ตอนที่ 151 ไม่อนุญาตให้รับอนุ
คนในเรือนนอนตะวันออกต่างมองลู่เจียวอย่างตกใจ ก่อนจะมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อยๆ กล่าวว่า “พวกท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังลู่เจียวพูดรายละเอียดกับพวกท่านก่อน”
พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างมองไปยังลู่เจียว ลู่เจียวกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “พวกท่านรู้แค่ปลิงดูดเลือดคน ไม่ใช่ของดี แต่กลับไม่รู้ว่ายาจากปลิงมีค่าอย่างมาก มันแก้เลือดคั่งให้ไหลเวียนได้ เปิดจุดทวารระงับปวดได้ ขับพิษร้อนได้ ไม่เพียงแต่รักษาคนป่วยได้ ยังรักษาโรคเลือดอุดตันในสมองได้ พวกโรคลมอะไรก็ใช้ปลิงได้”
“ตอนนี้ยาหลายอย่างล้วนไม่ได้ใช้ปลิง เพราะไม่อาจซื้อหาจำนวนมากได้ เพราะปลิงขาดแคลน ดังนั้นตอนนี้ราคารับซื้อจึงสูงมาก ข้าเดาว่าปลิงสดหนึ่งชั่งอย่างน้อยน่าจะห้าร้อยเหวินขึ้นไป”
“ที่นาหนึ่งหมู่เลี้ยงปลิงได้ราวสองร้อยชั่ง แต่หากเลี้ยงปลิงไม่ดี อัตราการตายก็สูงมาก พวกเราก็คำนวณจากจำนวนที่น้อยที่สุด ราวหนึ่งร้อยชั่ง ที่นาหนึ่งหมู่เลี้ยงปลิงได้ราวห้าสิบตำลึง”
“เลี้ยงปลิงด้วยปลาและกุ้งเล็กกับพวกหอยขม สัตว์พวกนี้ให้ทุกบ้านไปจับมาจากแม่น้ำแต่ละสาย ในนี้ยังต้องมีเลือดสด ก็ไปซื้อเอาจากโรงฆ่าหมูได้ สัปดาห์หนึ่งใช้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก”
“ดังนั้นเรื่องนี้แต่ต้นจนจบล้วนใช้แค่แรงงานคน หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือแรงงาน”
ลู่เจียวกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุด ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกลับถูกวาจานางทำเอาตกใจไปแล้ว
ที่นาหนึ่งหมู่หาเงินได้ห้าสิบตำลึง สวรรค์ ตัวเลขนี้ช่างน่าตกใจ ห้าสิบตำลึงซื้อธัญญาหารได้เท่าไร
นี่ยังคิดตามอัตรารับประกันขั้นต่ำสุดด้วยนะ หากอัตราการตายต่ำหน่อย งั้นเจ็ดแปดสิบตำลึงก็เป็นได้
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างลุกขึ้นเดินไปมาในห้องอย่างตื่นเต้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างจึงได้สงบลง มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า
“พวกเราเลี้ยงแล้วใครรับซื้อ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เจ้าของหอยาเป่าเหอเตรียมเปิดโรงผลิตยา รับซื้อตัวยาต่างๆ จำนวนมาก พวกเขายอมรับซื้อปลิง ก่อนผู้ใหญ่บ้านเลี้ยงปลิงก็ไปลงนามสัญญา จากนั้นก็รับเงินมัดจำกลับมา”
พอลู่เจียวกล่าว ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็หวั่นไหว หลายคนหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ข้าว่าทำได้ นี่คือโอกาสอันดี เลี้ยงปลิงไม่ใช่เรื่องง่าย คนในหมู่บ้านเรียนเคล็ดลับนี้กันเป็น วันหน้าลูกหลานก็ไม่ยากจนแล้ว รอให้มีเงิน เด็กๆ ในหมู่บ้านก็จะได้เรียนหนังสือ”
“หากวันหน้าข้าไปจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ต้องสร้างสถานศึกษาในหมู่บ้านตระกูลเซี่ย หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราย่อมมีคนออกไปสู่โลกภายนอกมากยิ่งขึ้น”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ตื้นตัน ครอบครัวพวกเขามีลูกหลาน ไหนเลยไม่หวังให้ลูกหลานตนเองได้ออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ยไปสู่โลกภายนอก
