ตอนที่ 125 วางอุบายหร่วนซื่อ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเจ้าแฝดสี่ที่กำลังตื่นเต้น แววตาก็อดมีประกายอ่อนโยนออกมาไม่ได้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่ได้เห็นภาพเช่นนี้
เมื่อก่อนเขาเอาแต่เป็นห่วงว่า เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีภาพจำอันเลวร้ายในวัยเด็กติดอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้พวกเขาร่าเริงน่ารักเช่นนี้ได้ เด็กที่เติบโตไปเช่นนี้ ย่อมต้องมีความสุขและมองโลกแง่บวก
สายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปหยุดที่ลู่เจียว ใบหน้าอ้วนเล็กน้อย ตอนนี้เริ่มเรียวแล้ว หน้าตามั่นใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับแสงตะวันสาดส่องใจคน
ด้วยวิธีเช่นนี้ เด็กๆ ที่อบรมจะต้องเป็นชายชาตรีที่มีสติปัญญาและสง่าผ่าเผยแน่นอน
ในนาทีนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเกิดความคิดจะคว้าลู่เจียวเอาไว้ให้แน่น
หน้าประตูห้อง ลู่เจียวเห็นท่าทางตื่นเต้นของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก็ยิ้มกล่าวว่า “เอาละ รีบออกมาอาบน้ำ ให้ท่านพ่อเจ้าพักผ่อน ท่านพ่อต้องพักรักษาร่างกาย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ท่านพ่อก็พักผ่อนดีๆ พวกเราออกไปอาบน้ำละ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกไปอาบน้ำ เซี่ี่ยเอ้อร์จู้เข้ามาจากนอกรั้วบ้านพอดี “น้องสะใภ้สาม”
“พี่รอง”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้พยักหน้า ตอนนี้เขาไม่ได้กลัวน้องสะใภ้สามผู้นี้อีกแล้ว แม้ว่าบางครั้งนางจะทำอะไรมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้อยู่มาก แต่เซี่ี่ยเอ้อร์จู้พบว่าความจริงนางดีกับคนอื่นมาก และไม่เหมือนคนที่เอาแต่ใจเหิมเกริมอะไรพวกนั้น
ลู่เจียวเห็นเซี่ี่ยเอ้อร์จู้เดินมาทางห้องโถง ก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกไปอาบน้ำ
ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตื่นเต้นยากระงับ ถือของเล่นไว้ไม่ยอมปล่อย ลู่เจียวก็ปล่อยพวกเขา แล้วเข้าครัวไปต้มน้ำร้อนหนึ่งหม้อ
“เอาละ ฟ้ามืดแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยเล่นต่อ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตอนนี้เชื่อฟังเป็นพิเศษ ยอมเชื่อฟังท่านแม่ตนจากจิตใจ
ลู่เจียวอาบน้ำให้เจ้าแฝดสี่ สวมเสื้อผ้า เตรียมพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรือนนอนตะวันตกและเล่านิทานให้ฟัง
แม่ลูกห้าคนเพิ่งเดินไปถึงห้องโถง ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ดังมาจากเรือนนอนตะวันออก
“น้องสาม ข้าเห็นท่านแม่กับพี่สะใภ้ใหญ่ลับ ๆ ล่อๆ รู้สึกว่าพวกนางวางแผนชั่วร้ายอะไรกันอีก ดังนั้นเจ้าต้องระวังหน่อย”
น้ำเสียงเยียบเย็นของเซี่ยอวิ๋นจิ่นดังแว่วมา “ขอบคุณพี่รอง ข้ารู้แล้ว”
ลู่เจียวที่อยู่นอกห้องได้ยินคำพูดของเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ ก็บุ้ยใบ้ให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปรอที่เรือนนอนตะวันตกก่อน นางจะไปเรือนนอนตะวันออกสักหน่อย
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปนอนรอบนเตียงที่เรือนนอนตะวันตกอย่างเชื่อฟัง ลู่เจียวเดินเข้าไปในเรือนนอนตะวันออกถามเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ “พี่รอง ท่านแม่กับพี่สะใภ้ใหญ่คิดทำอะไรอีก”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้ แอบได้ยินพวกนางเหมือนเอ่ยถึงน้องสาม แต่เพราะพวกนางพูดเสียงเบามาก ข้าจึงได้ยินไม่ชัด”
