ตอนที่ 146 มาขอคำอธิบายถึงที่บ้าน
ต้าเป่ากล่าวจบ เหมาโต้วก็เอ่ยว่า “อาสะใภ้สาม พวกเราเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกัน ไม่ควรเหินห่างเช่นนี้”
ลู่เจียวหันไปมองเหมาโต้ว แค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “ตอนนี้ก็เป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันแล้ว เมื่อก่อนไม่เห็นเจ้าปกป้องน้องชายทั้งสี่ ไม่เห็นเจ้าเอาของกินพวกเจ้ามาแบ่งให้น้องชาย ไม่เห็นเจ้าช่วยน้องชายทำงาน น้องชายสามสี่ขวบอยู่บ้านทำงาน เจ้าหนีไปเรียนหนังสือในเมือง ตอนนี้แล่นมาว่าพี่น้องครอบครัวเดียวกัน”
ลู่เจียวกล่าวถึงช่วงท้ายก็หัวเราะด้วยความรู้สึกมากมายปนเป “นี่เห็นว่าอาสามเจ้าขาหายดีแล้ว คิดมาสอพลอแล้ว เสียทีที่เจ้ารู้หนังสือ แต่กลับไร้ยางอายเช่นนี้ได้”
เหมาโต้วหน้าแดงทันที อ้าปากมองลู่เจียว ยังคิดจะพูดต่อ ลู่เจียวกลับไม่สนใจพวกเขาทั้งสองคน
นางหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถามว่า “พวกเจ้าบาดเจ็บไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ส่ายหน้า “ไม่ พี่มู่โถวกับหนิวหนิว โก่วเซิ่ง เถี่ยตั้นช่วยพวกเรา”
มู่โถวก็คือลูกชายคนเล็กท่านอาโหย่วไฉ ปีนี้เก้าขวบแล้ว มีเรื่องวิวาทต่อยตีก็ร้ายกาจมาก เพราะเขาออกหน้าช่วยลงมือ ดังนั้นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จึงไม่ได้เสียเปรียบ
ลู่เจียวหันไปขอบคุณมู่โถว “ขอบคุณมู่โถวที่ช่วยน้อง”
มู่โถวส่ายหน้าเขินๆ “พวกเขายังเล็ก ข้าควรปกป้องพวกเขา”
ลู่เจียวหันไปขอบคุณหนิวหนิว โก่วเซิ่งและเถี่ยตั้น และยังเอาลูกอมให้ต้าเป่า ให้ต้าเป่าขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยพวกเขา
“ให้พี่ชายคนละสองชิ้น ขอบคุณที่พวกเขาช่วยพวกเจ้าไว้”
ครั้งนี้ต้าเป่าส่งลูกอมให้พวกมู่โถวอย่างยินดียิ่ง
เด็กๆ พากันดีอกดีใจ เหมาโต้วกับไช่โต้วตรงข้ามมองเห็นทุกอย่างแล้วสีหน้าก็โมโหจัด โดยเฉพาะได้เห็นเด็กๆ ตรงหน้ามีลูกอมกินกัน ก็ยิ่งอยากกินอิจฉาจนตาใกล้เขียวปั้ดแล้ว
สุดท้ายเหมาโต้วทนไม่ไหวร้องไห้วิ่งกลับบ้านไป
ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับบ้าน โก่วเซิ่งกับหนิวหนิวและเถี่ยตั้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก กล่าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หนักแน่นว่า วันหน้าหากมีคนรังแกพวกเขาอีก พวกเขาจะช่วยพวกเขาต่อยเอง
เด็กๆ ดีอกดีใจกลับบ้าน พอโก่วเซิ่ง หนิวหนิว และเถี่ยตั้นกลับบ้าน ก็เหลือพวกเขาห้าคน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็อดใจเต้นตูมตามไม่ได้ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เงยหน้ามองลู่เจียวอย่างระแวดระวัง ลู่เจียวทำเป็นมองไม่เห็น
ต้าเป่าเอ่ยขึ้นอย่างเรียบร้อยว่า “ท่านแม่ พวกเราไม่คิดต่อยตี เป็นพวกเหมาโต้วรังแกพวกเรา พวกเราจึงได้…”