“ในเมื่ออวิ๋นจิ่นเจ้าว่าได้ ตอนบ่ายข้าจะรีบเรียกประชุมคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยมาหารือเรื่องนี้”
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวจบ เขาและจู๋จ่างพลันหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ครั้งนี้ยังจะสอนให้แต่ละครอบครัวเหมือนก่อนหน้านี้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว
ลู่เจียวเดิมคิดจะสอนให้พวกผู้หญิงในแต่ละครอบครัว จะได้ให้พวกนางมีหลักในชีวิต ไม่ถูกผู้ชายกดขี่
ในยุคสมัยนี้ผู้ชายมีเงินก็กลายเป็นคนไม่ดี ผู้ชายหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเองก็คงไม่แตกต่าง หากพวกเขามีเงิน รับอนุกลับมา ผู้หญิงที่บ้านยังต้องรองรับอารมณ์อีก
เดิมนางคิดช่วยให้คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยร่ำรวย แต่ไม่อยากให้พวกผู้หญิงต้องมารับกรรมนี้
แต่พอลู่เจียวมองจู๋จ่าง เหมือนเขามีความคิดหนึ่ง
นางมองไปยังจู๋จ่าง ถามว่า “จู๋จ่าง มีความคิดอะไรหรือ”
แววตาจู๋จ่างลุ่มลึกลงเล็กน้อย กล่าวว่า “ข้าอยากให้เคล็ดลับการเลี้ยงปลิงนี้เป็นเคล็ดลับถ่ายทอดกันในวงศ์ตระกูลเซี่ย ข้าก็แค่มีความคิดนี้ ไม่รู้ว่าเหมาะสมกับการจัดการเรื่องนี้หรือไม่”
แม้ว่าจู๋จ่างมีสถานะสูงส่งในวงศ์ตระกูล แต่แท้จริงก็เป็นแค่ชาวบ้านนอก เห็นโลกมาไม่กว้างมาก ดังนั้นสมองแม้มีความคิดนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะควรจัดการเรื่องนี้เช่นไรให้เหมาะสม
เรื่องนี้จัดการไม่ดี หมู่บ้านตระกูลเซี่ยก็คงแตกแยก อาจถึงกับมีเรื่องกันขึ้นมาได้
ความปรองดองในวันหน้าของหมู่บ้านก็คงไม่มีอีกแล้ว นี่ก็เหมือนเรื่องสมุนไพรที่ก่อนหน้านี้เขากับเซี่ยฟู่กุ้ยให้ทุกคนในหมู่บ้านได้รับรู้ด้วยกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังจู๋จ่างก็หันไปมองลู่เจียว นี่คือข้อเสนอลู่เจียว ดังนั้นเขาต้องฟังความเห็นนาง
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ได้ก็ได้อยู่ แต่ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างต้องรับปากข้าสามข้อ”
“ข้อหนึ่ง เงินได้จากการเลี้ยงปลิง ต้องมอบให้สตรีในบ้านเก็บ นี่ก็เพื่อป้องกันผู้ชายมีเงินแล้วแปรเปลี่ยน”
ลู่เจียวกล่าวจบ ผู้ชายหลายคนในห้องพากันมองไปยังลู่เจียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็มองลู่เจียว และเขายังกล่าวขึ้นเหมือนผีสางเทวดาดลใจว่า “ข้ามีเงินก็ไม่แปรเปลี่ยน”
ลู่เจียวมองเขาอย่างไร้วาจาจะกล่าว เขาเปลี่ยนไม่เปลี่ยนเกี่ยวอะไรกับนาง
ในห้อง พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังคำพูดลู่เจียว แม้ว่าแปลกใจ แต่พวกเขาก็เป็นคนรักครอบครัว ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ไม่ได้คัดค้าน
“ได้”
ลู่เจียวเสนอข้อที่สอง “เงินที่ได้จากการเลี้ยงปลิง ผู้ชายหมู่บ้านตระกูลเซี่ยห้ามเอาไปรับอนุ หากรับอนุก็ให้ขับออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย”
ข้อนี้หนักหนาสาหัสอย่างมาก
