ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 144 คนดีกับคนเลว

ตอนที่ 144 คนดีกับคนเลว

ตอนที่ 144 คนดีกับคนเลว
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็หลุบตาลงครุ่นคิด กล่าวว่า “ปลิงเลี้ยงแล้วขายให้ผู้ใด ดีที่สุดหาคนมาจองไว้ก่อน จากนั้นก็จ่ายเงินจองไว้ เช่นนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านจึงจะยอมเลี้ยง ไม่งั้นทุกคนย่อมเป็นห่วงว่าสุดท้ายไม่มีคนเอา”

ลู่เจียวเลิกคิ้วมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ไม่เสียทีที่เป็นว่าที่ใต้เท้าโส่วฝู่จริงๆ คิดการได้รอบคอบ

“ข้าได้ยินว่าเจ้าของหอยาเป่าเหอว่า เขาคิดเปิดโรงผลิตยา รับซื้อยาสมุนไพรจำนวนมาก หากชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยยอมเลี้ยงปลิง ก็ไปคุยกับเขาได้”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวเอ่ยถึงเจ้าของหอยาเป่าเหอ แววตาแอบเคร่งขรึมลงไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ลู่เจียวสนิทกับหมอฉีนั่นมาก ตอนนี้มีเจ้าของหอยาเป่าเหอโผล่มาอีกคน คนผู้นี้คือใครกัน

แต่พอคิดถึงสิ่งที่ลู่เจียวทำนั้นก็เพื่อหมู่บ้านตระกูลเซี่ย และตนเองได้เอ่ยเรื่องไม่หย่าไว้ก่อนแล้ว และลู่เจียวก็ดีใจถึงขนาดนั้น

ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็สงบลง มองลู่เจียวอย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “เรื่องนี้ไว้ข้าไปหารือกับผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างก่อน”

เขากล่าวจบนึกได้ว่าลู่เจียวยังไม่ได้กินอาหารกลางวัน ก็เร่งให้นางออกไปกินอาหารกลางวัน

“เจ้ารีบออกไปกินก่อน”

“ได้” ลู่เจียวเดินออกไปกินอาหารกลางวันอย่างอารมณ์ดี ในห้องโถงด้านนอก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินกันจนเต็มปากมันเยิ้มไปหมด

ต้าเป่าชอบลูกชิ้นปลาที่สุด พอเห็นลู่เจียวออกมา ก็ยิ้มชี้ไปที่ลูกชิ้นปลา “ท่านแม่ นี่เรียกว่าอะไร อร่อยจัง”

ลู่เจียวบอกเขาว่านี่คือลูกชิ้นปลาที่ทำจากเนื้อปลา เหมาะกับเด็กกินที่สุด กินลูกชิ้นปลามากๆ ไม่เพียงแต่ร่างกายเจริญเติบโต แต่ยังฉลาดด้วย

เอ้อร์เป่ารีบชี้ไปที่เนื้อน้ำแดงกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าชอบกินอันนี้ กินอันนี้แล้วตัวสูงฉลาดไหม”

ลู่เจียวถือโอกาสสอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ไม่ว่าอาหารอะไรก็ต้องกิน ไม่อาจเพราะว่าชอบอาหารไหนมากก็กินอาหารนั้นมาก อาหารอื่นไม่กิน เช่นนี้ทำให้ขาดสารอาหารได้ง่าย พวกเจ้าเป็นเด็ก ร่างกายยังต้องการสารอาหารต่างๆ วันหน้าขอเพียงอาหารที่แม่ทำออกมา ไม่ว่าอะไรก็ล้วนต้องกิน จำได้ได้หรือยัง”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้าอย่างแรง “ทราบแล้ว ท่านแม่”

ลู่เจียวยิ้มนั่งลงกินอาหารกลางวัน

เพราะว่าตอนเที่ยงอาหารอร่อย เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินกันจนอิ่มแปล้ ลู่เจียวรีบให้พวกเขาพาเจ้าหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้านและอบรมพวกเขาว่า “วันหน้าแม้ว่าอร่อยเท่าไร ก็ไม่อาจกินจนอิ่มแปล้แบบนี้ รู้ไหม กินมากไปทำให้กระเพาะบาดเจ็บได้ง่าย ของอยู่ในนี้หนีไปไหนไม่ได้ ตอนเที่ยงกินไม่หมด ตอนเย็นก็กินต่อได้”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็รู้ว่าตนเองกินอย่างละโมบไม่ได้ความ ดังนั้นพอลู่เจียวอบรมก็ไม่เถียงสักคำ

ต้าเป่ารู้สึกเขินมาก หน้าแดงไม่กล้าสบตาลู่เจียว

ลู่เจียวมองเขานึกขำ ผ่อนน้ำเสียงลง กล่าวว่า “แต่วันนี้พวกเจ้ากินมากเช่นนี้ ก็เป็นเพราะอาหารที่แม่ทำอร่อยเกินไป วันหน้าอย่าได้เป็นเช่นนี้อีก”

ต้าเป่าสองตาเปล่งประกาย รีบเงยหน้ามองลู่เจียว รับรองว่า “ท่านแม่ วันหน้าข้าจะไม่กินจนอิ่มแปล้อีกแล้ว”

เจ้าตัวเล็กอีกสามคนก็รีบรับคำ “ท่านแม่ วันหน้าพวกเราก็ไม่กินจนอิ่มแปล้แล้ว”

ลู่เจียวโบกมืออย่างนึกขำ “รู้แล้ว รีบไปพาเจ้าหมาไปเดินเล่นไป”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่วิ่งออกไป พาเจ้าหมาไปเดินเล่น

ลู่เจียวเก็บจานชามออกไปล้างเก็บเรียบร้อย จากนั้นก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับสุนัขสองตัวไปยังบ้านจู๋จ่าง หารือกับท่านอาโหย่วไฉเรื่องทำเก้าอี้เข็น

หมู่บ้านตระกูลเซี่ยไม่นับว่าเล็ก มองไปรอบๆ มีหลายครอบครัว ปกติยามนี้ก็จะครึกครื้นมาก แต่วันนี้ในหมู่บ้านกลับไม่มีคนสักคน ทั้งหมู่บ้านเงียบมาก

ลู่เจียวรู้ว่าผู้ชายแต่ละครอบครัวลงนาทำงานกันหมด ผู้หญิงขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ที่เหลือในหมู่บ้านก็มีแต่คนแก่และเด็ก แต่แม้เช่นนี้น ตลอดทางมาคนที่รู้จักก็ทักทายพวกนางแม่ลูกอย่างสนิทสนมมาก

“ภรรยาอวิ๋นจิ่นไปไหน”

“มีเรื่องอะไรไหม”

“ต้าเป่า พวกเจ้าไปไหนกัน”

“ข้าไปกับเจ้า”

โก่วเซิ่งหลานชายบ้านฮูหยินเฒ่าสาม เถี่ยตั้นหลานชายป้ากุ้ยฮวา และหนิวหนิวลูกชายบ้านแซ่ชิว ก็ตามพวกนางไปบ้านท่านอาโหย่วไฉ

ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่คุยกับเพื่อนๆ อย่างมีความสุขอยู่ด้านหลัง ก็ไม่ได้ห้ามพวกเขาตามมา แต่ก็ไม่ลืมกำชับเด็กๆ พวกนี้ว่า “เดินเข้าในร่ม อย่าตากแดดจะล้มป่วย”

หมู่บ้านตระกูลเซี่ยปลูกต้นไม้ไว้ไม่น้อย ต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงาติดต่อกันเป็นแนวยาว คนเดินใต้ร่มเงาย่อมเย็นสบายมาก

หากไม่ใช่เช่นนี้ ลู่เจียวก็คงไม่พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกมาตอนเที่ยงวัน

ตอนนี้เป็นปลายเดือนหก อากาศร้อนอบอ้าวมาก ไม่ระวังก็จะเป็นไข้แดดได้ง่าย

แต่แม้ว่าอากาศร้อนเช่นนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านตอนเที่ยงวันยังต้องลงนาไปกำจัดวัชพืชและแมลง ไม่งั้นวัชพืชก็จะแย่งแสงแดดต้นข้าวที่เดิมก็ไม่ได้งอกงามอยู่แล้วไปหมด ผืนดินนี้เป็นชีวิตของชาวบ้านในหมู่บ้านไม่มีผืนดินนี้ก็ไม่มีจะกินแล้ว

ดังนั้นการให้ชาวบ้านในหมู่บ้านเลี้ยงปลิงเป็นเรื่องที่ไม่เลวอย่างมาก ปลิงมีราคาแพง ราคารับซื้อสูงมาก สำคัญที่สุดก็คือปลิงเลี้ยงระยะสั้น ใช้เวลาเพียงปีเดียวก็ขายได้แล้ว

ลู่เจียวคิดไปพลางพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปยังบ้านจู๋จ่าง ไม่คิดว่ายังไม่ทันถึงบ้านจู๋จ่าง ระหว่างทางก็ถูกคนขวางทางไว้

คนที่มาขวางทางลู่เจียวคือเซี่ยเหลียนลูกสะใภ้แม่หม้ายหลี่ เซี่ยเหลียนเห็นลู่เจียวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงคุกเข่าต่อหน้าทันที โขกศีรษะให้ลู่เจียวเสียงดังสามที

“ขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ยังสอนข้ารู้จักสมุนไพร”

สองวันนี้เพราะนางมาเรียนรู้สมุนไพรกับลู่เจียว แม่สามีนางก็ไม่ได้ทุบตีด่าทอนางเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เซี่ยเหลียนรู้ว่าที่ตนเองไม่ถูกทุบตีด่าทอ ล้วนเป็นเพราะลู่เจียวเห็นใจสงสารนาง

หากไม่เช่นนั้นด้วยความสัมพันธ์เลวร้ายระหว่างลู่เจียวกับแม่สามีนาง ลู่เจียวย่อมไม่สอนครอบครัวพวกนางให้รู้จักสมุนไพร

ไม่เพียงเซี่ยเหลียน แม้แต่แม่หม้ายหลี่แม่สามีนางก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นสองวันนี้จึงไม่ได้ทุบตีด่าทอนางรุนแรงเหมือนก่อนอีก

เซี่ยเหลียนรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณลู่เจียวมาก คิดแต่ละหาโอกาสโขกศีรษะให้กับลู่เจียว เงินทองในครอบครัวนางทั้งหมดล้วนอยู่ในมือแม่สามี ในมือนางไม่มีอะไรสักอย่าง ได้แต่โขกศีรษะให้ลู่เจียวแทน

ลู่เจียวคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงผู้นี้ปรากฏตัวมาก็โขกศีรษะให้นาง รีบเข้าไปประคองนางขึ้นมา “อยู่ดีๆ มาโขกศีรษะทำไมกัน รีบลุกขึ้นมา”

เซี่ยเหลียนถูกดึงให้ลุกขึ้น ก็พลันรู้สึกไม่รู้จะทำเช่นไรดี ไม่รู้กล่าวอะไรดี

ลู่เจียวเห็นท่าทางเซ่อซ่าน่าสงสารของนางแล้ว ในใจก็เห็นใจขึ้นมา พร้อมกับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

หากสอนชาวบ้านในหมู่บ้านเลี้ยงปลิง ก็สอนผู้หญิงในหมู่บ้าน เช่นนี้ก็จะเป็นการยกระดับสถานะสตรี ทำให้พวกนางมีชีวิตในครอบครัวดีขึ้นอีกหน่อย

“เจ้าขึ้นเขาเก็บสมุนไพรหรือ”

ลู่เจียวมองสมุนไพรในกระบุงหลังของเซี่ยเหลียน

เซี่ยเหลียนรีบยิ้มพลางพยักหน้า “อืม เก็บมาได้หนึ่งกระบุง เอากลับไปไว้บ้านก่อน ค่อยขึ้นเขาเก็บต่อ”

“งั้นเจ้ารีบกลับบ้านเถอะ ระวังโดนไอร้อนแดดไม่สบายไป”

“ข้ารู้แล้ว”

เซี่ยเหลียนโค้งคำนับลู่เจียวเก้าสิบองศาได้ ก่อนจะหันหลังแบกกระบุงหลังกลับบ้าน

แฝดสี่ข้างหลังมองเซี่ยเหลียนที่จากไป ก็หันมาถามลู่เจียว กล่าวว่า “ท่านแม่ นางคือท่านแม่เสิ่ิ่นต้านิวเสิ่นเอ้อร์นิว ท่านแม่ทำไมช่วยนาง”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดไม่เข้าใจ เสิ่ิ่นต้านิว เสิ่นเอ้อร์นิวรังแกพวกเขา ย่าพวกนางยังพาคนมาคิดหลอกเงินบ้านพวกเขา ท่านแม่เขาทำไมยังช่วยช่วยท่านแม่เสิ่ิ่นต้านิว

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท