ตอนที่ 152 คิดจนกินข้าวไม่อร่อยแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ตบหน้าขาดังฉาดแสดงความเห็นด้วย
“เยี่ยม ก็ทำตามที่อวิ๋นจิ่นว่า”
สายตาลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างรู้สึกทึ่ง คนผู้นี้สมองดีมากเกินไปแล้ว หากเขาเกิดในยุคสมัยนางคงเป็นท่านประธานแน่ๆ แค่เพียงเวลาชั่วครู่ ถึงกับวางรูปแบบโรงเลี้ยงขั้นแรกได้แล้ว
บนเตียง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเห็นสายตาลู่เจียว ในใจก็อดยินดีไม่ได้ แอบคิดว่า หญิงผู้นี้มองเขาเช่นนี้ทำไม แม้ว่าชอบ ก็ควรเก็บงำไว้บ้าง
แต่เห็นสายตาร้อนแรงของนางเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกยินดี
มุมปากเซี่ยอวิ๋นจิ่นบังคับไม่ให้ยกยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มบางเผยออกมาราวกับคลื่นน้ำกระเพื่อมแผ่วเบา
ข้างเตียง ลู่เจียวไม่รู้เรื่องที่เจ้าหมอนี่คิดในใจเลยแม้แต่น้อย นางถอนสายตากลับคืน มองไปยังผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกล่าวว่า “ข้าสอนคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงปลิงก็เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี ให้เด็กๆ ได้ไปเรียนหนังสือกันให้มากยิ่งขึ้น เด็กๆ ในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยก็จะพากันก้าวสู่โลกภายนอกคนแล้วคนเล่า วันหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยพวกเราก็จะยิ่งใหญ่”
“ดังนั้นกระแสในหมู่บ้านก็ต้องดีด้วย ไม่เช่นนั้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออวิ๋นจิ่น ยังส่งผลต่อเด็ก ๆ ในแต่ละครอบครัวด้วย”
พอลู่เจียวกล่าว ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็สีหน้าเคร่งขรึม เรื่องใดที่กระทบต่ออวิ๋นจิ่นและเด็กในหมู่บ้าน ผู้อาวุโสในหมู่บ้านย่อมให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
“ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าวางใจ ตอนบ่ายเปิดประชุมข้าต้องให้ทุกคนเข้าใจในประเด็นนี้ หากมีคนกล้ารับอนุยามร่ำรวยมีเงินทอง ก็ให้ขับไล่เขาไปจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย”
ลู่เจียวพยักหน้าพอใจ นอกห้อง เด็กๆ ส่งเสียงครึกครื้นดังแว่วเข้ามา
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างลุกขึ้นขอตัวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว
เด็กๆ เน่าจะเริ่มเรียนหนังสือกันแล้ว พวกเขาไม่ควรรบกวนเด็กๆ
ลู่เจียวลุกขึ้นไปส่งพวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกลับไป พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างมองลู่เจียวอย่างซาบซึ้งใจ กล่าวว่า “ขอบคุณภรรยาอวิ๋นจิ่นด้วย”
“ใช่ เจ้าช่วยหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราไว้มาก คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราชีวิตนี้ต้องนึกถึงบุญคุณเจ้ากับอวิ๋นจิ่นไปชั่วชีวิต”
ลู่เจียวโบกมืออย่างไม่คิดเก็บมาสนใจ “ไม่เป็นไร ล้วนคนวงศ์ตระกูลเดียวกัน ช่วยเหลือได้ก็ย่อมช่วยเหลือ”
พอพวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไปแล้ว ลู่เจียวก็หันเดินกลับเข้าบ้าน ไม่คิดว่าด้านหลังมีคนตะโกนเสียงดังดีใจเรียกนาง “พี่เจียว”
ลู่เจียวหันกลับไปมอง คนที่มาถึงเป็นลู่กุ้ย
ลู่กุ้ยเดินเข้ามาอย่างดีใจ ในมือถือของมากองหนึ่ง
ห่อใหญ่สองห่อ ยังมีพวกเต้าหู้และไข่ไก่อะไรพวกนี้ด้วย
ลู่เจียวมองของกินที่เขาถือมาก็แอบปวดหัว เมื่อวานคนในหมู่บ้านก็มอบของให้มากองหนึ่ง วันนี้ลู่กุ้ย ถึงกับเอาของมามอบให้อีกมากมายเช่นนี้ บ้านนางต้องกินไปอีกนานเท่าไรกัน
ที่สำคัญ ตอนนี้คือหน้าร้อน
แม้นางส่งของเข้าห้วงอากาศได้ แต่มันจะเป็นที่สังเกตเกินไป
ทว่าลู่เจียวก็คิดถึงบ้านตระกูลลู่ขึ้นมาได้ ตระกูลลู่คนมาก กินใช้อะไรย่อมเร็วมาก นางเก็บรวบรวมของให้ลู่กุ้ยเอากลับไปก็แล้วกัน
ลู่เจียวครุ่นคิดถามอย่างห่วงใยลู่กุ้ย “ท่านแม่เป็นไงบ้าง”
ลู่กุ้ยถอนหายใจ พี่สาวเขาเป็นแก้วตาของท่านแม่เขาจริงๆ เดินทางมาไกลขนาดนี้ พี่สาวเขาไม่สนใจเขา คำแรกก็ห่วงใยท่านแม่
“ท่านแม่สบายดี กินได้นอนหลับ ทุกวันเบิกบานยิ้มแย้ม”
แต่คิดถึงพี่สาวเขากับลูกๆ ทั้งสี่ของนาง วันนี้ท่านแม่เกือบจะมาด้วยตนเองแล้ว กว่าท่านพ่อจะรั้งไว้ได้
ลู่เจียวได้ยินลู่กุ้ยว่าก็พยักหน้าอย่างพอใจ “อืม งั้นก็ดี การค้าเต้าหู้ที่บ้านเป็นไงบ้าง ยังดีไหม”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ลู่กุ้ยก็ดีใจ กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ดีมาก พี่เจียวไม่รู้ บ้านเราตอนนี้ทำกำไรได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ดีใจขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง คนในหมู่บ้านแต่ละคนอิจฉาอย่างมาก ท่านแม่ออกไปบอกกับคนอื่นๆ ว่าเป็นพี่เจียวคิดกิจการให้นาง คนในหมู่บ้านไม่มีใครไม่ชมพี่ ยังว่าท่านแม่คลอดลูกสาวได้ดี”
เพราะลู่เจียว ตระกูลลู่ตอนนี้ให้ความสำคัญกับลูกสาวมาก พี่สะใภ้ใหญ่คลอดลูกชายอย่างหู่จื่อแล้ว ตอนนี้คิดแต่จะมีลูกสาวอีกคน
พี่รอง พี่สะใภ้รองก็ให้ความสำคัญกับเถาจื่อลูกสาวตนเองมากกว่าเมื่อก่อน
ลู่เจียวไม่ถ่อมตนแม้แต่น้อย กล่าวว่า “ลูกสาวอบรมให้เอาการเอางานหน่อย ก็ไม่แพ้เด็กชายอย่างพวกเจ้า”
กล่าวจบก็ยิ้มมองลู่กุ้ย ลู่กุ้ยกดมุมปากลงอย่างจนใจ เขาจะพูดอะไรได้ ไม่มีอะไรจะพูด
ลู่เจียวคิดถึงว่าตนเองก่อนหน้านี้เตรียมจะสอนคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงปลิง ก็เลยเอ่ยออกไปว่า “ข้ากำลังเตรียมสอนคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงปลิง เจ้ากลับไปถามท่านแม่ ที่บ้านจะเลี้ยงปลิงไหม หากจะเลี้ยง ไว้ข้าสอนคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ก็ให้คนที่บ้านมาเรียนด้วย ไว้ที่บ้านแยกที่นาสองหมู่ไว้เลี้ยง”
ลู่กุ้ยได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็เลิกคิ้วมองลู่เจียวอย่างตกใจ “ปลิง?”
คนบ้านนอกไม่มีใครไม่รู้จักปลิง แต่หลายคนรู้สึกว่าปลิงน่าขยะแขยงมาก ดูดขาคนทีก็ไม่ยอมปล่อย บ้างถึงขั้นไชเข้าร่างกายคน ต้องใช้แรงตบจึงจะตบออกมาได้
ตอนนี้พี่สาวเขาถึงกับว่าจะสอนพวกเขาเลี้ยงปลิง
เลี้ยงปลิง?
ลู่กุ้ยมองลู่เจียวด้วยสีหน้าตกใจหวาดกลัว
เพียงแต่เขาไม่ทันได้กล่าวอะไร ในห้องโถง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เห็นลู่กุ้ย
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบทิ้งเพื่อนๆ ในห้องโถง พุ่งตัวกันออกมาทันที
“ท่านน้าเล็ก ท่านมาแล้ว”
“ท่านน้าเล็ก ท่านคิดถึงพวกเราไหม”
ลู่กุ้ยโยนของในมือลง ยกมือขึ้นกอดหลานชายสองคนไว้ ยกตัวโยนขึ้นเหนือหัว
“ใช่แล้ว น้าเล็กคิดถึงพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นเลยมาเยี่ยมพวกเจ้า พวกเจ้าคิดถึงน้าไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แอบกินปูนร้อนท้อง พวกเขาไม่ได้คิดถึงน้าเล็กเลยสักนิด
ระยะนี้เล่นกันจนแทบไม่มีเวลา ไหนเลยจะมีเวลาคิดถึงน้าเล็ก แต่ไม่อาจให้น้าเล็กรู้ได้ ไม่งั้นน้าเล็กต้องเสียใจแน่
ต้าเป่าสีหน้าจริงใจ กล่าวว่า “คิดถึง คิดถึงน้าเล็กจนอาหารไม่อร่อยเลย”
ความจริงมื้อหนึ่งเขากินข้าวชามโต คิดถึงน้าอะไรจะเท่าอาหารอร่อยที่ท่านแม่ทำเอง
เอ้อร์เป่ารีบรับสัญญาณจากต้าเป่า ใบหน้าเล็กหม่นลงทันที
“ตอนคิดถึงน้าเล็ก ของเล่นก็เล่นไม่สนุกเลย”
ข้าเล่นได้วันละห้าชั่วยาม แต่อย่าให้น้าเล็กรู้ดีกว่า รู้แล้วไม่แน่อาจจะร้องไห้ได้
ซานเป่า ซื่อเป่าก็ยื่นมือออกไปกอดคอลู่กุ้ยพร้อมกัน
“น้าเล็ก หากท่านน้ายังไม่มาอีก พวกเราก็จะไปหาน้าแล้ว คิดถึงจนค่ำคืนก็นอนไม่หลับ”
“ข้าคิดถึงน้าเล็ก ในฝันยังร้องไห้เลย”
ลู่กุ้ยตื้นตันมาก กอดซานเป่าและซื่อเป่าหอมแรงๆ ทีละคน “วันหน้าน้าเล็กว่างก็จะมาเยี่ยมพวกเจ้า”
ลู่เจียวมองสีหน้าตื้นตันใจของลู่กุ้ย ก็ยกมุมปากอย่างไร้วาจาจะเอ่ย เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทุกวันจัดตารางเต็มเอี๊ยด เล่นจนสนุกสนานมาก ไหนเลยมีเวลาคิดถึงน้า ก็มีแต่คนโง่ที่เชื่อ
ลู่เจียวมองไปยังลู่กุ้ยกล่าวว่า “เอาละ ปล่อยพวกเขาลงเถอะ”
ลู่กุ้ยปล่อยซานเป่ากับซื่อเป่าลง ก่อนจะอุ้มต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าเหวี่ยงแรงรอบหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยพวกเขาลง
เขายกห่อผ้าจากพื้นขึ้นมา กล่าวอย่างดีใจว่า “ในนี้มีของขวัญจากท่านตาท่านยายและน้าสะใภ้ใหญ่มอบให้พวกเจ้าด้วยนะ”