ลู่เจียวเห็นสีหน้าประหลาดใจของผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง ก็สำทับอีกประโยคว่า “เจตนาเดิมของข้าก็เพื่อให้คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยมีชีวิตที่ดี ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ชายมีเงินทองไปรับอนุมาทำให้ภรรยาที่บ้านเป็นทุกข์ หากเช่นนี้ข้าขอไม่สอนพวกเขาเลี้ยงปลิงดีกว่า”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เงื่อนไขลู่เจียวก็เพื่อให้ผู้หญิงในหมู่บ้านพวกเขามีชีวิตที่ดี นับประสาอะไรกับพวกเขาเองก็ไม่ได้คิดรับอนุอะไร ดังนั้นเงื่อนไขนี้ก็ย่อมได้
“ได้ พวกเรารับปากเจ้า”
ลู่เจียวยังกล่าวต่อว่า “ข้อสาม คนที่เข้าร่วมการเลี้ยงปลิง วันหน้าเงินที่ได้มา สองในสามส่วนใช้เพื่อครอบครัวส่วนรวม หนึ่งในสามเก็บไว้ใช้ครอบครัวตนเอง”
นี่ก็ทำเพื่อเซี่ี่ยเอ้อร์จู้กับเซี่ยเหลียนสองชีวิตที่น่าสงสาร
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอึ้งไป แต่สุดท้ายก็ยังคงรับปาก “พวกเราเห็นด้วย”
ลู่เจียวยิ้มบางกล่าวว่า “ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง หากแต่ละครอบครัวเห็นด้วยกับเงื่อนไขข้า ถึงเวลาก็ให้ประทับลายนิ้วมือลงในสัญญา วันหน้าต้องปฏิบัติตามสัญญา”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไม่ได้คัดค้าน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างๆ เอ่ยว่า “ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง ข้ามีความคิดเช่นนี้ พวกท่านลองฟังดูว่าได้ไหม”
พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างพากันมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ข้าคิดว่าควรสร้างสถานที่สำหรับเลี้ยงปลิงโดยเฉพาะ เรื่องเลี้ยงปลิงนี่ก็สอนให้คนวงศ์ตระกูลเซี่ย แน่นอนว่าไม่อาจสอนทุกคน ได้แต่สอนให้คนหนึ่งรับหน้าที่ไปสอนต่อ ให้คนผู้นี้แบ่งหน่วยงานออกไป เรื่องเลี้ยงปลิงมีรายละเอียดมาก หากไม่มีคนรับหน้าที่เฉพาะ ต้องชุลมุนแน่”
คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวต่อว่า “เริ่มเลี้ยงปลิงก่อน แต่ละครอบครัวเจียดที่นาส่วนหนึ่งออกมา ที่นาที่นำออกมานี้ถือเป็นพื้นที่ส่วนกลาง รอให้ได้เงินจากปลิงมา ก็ชดเชยให้ทุกคนไปตามราคาที่นาแต่ละหมู่ ที่นาผืนนี้วันหน้าก็ถือเป็นที่เพาะเลี้ยงส่วนกลางของหมู่บ้านตระกูลเซี่ย”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ รู้สึกว่าวิธีการเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เลวเลย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังกล่าวต่อว่า “ส่วนเงินที่ได้มาสุดท้ายก็ให้แบ่งไปตามหัวคนที่ทำงานในแต่ละครอบครัว ส่วนเรื่องคนทำงาน ก็ให้แต่ละครอบครัวนับจำนวนออกมา เช่นว่าครอบครัวหนึ่งสามคน มีหนึ่งคนทำงาน อีกครอบหนึ่งมีหกคน ก็ให้ทำงานสองคน สุดท้ายแบ่งเงินแบ่งตามหัวเหล่านี้ รับรองว่ายุติธรรมกับทุกครอบครัว”
“ทำเช่นนี้ ประการแรก หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราจะได้เก็บเคล็ดลับเลี้ยงปลิงไว้ได้ และก็ยังไม่ทอดทิ้งคนแซ่อื่นในหมู่บ้าน ให้พวกเขาวันหน้าไม่กล้าคิดการเป็นอื่นกับหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเรา”