ตอนที่ 150 เจ้าคือดาวโชคลาภของพวกเรา
ลู่เจียวคิดตกแล้วก็บ่นงึมงำเล็กน้อย จากนั้นนางก็อดมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ ถามว่า “เจ้าไม่สบายตรงไหนไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวถาม ก็ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ระงับใจกล่าวว่า “ข้าไม่ค่อยชินกับการที่ผู้หญิงเช็ดตัวให้”
ลู่เจียวเลิกคิ้วอย่างหมดคำพูด ไม่ชินทำไมไม่พูดล่ะ ทำเอานางราวกับปีศาจร้ายที่ย่ำยีบุปผางามอย่างรุนแรง
ลู่เจียวยกมือขึ้นคิดส่งผ้าให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น คิดว่าให้เขาเช็ดตัวเอง อย่างไรบาดแผลก็เป็นที่ขาไม่ใช่มือ อย่างมากพอถึงช่วงล่าง นางค่อยเช็ดให้เขาหน่อย
แต่พอลู่เจียวส่งผ้าให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับนิ่ง เขามองนางกล่าวช้าๆ ว่า “อย่างไรช้าเร็วก็ต้องชิน เจ้าทำแล้วกัน”
ลู่เจียวขมวดคิ้ว วาจานี้หมายความว่าอย่างไร ก็แค่เรื่องเช็ดตัว ทำเอายุ่งยากเช่นนี้ได้ ลู่เจียวเองก็เริ่มรำคาญใจแล้ว ขี้เกียจจะคิดว่าเจ้าหมอนี่ผิดปกตินางลงมือยิ่งเร็วขึ้น กะว่าจะรีบเช็ดตัวให้คนผู้นี้ให้เร็วๆ จบๆ ไป
ไม่คิดว่าพอนางลงมือเร็ว คนบนเตียงอดส่งเสียงดังไม่ได้ “เจ็บ เจ้าช้าหน่อย”
ลู่เจียวได้แต่ผ่อนการเคลื่อนไหวช้าลง แต่แรงมือยังคงหนักอยู่บ้าง บุรุษบนเตียงก็เอ่ยอีกว่า “หนักไป เบาหน่อย”
ลู่เจียวได้ฟังวาจานี้ ก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องนัก อึดอัดไปทั้งตัว นี่มันอะไรกันนี่
สุดท้ายก็เช็ดตัวลวกๆ แล้วก็ออกไป
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังครุ่นคิดมองลู่เจียวเดินออกไป นี่เขินอายหรือ คิดว่าน่าจะใช่ สตรีนางหนึ่งเห็นร่างกายบุรุษย่อมต้องเขินอาย
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คิดถึงที่มาของลู่เจียวได้ทันที ไม่รู้ว่าภายในใจนางนั้นเป็นคนเช่นไร ดูท่าทางนางอะไรนิดหน่อยก็เขินอาย น่าจะอายุน้อยกว่าเขากระมัง
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็นึกขึ้นมาได้ทันทีถึงวิชาการแพทย์ลู่เจียว ใบหน้าก็ยิ้มบางเล็กน้อย มีวิชาการแพทย์ร้ายกาจเช่นนี้ได้ อายุลู่เจียวน่าจะไม่น้อยแล้ว
นางคงไม่ได้เป็นยายแก่กระมัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ๆ ความคิดทำเอาตนเองสะดุ้ง
แต่ก็ปลอบใจตัวเองทันที ไม่น่านะ หากเป็นยายแก่ ทำไมจึงเขินอายได้
ลู่เจียวไม่รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดมากขนาดนั้น นางยกน้ำออกมาเท หลบเข้าครัวไปในห้วงอากาศอาบน้ำพุจิตวิญญาณ จากนั้นก็ออกมาเดินไปเรือนนอนตะวันตกเล่านิทานให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เพราะเสียเวลาไปมาก เจ้าแฝดสี่นอนหลับกอดก่ายกันไปมาหมดแล้ว
ลู่เจียวไม่ได้ย้ายลูกๆ ไปเรือนนอนตะวันตก แต่ปล่อยให้พวกลูกๆ ทั้งหมดนอนบนเตียงนาง
วันรุ่งขึ้นลู่เจียวตัดด้ายให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างหมู่บ้านตระกูลเซี่ยกับบรรดาผู้อาวุโสในตระกูลต่างก็มากันหมด
ลู่เจียวแกะแผ่นไม้ที่ดามขาไว้ออกก่อน จากนั้นก็แกะผ้าพันแผลออก สุดท้ายก็เริ่มตัดด้ายออก
บาดแผลเขาประสานกันได้ดีมาก มองเห็นแค่รอยมีดผ่าเป็นเส้นบางๆ เส้นหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นรอยแผลเป็นอื่นใดอีก
ในห้อง พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอดอุทานตกใจไม่ได้ “ฝีมือผ่าตัดหมอฉีร้ายกาจมาก ถึงกับแม้แต่แผลเป็นก็มองไม่เห็น”
จู๋จ่างถอนหายใจกล่าวว่า “เมื่อก่อนข้าได้ยินคนพูดว่า หลังผ่าตัดแผลจะเน่ามีน้ำเหลืองไหล ต้องกินยาใส่ยานานกว่าจะดีขึ้น และหลังจากหายดี ตรงจุดที่มีดผ่ายังมีแผลเป็นขนาดใหญ่ทิ้งร่องรอยไว้ด้วย คิดไม่ถึงว่าฝีมือผ่าตัดหมอฉีถึงกับไม่เหมือนกับคนอื่น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้มหน้าลงมองขาตนเอง ในใจก็พึงพอใจมาก ก่อนหน้านี้เขายังเป็นห่วงว่าขาตนเองจะมีแผลเป็นใหญ่สาหัส ไม่อาจพบหน้าผู้คน ตอนนี้ไม่ต้องห่วงแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็เงยหน้าขึ้นด้วยสัญชาตญาณมองไปยังลู่เจียว ลู่เจียวมองเขาแปลกๆ ไม่สนใจเขา ก้มหน้าช่วยเขายึดแผ่นไม้ที่ขาให้แน่น
ในห้อง ผู้ใหญ่บ้านถามลู่เจียวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น ต้องเชิญหมอฉีมาตรวจให้อวิ๋นจิ่นหน่อยไหม ดูว่าขาเขามีปัญหาไหม”
ลู่เจียวส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ต้อง ก่อนหน้านี้หมอฉีบอกข้าว่า ขาเขาขอเพียงไม่โดนกระแทกผิดตำแหน่ง ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านได้ฟังก็ดีใจ หัวเราะดังกล่าวว่า “เยี่ยม ตอนนี้ดีเลย อวิ๋นจิ่นไปเรียนได้แล้ว”
จู๋จ่างลูบเคราพยักหน้า “อืม อวิ๋นจิ่นไม่เป็นไรก็ดีจริงๆ”
แม้ว่าก่อนหน้าหมอฉีบอกว่าการผ่าตัดประสบผลสำเร็จ แต่ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอย่างไรก็เป็นห่วงอยู่ ตอนนี้ได้เห็นแผลปิดสนิทดีเช่นนี้ ทั้งสองคนก็วางใจ
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นอารมณ์ดีมาก มองไปยังพวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง กล่าวว่า “ข้ามีเรื่องกำลังจะหารือกับผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่าง”
พอพวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็พากันนั่งลงมองเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว ยกมือตบข้างเตียงให้ลู่เจียวนั่งลง
ลู่เจียวมองหน้าเขา ก็รู้ว่าเขาคิดพูดเรื่องที่นางเสนอเมื่อวันก่อนว่าให้คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงปลิง
ลู่เจียวก็นั่งลงอย่างไม่กล่าวอะไรมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองพวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง กล่าวว่า “แม้ว่าก่อนหน้านี้ลู่เจียวได้สอนชาวบ้านในหมู่บ้านเก็บสมุนไพร แต่การเก็บสมุนไพรไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในระยะยาว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดครู่หนึ่ง พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างต่างก็ดีใจรับคำ กล่าวว่า “แม้ว่าไม่ใช่เรื่องระยะยาว แต่เก็บสมุนไพรก็ทำให้คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยร่ำรวยขึ้นมาบ้าง ครอบครัวที่โชคดี เก็บเงินได้มากพอซื้อที่นาได้หลายหมู่ วันหน้าครอบครัวก็คงร่ำรวยเงินทองขึ้นมาได้บ้าง”
“ใช่แล้ว คนเราไม่อาจละโมบมากเกินไป แค่มีวาสนานี้ได้ก็ไม่เลวแล้ว นี่ล้วนต้องขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับภรรยาเจ้าด้วย”
คนในตระกูลเซี่ยต่างตื้นตันเป็นพิเศษ และยังกล่าวขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอีกครั้ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นโบก มองผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง กล่าวว่า “ความจริงวันนี้ เรื่องที่ข้าจะพูดกับผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่างก็คือ ลู่เจียวคิดหาทางดำรงชีพระยะยาวให้คนในหมู่บ้านตระกูลเราแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็อึ้งไป ตามมาด้วยอาการตื่นเต้นหันไปมองลู่เจียว
ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยฟู่กุ้ยกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าคือดาววาสนาโชคลาภแห่งหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราจริงๆ”
จู๋จ่างพยักหน้ากล่าวว่า “แต่งภรรยาควรแต่งภรรยาดี วาจานี้มีเหตุผล ภรรยาอวิ๋นจิ่นก็คือภรรยาดี ไม่เพียงทำให้ครอบครัวตนเองเจริญ แม้แต่ทั้งหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราก็เจริญ”
ลู่เจียวถูกพวกเขาพูดเสียจนเขินมาก ความจริงเลี้ยงปลิงก็เพื่อประโยชน์นาง นางเปิดโรงผลิตยาต้องการใช้ปลิงจำนวนมาก ตอนนี้แคว้นต้าโจวไม่มีคนเลี้ยงปลิง หากนางคิดผลิตยา ปลิงจะต้องเลี้ยงด้วยตนเอง
แต่ลู่เจียวยังไม่ได้กล่าว เพราะในขั้นตอนนี้ นางยังไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่านางกับเจ้าของหอยาเป่าเหอร่วมมือกันเปิดโรงผลิตยา
“ไม่เป็นไร พวกท่านอย่าเอาแต่ชมข้าเลย ข้ารู้สึกเขินไปหมดแล้ว”
ลู่เจียวรู้สึกเขินจริงๆ ใบหน้าขาวละมุนมีสีแดงระเรื่อ ดวงตากระจ่าง ใบหน้างดงาม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดเหลือบมองอีกสองสามทีไม่ได้
ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยฟู่กุ้ยถามอย่างดีใจว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าคิดทางอะไรให้พวกเรา”
ลู่เจียวมองเซี่ยฟู่กุ้ยกับพวกจู๋จ่าง กล่าวว่า “เลี้ยงปลิง”
พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างต่างทำนาเป็นอาชีพ ย่อมรู้ว่าปลิงคืออะไร แต่พวกเขาแต่ไรมาไม่เคยคิดว่าจะมีวันหนึ่งถึงกับมีคนบอกให้พวกเขาเลี้ยงปลิง