ตอนที่ 138 รีบขอโทษข้าเดี๋ยวนี้
ฉีเหล่ยวาดมือไปยังตำแหน่งใต้ไหล่ด้านขวา แสดงให้เห็นว่าลูกธนูยิงปักตรงนี้
ลูกธนูหัวแฉกกลับด้านดึงยากอย่างมาก หากไม่ระวังก็อาจจะทำร้ายผู้บาดเจ็บถึงชีวิตได้ หากดึงดันดึงลูกธนูหัวแฉกกลับด้านออก บริเวณที่โดนยิงก็อาจจะเปิดเป็นโพรงลึก ผู้บาดเจ็บอาจเสียชีวิตเพราะห้ามเลือดไม่อยู่
ดังนั้นฉีเหล่ยไม่กล้าบุ่มบ่ามดึงลูกธนูออก ได้แต่ขอให้ลู่เจียวมาดู ดูว่ามีวิธีการที่ดีอะไรดึงลูกธนูที่หัวแฉกกลับด้านออกมาได้บ้าง
ลู่เจียวได้ฟังฉีเหล่ย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ดึงธนูหัวแฉกกลับด้านสำหรับนางไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากคือหลังดึงออกมา ต้องเย็บและให้ยาปฏิชีวนะ จะให้น้ำเกลือฉีดยานั้นคงทำไม่ได้เพราะคนอาจจะสงสัย ได้แต่ให้เขากินยายาปฏิชีวนะให้ปริมาณมากหน่อยก็พอ
แต่แม้เป็นเช่นนี้ ลู่เจียวก็เป็นห่วงว่าพวกฉีเหล่ยได้เห็นยาปฏิชีวนะจะแตกตื่นตกใจ ดังนั้นนางต้องหาวิธีพูด
ในรถม้า ฉีเหล่ยดูสีหน้าลู่เจียวปกติ ใจที่ขมวดเกร็งก็พลันผ่อนคลายลง
“ลู่เหนียงจื่อมั่นใจว่าจะดึงลูกธนูออกมาได้ไหม”
ลู่เจียวพยักหน้า “นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร เจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
ฉีเหล่ยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ่งวางใจลง
ในรถม้าหันถงด้านหนึ่งก็หันไปมองฉีเหล่ยอีกด้านหนึ่งอย่างประหลาดใจ “เจ้าก็คือหมอฉีที่ผ่าตัดให้อวิ๋นจิ่น?”
ฉีเหล่ยอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืม”
หันถงไม่ได้กล่าวอะไรต่ออีก มักรู้สึกว่าตรงไหนสักแห่งไม่ถูกต้อง ตามหลักแล้วผ่าตัดให้อวิ๋นจิ่นได้ หมอฉีผู้นี้วิชาการแพทย์น่าจะเก่งกาจถึงจะถูก ทำไมตอนนี้กลับมาตามพี่สะใภ้ไปช่วย และเขายังเห็นหมอฉีถึงกับให้ความเคารพพี่สะใภ้อย่างมาก
นี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี่ย หันถงสมองราวกับบวมน้ำมึนงงไปหมด
รถม้าขับมาอย่างรวดเร็วถึงหมู่บ้านชีหลี่ ตรงไปยังหอยาเป่าเหอ
พวกลู่เจียวเพิ่งลงจากบนรถม้า ผู้จัดการหลี่แห่งหอยาเป่าเหอก็เข้ามารอรับ “ลู่เหนียงจื่อ ในที่สุดท่านก็มา เชิญตามข้ามา”
ลู่เจียวพาฉีเหล่ยกับหันถงตามผู้จัดการหลี่ไปยังหอหลังเล็กในเรือนด้านหลังหอยาเป่าเหอ