ลู่เจียวขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความรำคาญ นางรำคาญแม่สามีอย่างหร่วนซื่อจริงๆ ไม่เพียงแต่คิดเองเออเอง ยังโง่เง่าจนน่ากลัว
เห็นๆ ว่าความสัมพันธ์กับลูกชายไม่ดีนัก ก็ยังไม่รู้จักหาทางผ่อนคลายความตึงเครียด เอาแต่คิดจะหาเรื่องจัดการ นางคิดว่าลูกชายนางเป็นลูกชายคนเมื่อก่อนนั้นหรือไง หาเรื่องมากเกินไป ได้แต่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกชายยิ่งเย็นชามากขึ้น
ลู่เจียวไม่สนใจเรื่องนี้ นางคิดแค่อยากมีชีวิตสงบสุขไปอีกสองสามเดือน ดังนั้นนางควรทำเช่นไรให้หร่วนซื่ออยู่อย่างสงบ หากนางลงมือวางอุบายใส่หร่วนซื่อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะโกรธไหม
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงด้วยแววตาสับสน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่มองก็รู้ว่าลู่เจียวกำลังคิดอะไร สตรีผู้นี้มีความสามารถจริง จิตใจก็ดีงาม แต่นางเปิดเผยเกินไป มีอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมด คนที่ฉลาดอยู่สักหน่อย เกรงว่าก็คงพบเห็นจุดนี้ได้ไม่ยาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเริ่มคิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หากคนเช่นนางไปจากเขา เกรงว่าคงโดนอุบายผู้อื่น ดังนั้นเห็นแก่นางที่ทุ่มเทเพื่อเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เขาควรรั้งนางไว้ข้างกายต่อ
ในห้องเซี่ี่ยเอ้อร์จู้เห็นบรรยากาศเริ่มเย็นเยียบ ก็รีบกล่าวว่า “บางทีข้าอาจคิดมากไป พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจไป”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่เป็นไร พี่รองอย่าได้เป็นห่วง”
นางกล่าวจบก็หยิบลูกกวาดให้เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ “ลูกกวาดนี่เอากลับไปให้ต้ายากับเอ้อร์ยากิน”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ไม่ปฏิเสธ ตอนนี้เขารู้อารมณ์น้องสะใภ้สามแล้ว หากนางว่าให้ก็คือจริงใจ หากนางไม่ยินยอม เจ้าอย่าได้คิดกินแม้ลูกกวาดเม็ดเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจนาง
“ขอบคุณน้องสะใภ้สาม”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ดูแลเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ก็หันหลังจะออกไป ลู่เจียวมองท้องฟ้ารู้ว่าดึกแล้ว กำชับเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “เจ้าเข้านอนเร็วหน่อยนะ”
ลู่เจียวหันหลังคิดจะไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เรียกนางไว้
“ลู่เจียว”
ลู่เจียวชะงักหันกลับมามอง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียกนางให้มาหา “เจ้ามานี่หน่อย ข้ามีเรื่องคุยกับเจ้าหน่อย”
ลู่เจียวรีบก้าวไปที่ข้างเตียงเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าว่ามา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้ามองนาง ดวงตาดำขลับใต้แสงโคมไฟส่องประกายงดงาม ประกายในแววตาของเขาทำให้นางตาพร่าเหมือนยามมองประกายแสงจากไข่มุก
ลู่เจียวดูแล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย สาวงามใต้แสงโคมไฟก็ยิ่งงาม เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดิมก็งามราวภาพวาด มาอยู่ใต้แสงโคมไฟสาดส่องอีกก็ยิ่งงาม และความเย็นชาเดิมก็จางลงไปมากแล้ว ถึงกับทำให้คนนึกอยากรังแกให้ร่ำไห้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงมองลู่เจียวที่อึ้งมองเขา ในใจก็ไม่ได้นึกรำคาญ หากกลับยินดี
แต่เขาในยามนี้ไม่ได้รู้ถึงความคิดในใจตนเองแม้แต่น้อย มองลู่เจียวค่อยๆ กล่าวว่า
“เจ้าคงไม่อยากให้ท่านแม่วางอุบายใส่พวกเราอีก?”
ลู่เจียวพยักหน้าทันที กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ข้าแค่อยากมีชีวิตสงบสุข”
ดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับเขาให้ดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดนาง ก็หรี่เสียงเบาลงกล่าวว่า “ข้ามีวิธี เจ้ามานี่ ข้าสอนเจ้าว่าทำอย่างไร”
ลู่เจียวเขยิบเข้าใกล้ด้วยสัญชาตญาณ มุมปากเซี่ยอวิ๋นจิ่นแย้มยิ้มเล็กน้อย เขากล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“เจ้ารู้จักแม่หม้ายหวังชุ่ยฮวาไหม”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง นึกได้ว่าในหมู่บ้านมีแม่หม้ายคนนี้อยู่จริงๆ และอายุไม่นับว่ามาก เหมือนว่าราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเท่านั้น
แม่หม้ายหวังผู้นี้แต่งเข้าบ้านตระกูลเซี่ย ปรากฏว่านางแต่งเข้ามาคืนนั้นผู้ชายก็ตาย
ในหมู่บ้านมีคนแอบว่ากันว่านางดวงกินสามี แต่แม้เป็นเช่นนี้ ผู้ชายหลายคนในหมู่บ้านก็ยังมีสัมพันธ์กับนาง
ผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ข้างบ้านป้ากุ้ยฮวา นางได้ยินคนว่า ป้ากุ้ยฮวากลัวคนของนางถูกแม่หม้ายหวังข้างบ้านล่อลวง มองผู้ชายทีก็จ้องไม่วางตา
“ข้ารู้ นางอยู่ข้างบ้านป้ากุ้ยฮวา”
ริมฝีปากเซี่ยอวิ๋นจิ่นราวกับแย้มยก “เจ้าว่าหากนางผู้นั้นแต่งเข้าตระกูลเซี่ยเรา ท่านแม่ข้าจะมีเวลามาหาเรื่องพวกเราไหม”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างตกใจ “เจ้าคิดให้ท่านพ่อเจ้ารับแม่หม้ายหวังเป็นอนุ?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวอย่างไร้คำพูด “เจ้าว่าข้าจะให้แม่หม้ายมาปีนขึ้นหัวข้า มาเป็นท่านแม่ข้าหรือ”
“งั้นความหมายเจ้าก็คือ?”
ลู่เจียวแอบไม่เข้าใจความคิดผู้ชายคนนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวสีหน้านิ่ง หญิงผู้นี้เป็นเหมือนที่เขาคิดไว้ ความสามารถมี แต่ขาดอุบายไปสักหน่อย ดังนั้นเขายังต้องรั้งนางไว้ข้างกายเพื่อดูแลสักหน่อยแล้ว
“หญิงผู้นี้ความจริงคิดหาครอบครัวลงหลักมาตลอด หากนางรู้ว่าได้เข้าตระกูลเรา เกรงว่าแม้เป็นอนุ ก็สบายกว่าเป็นภรรยาผู้อื่น เจ้าว่านางจะหวั่นไหวไหม”
ลู่เจียวมองเขาอย่างไร้วาจา นี่ไม่ใช่ตัวพาซวยหรือ หากแม่หม้ายหวังที่อายุยังน้อยเข้ามาในตระกูลเซี่ย เกรงว่าท่านแม่คงเสียสติแน่แล้ว แต่ก็เหมือนที่เขาว่า วันหน้าท่านแม่เขาก็ไม่มีเวลามาหายุ่งกับพวกเขาแล้ว