพทย์ของอาจารย์สูงกว่าเขามาก วันนี้คนป่วยเช่นอาจารย์เฉิน หากให้เขามารักษา คงไม่อาจฟื้นขึ้นมาเร็วอย่างนี้
ไม่สิ ฟื้นได้หรือไม่ก็อีกเรื่อง
“ได้”
ทั้งสองคนเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก ยังไม่ทันได้เขียนเทียบยา ก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงร้อนใจถามว่า “ลู่เจียว เป็นไงบ้าง อาจารย์ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ลู่เจียวยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไร อาจารย์เฉินกินยาไปก็ฟื้นแล้ว ข้ามาเขียนเทียบยาให้เขา ยานี้กินสามเดือน วันหน้าต้องระวังเรื่องอาหารการกินก็พอ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ถอนหายใจโล่งอก แววตาที่เขามองลู่เจียวเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ลู่เจียว ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องขอบคุณ”
ว่าที่ใต้เท้าโส่วฝู่รับปากติดค้างนางเรื่องหนึ่ง เอาอาการป่วยของอาจารย์เฉินมาแลกกับเงื่อนไขข้อหนึ่งจากเขา นางไม่เสียเปรียบ
ลู่เจียวอารมณ์ดีอย่างมาก
ฉีเหล่ยกลับรู้สึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ดูแปลก ทำไมขอบคุณกันไปมาเหมือนเกรงใจห่างเหิน ไม่เหมือนสามีภรรยากันแม้แต่น้อย
แต่เขาไม่คิดอะไรมาก ลู่เจียวเดินมาบอกให้เขาเขียนเทียบยา “หวงฉีน้ำหนักแปดเหรียญ ตั่งเซินเจ็ดเหรียญ เทียนหมาเจ็ดเหรียญ โกวเถิงห้าเหรียญ ตันเซินห้าเหรียญ ชวนหนิวสี่เหรียญ หรู่หนิวเซียงสามเหรียญ หงฮวาสามเหรียญ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็เดินไปข้างฉีเหล่ย ยื่นมือออกไปรับเทียบยาที่เขาเขียนออกมามาตรวจสอบรอบหนึ่ง มั่นใจว่าไม่ผิดพลาดแล้ว ก็ถือเทียบยาจะออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าสองบุตรชายตระกูลเฉินจะเดินเข้าประตูมา
พอพวกเขาเข้ามาเห็นลู่เจียวเข้าก็รีบขอบคุณลู่เจียวอย่างนอบน้อม “ขอบคุณพี่สะใภ้”
ลู่เจียวได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย ส่งเทียบยาในมือให้คนที่อายุอ่อนกว่า “ยานี้กินสามเดือน ทุกเช้าดื่มหนึ่งชาม วันหน้าขอเพียงระวังการกินก็พอแล้ว”
เฉินมู่อู่บุตรชายคนรองตระกูลเฉินกล่าวขอบคุณลู่เจียวอย่างซาบซึ้งใจอีกครั้ง “วันนี้โชคดีได้พี่สะใภ้ วันหน้าหากมีอะไรเรียกใช้งานข้าเฉินมู่อู่ ขอพี่สะใภ้เอ่ยมาได้เลย”
ตระกูลเฉินมีบุตรทั้งหมดสี่คน บุตรชายสาม บุตรสาวหนึ่ง คนโตเฉินมู่เหวินตอนนี้เป็นบัณฑิตจวี่เหรินแล้ว คนรองเฉินมู่อู่ไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการเรียน ดังนั้นจึงทำการค้าเล็กๆ ในเมือง คนที่สามเฉินมู่ซวงแม้ว่าอายุไม่มาก แต่ตอนนี้ก็เป็นถงเซิงแล้ว
คนรองเฉินมู่อู่อายุพอๆ กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เมื่อก่อนทั้งสองคนเที่ยวเล่นด้วยกัน สนิทมาก ต่อมาเพราะเรื่องเฉินอิง เฉินมู่อู่จึงทะเลาะกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ต่อมาก็ไม่ได้มาเยือนตระกูลเซี่ยอีก
คิดไม่ถึงว่าการมาเยือนครั้งนี้ ถึงกับเพื่อช่วยชีวิตท่านพ่อเขา
เฉินมู่อู่สับสนในใจอย่างมาก เขายืนมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียง ถามอย่างห่วงใยว่า “ ได้ยินว่าเจ้าผ่าตัดขา? ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินวาจาเฉินมู่อู่ ในใจก็ดีใจแทบพูดไม่ออก “ไม่เป็นไรแล้ว”
เขากล่าวจบก็หันไปมองหมอฉีในห้อง “ท่านหมอฉี ขอบคุณท่านที่ครั้งก่อนช่วยข้าผ่าตัด ก่อนสลบไปไม่ทันได้ขอบคุณท่าน วันนี้ก็ขอกล่าวขอบคุณท่าน”
ฉีเหล่ยรีบส่ายหน้าทันที ยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องขอบคุณ หมอควรมีใจเมตตาดังบิดามารดา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขอบคุณฉีเหล่ยเสร็จแล้ว ก็หันไปทางเฉินมู่อู่ กล่าวว่า “อาจารย์ก็ไม่เป็นไรแล้วกระมัง”
เฉินมู่อู่พยักหน้า “ไม่เป็นไรแล้ว จิตใจกระปรี้กระเปร่าไม่เลว ก่อนหน้านี้ท่านแม่ตกใจแทบตาย วันนี้พี่สะใภ้ช่วยท่านพ่อข้าไว้ ก็เท่ากับช่วยชีวิตท่านแม่ข้าด้วย”
สองสามีภรรยาอยู่ร่วมกันมาหลายปี หากเกิดเรื่องขึ้น อีกคนเกรงว่าคงทนอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน
ดังนั้นลู่เจียวครั้งนี้ได้ช่วยอาจารย์เฉิน ก็นับว่าเป็นการช่วยอาจารย์แม่ทางอ้อม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดเฉินมู่อู่ ก็หันไปยิ้มให้ลู่เจียว ยิ้มนี้ไม่ได้มีอุบายหรือจุดมุ่งหมายอะไร เป็นความรู้สึกซาบซึ้งจากใจอย่างมาก
“วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
ลู่เจียวอมยิ้มส่ายหน้า “นี่เป็นเรื่องที่ข้าควรทำ เป็นหมอ รักษาผู้ป่วยก็เป็นสิ่งสมควร”
ฉีเหล่ยข้างๆ ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น พลางแอบคิดว่าหากเซี่ยซิ่วไฉรู้ว่าการผ่าตัดเป็นฝีมืออาจารย์จะคิดอย่างไร
ในห้องเฉินมู่อู่และเฉินมู่ซวงคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นสองสามประโยค เฉินมู่อู่ก็หันไปทางลู่เจียวกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ท่านพ่อข้าฟื้นแล้ว ข้าพาเขากลับได้เลยไหม”
ลู่เจียวพยักหน้า “ได้ กลับไปอย่าให้เขาเอาแต่นอน ไม่มีอะไรก็ออกมาเดินเล่นสักหน่อย วันหน้าให้อาจารย์เฉินเคลื่อนไหวมากๆ ดื่มน้ำชามากๆ”
“ได้ ข้าจดจำไว้แล้ว”
เฉินมู่อู่กับเฉินมู่ซวงหันไปกล่าวอำลากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น “พวกเราพาท่านพ่อกลับไปก่อน ไว้ค่อยมาเยี่ยมเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองพวกเขา แววตาอ่อนโยนกล่าวว่า “รอให้ขาข้าหายก่อน ก็จะไปเยี่ยมอาจารย์กับอาจารย์แม่”
“ได้” เมื่อสองตระกูลแก้ปมในใจแล้ว พูดจากันก็สนิทสนมเป็นพิเศษ
เฉินมู่อู่กับเฉินมู่ซวงเดินออกไปด้านนอก เซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ลู่เจียวไปส่งพวกเขา
“ได้”
ลู่เจียวเดินออกไป ฉีเหล่ยตามนางออกมาด้วย ณ เรือนนอนตะวันตก เฉินมู่อู่อุ้มอาจารย์เฉินขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เตรียมจะจากไป
อาจารย์แม่ขอบคุณลู่เจียวไม่หยุด “วันนี้ขอบคุณเจียวเจียวจริงๆ หากไม่มีเจ้า ชีวิตอาจารย์ของเจ้าเกรงว่า?”
ลู่เจียวรีบคว้าแขนปลอบใจอาจารย์แม่ “อาจารย์แม่ อาการป่วยอาจารย์ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร วันหน้าขอเพียงระวังหน่อยก็พอ ใช่แล้ว อาจารย์แม่อย่าให้อาจารย์ดื่มสุรา”
“อืม ที่เจ้าพูดมาข้าจดไว้แล้ว วันหน้ารอขาอวิ๋นจิ่นหายดีแล้ว เจ้าต้องไปเที่ยวบ้านพวกเรานะ”
ลู่เจียวไม่ตอบ รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “อาจารย์แม่ ท่านเดินดีๆ นะ”
“ได้”
กลุ่มคนออกไปจากประตูตระกูลเซี่ยแล้ว ฉีเหล่ยที่ยืนอยู่ข้างหลังก็กระซิบกับลู่เจียวว่า “อาจารย์ หม้อเหล็กสองใบที่ท่านต้องการก่อนหน้านี้ ข้าช่วยหามาให้ท่านแล้ว ท่านจะมาเอาที่ร้านเมื่อไร”
ลู่เจียวคิดถึงหม้อสองใบนั้นมาตลอด ได้ฟังฉีเหล่ยกล่าว ก็ยิ้มดีใจขึ้นมาทันที “ได้เลย พรุ่งนี้ข้าเข้าเมืองสักครั้ง”
“ตกลง”
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องที่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่สูงแล้ว นางก็มองไปทางฉีเหล่ยที่อยู่ข้างๆ
แต่พอคิดถึงว่าเอาแต่รบกวนฉีเหล่ยครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนว่าไม่ค่อยดีเท่าไร
ฉีเหล่ยเห็นท่าทางนาง ก็เดาได้ทันทีว่าอาจารย์มีเรื่องต้องการให้เขาช่วยเหลือ
เขารีบกล่าวว่า “อาจารย์ ท่านต้องการของอะไรก็บอกข้ามาได้เลย เป็นอาจารย์เท่ากับเป็นบิดาชั่วชีวิต ท่านสอนวิชาแพทย์ข้าอย่างไม่เก็บงำ ช่วยท่านจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สมควรแล้ว”
ลู่เจียวไม่เกรงใจเขาอีก อย่างมากวันหน้าก็ทุ่มเทสอนเขาก็แล้วกัน
“งั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว ข้าอยากได้แม่แพะเพิ่งคลอดลูกตัวหนึ่ง เจ้าดูเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านข้า เพราะคลอดก่อนกำหนดจึงเป็นเหตุให้ขาดสารอาหาร ดังนั้นต้องเสริมสารอาหารสักหน่อย เดิมข้าคิดจะหานมวัวให้พวกเขาดื่ม แต่ยามนี้วัวราคาดังทองคำ หากข้าหาวัวมาเลี้ยงไว้ที่บ้านบีบนมให้พวกเด็กๆ ดื่มกัน ย่อมถูกคนวิพากษ์วิจารณ์แน่”
“ดังนั้นข้าคิดหาแม่แพะมาบีบนมแพะให้พวกเด็กๆ ดื่มกัน เช่นนี้ก็จะทำให้พวกเขาสูงอีกหน่อย เพียงแต่สถานที่ค่อนมาทางใต้ แพะก็เป็นสัตว์ที่หาได้น้อย ข้าคิดว่าเจ้ามาจากเมืองหลวง คงมีวิธีหาแม่แพะมาได้ใช่ไหม”
เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ เทียบกับหม้อสองใบแล้วง่ายกว่ามาก