หอหลังเล็กจุดโคมไฟสว่างไสว นอกหอยังมีคนยืนอยู่สองสามคน คนเหล่านี้แม้ว่าไม่พูดจา แต่รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ทำให้คนแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ลู่เจียวไม่คิดมาก ตามผู้จัดการหลี่เดินเข้าไปในหอหลังเล็ก ตรงไปยังห้องนอนหลักทางตะวันออกของหอหลังเล็ก
หน้าประตูห้องนอนมีคนชุดดำยืนอยู่สองคน คนชุดดำทั้งสองสายตาเย็นเยียบไร้อารมณ์ความรู้สึก เห็นลู่เจียวจะเข้าไปเรือนนอนตะวันออก หนึ่งในนั้นก็ขวางทางลู่เจียวไว้
ฉีเหล่ยด้านหลังรีบกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อคือหมอที่ข้าเชิญมาดึงลูกธนู วิชาการแพทย์นางร้ายกาจมาก ต้องช่วยผู้ป่วยดึงลูกธนูออกมาได้แน่นอน”
ลู่เจียวมองคนชุดดำอย่างประหลาด ท่าทางแบบนี้เป็นพวกนักเลงโตเกินไปหรือเปล่า
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ คนชุดดำก็ชักมือกลับ ฉีเหล่ยรีบเชิญลู่เจียวเข้าไป
หันถงด้านหลังคิดตามเข้าไป คนชุดดำยื่นมือออกมาขวางทางเขาไว้อีกครั้ง “คนไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า”
ลู่เจียวได้ยินคำพูดเย็นชาของคนชุดดำด้านหลังก็หันไปมองหันถง “หันถง เจ้าออกไปรอข้าข้างนอก”
“ได้ หากพี่สะใภ้อยู่ข้างในมีอะไรเกิดขึ้น ก็ให้ตะโกนเรียกข้า”
หันถงมองคนชุดดำราวกับมองศัตรู รู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนคนดี
ลู่เจียวหันหลังเดินตามฉีเหล่ยเข้าไป ในห้องนอนตอนนี้บรรยากาศเคร่งเครียดมาก
บนเตียงมีผู้ชายถูกธนูยิงนอนอยู่ ผู้ชายถูกลูกธนูยิงสลบไปแล้ว แต่ลู่เจียวเหลือบดู พบว่าคนผู้นี้หน้าตาโครงหน้าชัดมาก เสื้อผ้าที่สวมก็ไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดา แต่เป็นเสื้อผ้าแพรไหมชั้นดี
ลู่เจียวแค่มองแวบเดียวก็มั่นใจว่าคนผู้นี้ไม่เพียงรวย แต่ยังสูงศักดิ์
คนในห้องนอนพากันหันไปมองลู่เจียว หนึ่งในนั้นรูปร่างผึ่งผาย เป็นชายหน้าตาดีแต่มีความหยิ่งยโส เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “คุณชายจ้าว นี่ก็คือหมอที่ท่านว่าผู้นั้น?”
จ้าวหลิงเฟิงหันไปมองลู่เจียว พยักหน้ากล่าวว่า “ใช่แล้ว”
เขากล่าวจบก็ก้าวไปเบื้องหน้าลู่เจียว กล่าวน้ำเสียงนิ่งว่า “ลู่เหนียงจื่อ เจ้ามั่นใจว่าจะดึงลูกธนูออกได้ไหม”
ลู่เจียวเหลือบมองจ้าวหลิงเฟิง พบว่าแม้สีหน้าเขานิ่งสงบ แต่แววตากลับไม่อาจปิดบังความเคร่งเครียด ความเคร่งเครียดนี้ไม่เหมือนความเคร่งเครียดจากการถูกบังคับ แต่เหมือนความเป็นห่วง
ลู่เจียวหันไปมองคนบนเตียงทันที หรือว่าคนผู้นี้รู้จักกับจ้าวหลิงเฟิง และยังมีความสัมพันธ์ไม่น้อย?
ลู่เจียวเก็บงำความคิดอย่างรวดเร็ว นางไม่สนใจเรื่องพวกนี้
นางคิดแต่รักษาและรับเงิน
“ข้าลองดูก่อน”
นางกล่าวจบก็เดินไปข้างเตียง ผู้ชายหน้าเตียงใบหน้าเย็นเยียบรีบยื่นมือออกมาขวางไม่ให้ลู่เจียวเข้าใกล้ “เจ้ามั่นใจไหม”
ลู่เจียวเม้มปาก กล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ข้าได้แต่พยายามลองดูเต็มที่ ส่วนว่ามั่นใจหรือไม่ แต่ไรมาหมอไม่พูดจาเกินจริงกับผู้ใดทั้งนั้น หากเจ้าไม่วางใจ จะไม่ให้ข้าลองดูก็ได้”
เห็นอยู่ว่าเชิญคนเขามารักษา ยังถึงกับเหิมเกริมเช่นนี้ได้ ผู้ใดทำพวกเขาเสียนิสัยกันนี่
ลู่เจียวมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร
บรรยากาศในห้องนอนเย็นเยียบลงทันที จ้าวหลิงเฟิงเดินเข้ามาทันใด มองไปยังผู้ชายหน้าตาดุดัน “ม่อเป่ย คุณชายรอไม่ไหวแล้ว ให้นางลองดู หากนางทำไม่ได้ ก็ไม่มีคนมั่นใจดึงลูกธนูให้คุณชายแล้ว”
พอจ้าวหลิงเฟิงกล่าว ม่อเป่ยก็หันไปมองลู่เจียวอย่างแปลกใจ หญิงบ้านนอกผู้นี้ คุณชายสามจ้าวถึงกับให้ค่ามากเช่นนี้ ช่างหากได้ยากยิ่ง
ม่อเป่ยมองลู่เจียวนิ่ง เตือนเสียงเข้มว่า “ดีที่สุดเจ้าอย่าได้เล่นอุบาย หากให้ข้า…”
ม่อเป่ยไม่ทันเตือนจบ ลู่เจียวก็ขี้เกียจจะสนใจเขาแล้ว หันหลังเดินจากไปทันที
“ไม่อยากให้ดึงก็ไม่ดึง ไม่มีคนอยากดึงลูกธนูนี่ให้พวกเจ้า ดึกดื่นไปรับข้ามา แม้แต่วาจาสุภาพเกรงใจก็ไม่มีสักคำ ยังคิดให้ข้าดึงลูกธนู”
ม่อเป่ยสีหน้าแปรเปลี่ยน แต่ไรมาเขาไม่เคยเจอคนเช่นนี้ หญิงผู้นี้เป็นหญิงบ้านนอกจริงหรือ แม้แต่บรรดาผู้หญิงในเมืองหลวงได้เห็นเขาก็ยังหวาดกลัว หญิงผู้นี้กลับไม่เห็นเขาในสายตา
ม่อเป่ยขยับตัวไปขวางลู่เจียวไว้ “ข้าอนุญาตให้เจ้าไปได้แล้วหรือ”
ลู่เจียวรู้สึกคันมืออยู่สักหน่อยแล้ว แม้คนผู้นี้เป็นวรยุทธ เกรงว่ายังไม่อ่อนด้อยด้วย แต่เห็นเขาเหมือนอยากโดนทุบนางก็คันมือยิบๆ
จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยในห้องรีบเข้ามา “ลู่เหนียงจื่ออย่าได้ถือสา ม่อเป่ยเขาร้อนใจกับอาการบาดเจ็บคุณชายพวกเขา ดังนั้นจึงได้เป็นเช่นนี้ เจ้าอย่าได้ถือสาเขา”
ลู่เจียวเหลือบมองม่อเป่ยเย็นชา “ขอโทษข้าสิ”
ม่อเป่ยโมโหแล้ว ถลึงตาจ้องลู่เจียวใกล้ระเบิดโทสะแล้ว จ้าวหลิงเฟิงคว้าเขาไว้ ตวาดเสียงเยียบเย็นว่า “เจ้าอยากทำร้ายคุณชายเจ้าหรือไง”
คำพูดนี้ทำเอาม่อเป่ยพูดไม่ออก เขาหันไมมองลู่เจียวอย่างโกรธแค้น กล่าวว่า “ขอโทษ ข้าผิดเอง”
ลู่เจียวไม่ใช่คนไร้เหตุผล นับประสาอะไรกับผู้บาดเจ็บตอนนี้อันตรายมาก นางมองม่อเป่ยแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปหน้าเตียง ครั้งนี้ไม่มีคนขวางลู่เจียวอีกแล้ว
ลู่เจียวยืนข้างเตียงตรวจอาการบาดเจ็บให้ชายบนเตียง บาดแผลลึกมาก ดูจากบาดแผล เป็นลูกธนูหัวแฉกกลับด้านจริงๆ ดึงธนูพวกนี้ได้แต่ใช้การผ่าตัด ใช้มีดผ่าลงไปถึงตำแหน่งลูกธนู ดึงลูกธนูออกมา จากนั้นก็เย็บปิดบาดแผล