ตอนที่ 145 ตะลุมบอนชุลมุน
ลู่เจียวหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ สั่งสอนอบรมหนักแน่น กล่าวว่า “ในครอบครัวหนึ่ง มีคนดีและคนไม่ดี ไม่อาจเพราะคนไม่ดีคนหนึ่งก็คิดว่าทั้งครอบครัวล้วนเป็นคนไม่ดี วันหน้าหากพวกเจ้าได้พบคนไม่ดี ไม่อาจปฏิเสธครอบครัวเขาทั้งครอบครัว พวกเจ้าต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าครอบครัวนี้แต่ละคนล้วนไม่ดีหรือไม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังก็คิดครู่หนึ่ง คิดว่าท่านแม่กล่าวได้มีเหตุผล พากันพยักหน้า
ต้าเป่ากล่าวจริงจังว่า “ข้ารู้ ครอบครัวพวกเราก็มีคนไม่ดี คนดีก็มี ท่านย่าเป็นคนไม่ดี ป้าเล็กเป็นคนไม่ดี ลุงรองเป็นคนดี ท่านพ่อกับท่านแม่ก็เป็นคนดี”
สามตัวเล็กพากันพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยอย่างแรง “ใช่”
ด้านหลังพวกเขา เถี่ยตั้นหลานชายป้ากุ้ยฮวารีบส่งเสียงดังกล่าวว่า “อันนี้ข้ารู้ ครอบครัวเราก็มีคนดีและคนไม่ดี ท่านย่าข้าเป็นคนไม่ดี ท่านแม่ข้าเป็นคนดี ท่านย่ารังแกท่านแม่ข้า”
ลู่เจียวมองเซี่ยเถี่ยตั้นสีหน้าราวกับมีเงาดำพาดผ่าน ไม่รู้ว่าป้ากุ้ยฮวารู้ว่าหลานตนกล่างถึงนางเช่นนี้ จะโมโหตายไหม ควรรู้ว่าป้ากุ้ยฮวาตามใจเซี่ยเถี่ยตั้นที่สุด ปรากฏว่าหลานชายกลับว่านางเป็นคนไม่ดี
แต่ลู่เจียวเพิ่งคิดจบ เซี่ยเถี่ยตั้นก็เสริมอีกประโยคว่า “แต่ท่านย่าแม้ว่าไม่ดีกับท่านแม่ข้า แต่ดีกับข้ามาก โอย ข้าไม่รู้แล้วว่าทำไงดี”
ลู่เจียวมองไปยังเซี่ยเถี่ยตั้น อายุน้อยๆ ความคิดกลับไม่เลว
“เถี่ยตั้น เจ้าคิดช่วยท่านแม่เจ้ากับพี่สาวเจ้าไหม”
ป้ากุ้ยฮวาเป็นคนให้ความสำคัญกับชายมากกว่าหญิง คนที่นางเอาใจที่สุดในครอบครัวก็คือลูกชายกับหลานชายคนนี้
เซี่ยเถี่ยตั้นรีบพยักหน้า “คิดสิ พี่สะใภ้สาม ท่านบอกข้าเถิด”
ลู่เจียวเขยิบเข้าใกล้เซี่ยเถี่ยตั้นกระซิบที่ข้างหูสองประโยค เซี่ยเถี่ยตั้นมองลู่เจียวอย่างตกใจ กล่าวว่า “พี่สะใภ้สาม เช่นนี้จะช่วยเหลือท่านแม่และพี่สาวข้าได้จริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า กล่าวยืนยันว่า “รับรองได้”
“อืม อืม”
เซี่ยเถี่ยตั้นยิ้มเบิกบานใจ ต้าเป่าอดถามไม่ได้ “ท่านแม่ข้าสอนให้เจ้าทำอย่างไร”
เซี่ยเถี่ยตั้นปิดปากปฏิเสธทันที ยังเงยหน้ามองลู่เจียวกล่าวว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านอย่าบอกคนอื่นนะ”
“ได้”
ทุกคนพูดจายิ้มแย้มกันไปตลอดทางถึงบ้านจู๋จ่าง
บ้านจู๋จ่างมีเพียงท่านอาโหย่วไฉกับหลานสองสามคนอยู่บ้าน ท่านอาโหย่วไฉอยู่บ้านกำลังต่อโต๊ะให้คนอื่นอยู่ พอเห็นลู่เจียวมา เขาก็ถามอย่างแปลกใจ กล่าวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น มีธุระหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า บุ้ยใบ้ให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับเพื่อนๆ ไปเล่น นางเองดึงเอาภาพออกมมาส่งให้ท่านอาโหย่วไฉกล่าวว่า
“ท่านอาโหย่วไฉดูหน่อยว่าจะช่วยข้าทำเก้าอี้เข็นเช่นนี้ได้หรือไม่”
ท่านอาโหย่วไฉมองสองสามทีก็ตกใจมาก แต่พอดูอย่างละเอียด ก็ไม่รู้สึกว่าทำยาก เพียงแต่เขาอยากรู้ว่าของสิ่งนี้เอาไว้ทำอะไร ดูเหมือนเก้าอี้ แต่กลับมีล้อไม้สองล้อ
“นี่เอาไว้ทำอะไร”
ลู่เจียวไม่ปิดบังเขา กล่าวว่า “นี่คือเก้าอี้เข็นทำให้อวิ๋นจิ่น ขาเขาเพิ่งผ่าตัดมาใช่ไหม ข้าไม่อยากให้เขาเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ดังนั้นคิดหาทางวาดภาพเก้าอี้เข็นแบบนี้ เขาจะได้นั่งบนเก้าอี้เข็นออกมาตากแดดข้างนอกได้ ตากแดดเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ขาก็จะได้หายเร็ว”
ท่านอาโหย่วไฉพอได้ฟังว่าทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น รีบกล่าวจริงจังว่า “ข้าจะรีบทำให้อวิ๋นจิ่น”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย ขอบคุณท่านอาโหย่วไฉ “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านอาโหย่วไฉแล้ว”
ท่านอาโหย่วไฉแม้เป็นเพียงช่างไม้ แต่เป็นคนซื่อสัตย์รู้หน้าที่ตนเองมาก ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็อดเกาศีรษะเขินอายไม่ได้ กล่าวว่า “เรื่องของอวิ๋นจิ่นก็คือเรื่องของหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเรา ไม่ต้องขอบคุณ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาโหย่วไฉแล้ว”
นางกล่าวจบก็เห็นท่านอาโหย่วไฉอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมา จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ท่านอาโหย่วไฉถามอย่างเขินอายว่า “หากวันหน้ามีคนสั่งทำเก้าอี้แบบนี้ ข้าทำให้เขาได้ไหม”
เขากล่าวจบก็สำทับอีกว่า “แน่นอนว่าเงินที่ข้าได้มาก็แบ่งให้เจ้าเท่าๆ กันได้”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องแบ่งให้ข้า หากมีคนต้องการ ท่านอาโหย่วไฉก็ช่วยเขาทำได้เลย”
ท่านอาโหย่วไฉยังจะพูดต่อ ลู่เจียวหันหลังเดินออกไปแล้ว เพียงแต่นางเพิ่งเดินถึงหน้าประตู ก็ได้ยินหน้าลานบ้านตระกูลเซี่ยมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น ในนี้ยังมีเสียงด่าทอผสมอยู่ด้วย
ลู่เจียวสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ก้าวเท้ายาวๆ ออกไป ท่านอาโหย่วไฉด้านหลังก็ตามมาด้วย
นอกลานบ้านตระกูลเซี่ยยามนี้ตะลุมบอนชุลมุนไปหมด เด็กแปดเก้าคนต่อยตีกัน ลู่เจียวมองไม่ชัดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เพราะเป็นห่วงว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บาดเจ็บ ดังนั้นนางอดตะโกนเสียงดังไม่ได้ “หยุดเดี๋ยวนี้”
พวกลูกทั้งสี่ได้ยินเสียงโมโหของนาง ก็พากันแยกออกไปยืนข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดลู่เจียวก็ได้เห็นสถานการณ์กระจ่าง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พากลุ่มคนต่อยตีกับเหมาโต้วและไช่โต้วสองคน
เหมาโต้วยังดี แต่หน้าตาไช่โต้วมีรอยเต็มไปหมด ถูกข่วนเป็นรอยแผลยาวสองรอย ผมก็ถูกกระชากร่วงไม่น้อย เสื้อผ้าก็ฉีกขาด
ไช่โต้วเคยเสียเปรียบเช่นนี้ตอนไหน เมื่อก่อนบ้านพวกเขาขับไล่เซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไป คนในหมู่บ้านต่างชื่นชมยกย่องคนในครอบครัวพวกเขา ทุกคนล้วนเกรงใจเหมาโต้วกับไช่โต้ว แม้พวกเขาสองคนไม่ดีอย่างไร ทุกคนก็ไม่มาหาเรื่องพวกเขามาก
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เด็กๆ ในหมู่บ้านถึงกับช่วยเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่อยตีพวกเขา ยังจัดหนักเป็นพิเศษ
สีหน้าเหมาโต้วกับไช่โต้วย่ำแย่อย่างมาก ไช่โต้วเอาแต่ร้องไห้ ร้องไปก็ชี้หน้าด่าทอเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไป
“เดรัจฉานสี่ตัว วันหน้าอย่าคิดเข้ามาบ้านพวกเราอีก พวกเราไม่มีน้องชายเช่นพวกเจ้า”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังไช่โต้วด่าทอ ก็โต้กลับด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “พวกเราไม่เสียดายพี่ชายอย่างเจ้าหรอก พวกเจ้าไม่สมควรเป็นพี่ชาย ไม่ดีกับพวกเรา ยังลงมือตีพวกเรา แย่งของกินพวกเรา พวกเรายอมให้คนอื่นเป็นพี่ชายพวกเรา แต่ไม่คิดให้เจ้าเป็นพี่ชายพวกเราหรอก”
ไช่โต้วได้ฟังคำพูดเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ โมโหจนด่าทออย่างไม่เลือกสรรคำมาด่าแล้ว “เจ้าเดรัจฉาน ล้วนเป็นตัวชั่วช้าเลวทรามที่ท่านแม่ชั้นต่ำพวกเจ้าสั่งสอนออกมา ท่านย่าบอกว่าช้าเร็วสักวันก็จะให้ท่านอาสามหย่าท่านแม่เจ้า รอให้พวกเจ้ากลับมา ดูว่าพวกเราจะจัดการ……”
ไช่โต้วยังกล่าวไม่จบ เหมาโต้วก็ตวาดใส่เขา “หุบปาก”
เหมาโต้วปีนี้อายุสิบเอ็ด ไปเรียนหนังสือในตัวเมืองได้หลายปีแล้ว รู้ว่าที่ไช่โต้วด่าออกมาไม่อาจรับฟังได้ ก็รีบตวาดให้น้องชายตนเองหยุด
ไช่โต้วถูกเหมาโต้วตวาด รู้ว่าตนเองไม่ควรด่าคนเช่นนี้ ก็ไม่กล้าส่งเสียงต่อ
สีหน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตรงหน้าแดงก่ำ เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่าโมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดจะสู้เอาเป็นเอาตายกับไช่โต้ว ด่าพวกเขาได้ แต่จะมาด่าท่านแม่พวกเขาไม่ได้ ท่านแม่พวกเขาดีมาก พวกเขาถือสิทธิ์อะไรมาด่าท่านแม่
ลู่เจียวรั้งเจ้าสามตัวเล็กไว้ ถามต้าเป่าอีกทางว่า “แท้จริงเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆ ก็ตีกันขึ้นมาได้”
ต้าเป่าโมโหชี้เหมาโต้วกับไช่โต้วตรงหน้ากล่าวว่า “พวกเราก่อนหน้านี้เล่นอยู่กันที่ลานด้านหน้า เหมาโต้วลากไช่โต้วมา ให้พวกเราคืนดีกับไช่โต้ว พวกเราไม่สนใจเขา เขาก็จะดึงมือพวกเราไปจับกับไช่โต้วให้ได้ พวกเราไม่อยากจับมือ สะบัดไม่ออก เขาก็ยังดึงไปจับให้ได้ ปรากฏไช่โต้วโมโห ยกมือต่อยพวกเรา พวกเราก็เลยต่อยกับเขาขึ้นมา”