ต้าเป่ายังกล่าวไม่จบ เอ้อร์เป่าก็โมโหรับคำต่อว่า “พวกเขาควรโดน ข้ารู้สึกว่าต่อยเบาไป พวกเขายังด่าทอท่านแม่ ครั้งหน้าได้เจอพวกเขาก็จะต่อยอีก”
ซานเป่ายื่นมือไปคว้ามือลู่เจียวไว้ “ท่านแม่ ท่านอย่าได้โมโหน้า”
ซื่อเป่ากอดแขนลู่เจียวไม่ปล่อย “ท่านแม่ ท่านยิ้มทีหนึ่ง ท่านยิ้มแล้วสวย ในหมู่บ้านไม่มีใครสวยกว่าท่านแม่แล้ว”
ลู่เจียวหยุดชะงักมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จากนั้นก็ย่อตัวลงกล่าวกับพวกเขาว่า
“แม่ไม่ได้โมโห แต่แม่ต้องบอกกับพวกเจ้าให้ชัดเจน”
สี่คนยืนเรียงกันเรียบร้อยมองลู่เจียว
ลู่เจียวกล่าวจริงจังว่า “ทะเลาะต่อยตีไม่เป็นไร แต่พวกเจ้าต้องมีเหตุผล หากไม่มีเหตุผลวิ่งไปต่อยตี อย่าหาว่าแม่ลงโทษพวกเจ้า แน่นอนเรื่องวันนี้ไม่อาจโทษพวกเจ้า เป็นความผิดเหมาโต้วกับไช่โต้ว ดังนั้นแม่ไม่ลงโทษพวกเจ้า”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ส่งเสียงหัวเราะดีใจกันขึ้นมาทันที พากันชมลู่เจียว
“ท่านแม่ข้าดีที่สุด”
“ดีที่หนึ่งในใต้หล้า”
“ท่านแม่ยังให้ลูกอมคนที่ช่วยเหลือพวกเรา”
“พวกพี่มู่โถวล้วนดีใจมาก”
พูดถึงตรงนี้ ลู่เจียวก็ถือโอกาสอบรมพวกเขาว่า “ต้องดีกับคนที่ช่วยตนเองไว้ เช่นนี้ระหว่างกันก็จะมีความผูกพัน วันหน้าคนเขาจะได้ช่วยเหลือเจ้าต่อ และยอมสยบให้เจ้า”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังเอ้อร์เป่า กล่าวว่า “เอ้อร์เป่าไม่ได้คิดเป็นแม่ทัพหรือ แม่ทัพต้องมีพลทหารไม่น้อย เจ้าต้องสยบพลทหารเหล่านั้น พวกเขาจึงจะยอมติดตามเจ้าด้วยความยินยอมพร้อมใจ ต่อสู้เพื่อเจ้าด้วยชีวิต”
“ยังมีพวกเจ้าสามคน ก็ต้องจำไว้ คนคนหนึ่งคิดจะเหนือคนอื่น ย่อมมีคนมาติดตามพวกเจ้ามากมายนับไม่ถ้วน พวกเจ้าต้องดีกับพวกเขา ใช้เหตุผลสยบผู้คน รั้งใจพวกเขาไว้ ให้พวกเขายินยอมพร้อมใจกันทำงานให้พวกเจ้า”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แม้ว่าไม่อาจเข้าใจทั้งหมด แต่ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง เพียงแต่ยังคงไม่กระจ่างชัดนัก
ลู่เจียวก็ไม่ได้หวังให้พวกเขาเข้าใจในทันที ค่อยๆ สอนไปก็พอ
แม่ลูกห้าคนกลับบ้านกันอย่างมีความสุข
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เพิ่งกลับถึงบ้าน เด็กๆ ในหมู่บ้านก็พากันมาเตรียมเรียนหนังสือแล้ว
เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้าน นอกรั้วบ้าน เสียงโมโหดังของเฉินหลิ่วก็ดังเข้ามา “ลู่เจียว เจ้าออกมา”
ลู่เจียวกำลังคุยเรื่องเก้าอี้เข็นกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ในเรือนนอนตะวันออก
“ท่านอาโหย่วไฉว่าจะรีบทำให้เจ้าให้เสร็จ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ถามอย่างห่วงใย “เขาทำออกมาได้กระมัง”
“ไม่มีปัญหา ข้าเห็นเขามองๆ แล้วก็เข้าใจ น่าจะทำออกมาได้”
ความจริงเก้าอี้เข็นล้วนทำจากไม้ ง่ายมาก ขอเพียงเป็นช่างไม้ก็มองเข้าใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พูดอะไรอีก เสียงเฉินหลิ่วนอกห้องดังแว่วเข้ามา สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พอใจขึ้นมาทันที เขาส่งสายตามองไปยังลู่เจียวถามว่า “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ลู่เจียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับเหมาโต้วและไช่โต้วให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟังอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“เจ้าว่าคนบ้านนี้สมองมีปัญหาหรือไง เอาแต่มายุ่งวุ่นวายกับพวกเราไม่จบไม่สิ้น”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นดำคล้ำไม่น่ามอง แววตาเยียบเย็น “รอให้ข้าเคลื่อนไหวได้ก่อนค่อยว่ากัน”
ตอนนี้เขาถูกกักตัวอยู่บนเตียง ดังนั้นจึงทำให้พวกเขามาวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น รอให้ขาเขาหายดี หากพวกเขายังไม่รู้ความอีก เขาก็จะให้พวกเขาไม่มีเวลามาวุ่นวายอีก
ลู่เจียวลุกขึ้นเดินออกไป ในลานบ้าน เฉินหลิ่วดึงไช่โต้วมาระเบิดใส่ลู่เจียว กล่าวว่า “ดูเด็กๆ บ้านพวกเจ้า ต่อยไช่โต้วพวกเขาจนเป็นเช่นนี้?”
“ก่อนหน้านี้ไช่โต้วเราต่อยเด็กๆ บ้านพวกเจ้า เจ้าพาเด็กๆ มาขอคำอธิบายถึงบ้านพวกเรา ตอนนี้ควรให้คำอธิบายพวกเราไหม”
เด็กๆ ในห้องโถงเดิมเตรียมจะเรียนหนังสือ ตอนนี้ต่างวิ่งออกมามุงดูความครึกครื้นกันหมด
ด้านหน้านอกประตู ลู่เจียวแค่นเสียงหัวเราะมองไปยังเฉินหลิ่ว กล่าวไม่เกรงใจว่า “คำอธิบายอะไร ว่าลูกเจ้าแล่นมาหาเรื่องลูกข้า บังคับให้ลูกข้าคืนดีกับพวกเขา ยังว่าลูกเจ้าด่าข้าว่าชั้นต่ำ ด่าลูกข้าว่าเป็นเดรัจฉานที่หญิงชั้นต่ำอบรมสั่งสอนมา ข้าก็คิดถามพวกเจ้าเหมือนกันว่าสอนอย่างไรจึงได้ลูกพูดจาหยาบคายเช่นนี้ได้”
ลู่เจียวกล่าวจบ ไม่คิดว่าเฉินหลิ่วยังพูดต่อไม่จบไม่สิ้น ก็ยกมือชี้ไปทางประตูตวาดว่า “รีบไสหัวออกไป วันหน้าบ้านพวกเราไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าย่อมลากพวกเจ้าสองแม่ลูกออกไปได้”
ยามเผชิญกับแม่สามีอย่างหร่วนซื่อ นางอาจจะกังวลชื่อเสียงตนเอง เผชิญหน้ากับเฉินหลิ่ว นางไม่มีอะไรต้องกังวล อีกอย่างทั้งหมู่บ้านมีใครไม่รู้ว่าเฉินหลิ่วเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเกรงใจนาง
เฉินหลิ่วสีหน้าดำคล้ำ หันไปมองลูกชายตนเอง
ก่อนหน้านี้ นางเห็นลูกชายโดนต่อยเช่นนี้ ก็ไม่คิดอะไรละเอียด ลากเขามาขอคำอธิบายทันที
คิดไม่ถึงว่าลูกนางถึงกับด่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แล้วยังด่าลู่เจียว
ลู่เจียวไม่ดีอย่างไร ตอนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาซิ่วไฉ น้องสามไม่หย่านาง นางก็คือภรรยาซิ่วไฉ วันหน้าหากพวกนางคิดอยากได้ผลประโยชน์ไปด้วย ก็ต้องสานสัมพันธ์อันดีกับนาง