ตอนที่ 141 นี่คือยกลูกให้นางเลี้ยงดู
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ตะโกนเรียกออกไป “ลู่เจียว”
ลู่เจียวแสดงท่าทางให้เห็นว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินข้าวเช้า ตนเองยกโจ๊กตักอาหารเข้าไปยังเรือนนอนตะวันออก
“เจ้าต้องการดื่มนมแพะหน่อยไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปฏิเสธทันที เขาเคยไปตัวจังหวัดกินเนื้อแพะมา กินแค่คำเดียวก็ไม่อยากกินอีก นมแพะน่าจะสาบคาวยิ่งกว่าเนื้อแพะ เขาดื่มไม่ลง
ลู่เจียวมองสีหน้าปฏิเสธของเขาก็ไม่คิดดึงดันต่อ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นผู้ใหญ่ มีน้ำพุจิตวิญญาณของนางปรับสมดุล กอปรกับสารอาหารพอเพียง จะดื่มหรือไม่ดื่มนมแพะก็ได้
ส่วนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ผอมแห้งและตัวเล็กเกินไป แม้ว่าได้น้ำพุจิตวิญญาณนางปรับสมดุลไป แต่ลู่เจียวก็ไม่อาจแน่ใจว่าน้ำพุจิตวิญญาณจะทำให้คนสูงได้ไหม ดังนั้นให้สารอาหารเพียงพอสักหน่อยดีกว่า
“กินอาหารเช้าเถอะ”
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกินอาหารเองได้ ไม่ต้องให้นางป้อนแล้ว จึงลดภาระนางไปได้ไม่น้อย
ลู่เจียวยกข้าวไปให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น หันหลังคิดจะออกไปกินอาหารเช้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ด้านหลังพลันเรียกนางไว้ “ลู่เจียว”
ลู่เจียวคิดว่าเขามีเรื่องถามนาง ก็หันเดินกลับไปข้างเตียงพลางถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือ”
สายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกให้ลู่เจียวนั่งลง ลู่เจียวมองสายตาเขา เหมือนมีเรื่องจะพูดกับนาง จึงนั่งลงมองเขาข้างเตียง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาลุ่มลึก ค่อยๆ กล่าวว่า “เจ้าอบรมสั่งสอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ดีมาก พวกเขาก็ล้วนเป็นเด็กที่มีจิตใจดี เจ้าสอนพวกเขาดีๆ วันหน้าพวกเขาเติบโต ก็ย่อมต้องกตัญญูต่อเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องหย่า เพราะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นั่งกินข้าวอยู่นอกห้อง หากเขาเอ่ยอาจทำให้เด็กๆ ตกใจได้
ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบพูดเรื่องนี้เป็นนัยๆ เขาคิดว่าตนเองกล่าวเช่นนี้ลู่เจียวต้องเข้าใจแน่
น่าเสียดาย ลู่เจียวไม่เข้าใจ สองตาจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น สีหน้าท่าทางชัดเจนว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิ้วกระตุก ถามว่า “เจ้าไม่เข้าใจ?”
ลู่เจียวส่ายหน้าตอบซื่อๆ “ไม่เข้าใจ”
พวกเรามีอะไรพูดกันตรงๆ ได้ไหม ทำไมต้องอ้อมไปอ้อมมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาท้อแท้ กล่าวต่อว่า “หลายวันนี้ข้าคิดละเอียดแล้ว เด็กๆ ไม่อาจไม่มีท่านแม่ดูแลได้ ท่านแม่ในใจของเด็กๆ ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ดังนั้น…?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวไม่ทันจบ ลู่เจียวก็ราวกับแสงสาดส่องมากลางศีรษะ นางกระจ่างในทันที
นางใจเต้นแรง สีหน้าเปล่งประกาย รีบเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเข้าใจความหมายเจ้าแล้ว”
นี่คิดมอบลูกๆ ให้นางเลี้ยงดู เป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงจริงๆ สวรรค์ช่างดีกับนางมากเกินไปแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองแววตายินดีของลู่เจียว ในใจก็อดเต้นแรงไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ดีใจขนาดนี้เพราะว่าเข้าไม่หย่าด้วยงั้นหรือ นางนอกจากชอบเจ้าหนูน้อยทั้งสี่แล้ว น่าจะชอบเขาด้วยกระมัง
ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่ลู่เจียวชอบ หากนางยอมทุ่มเทกายใจดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ อยากจะชอบเขาก็ชอบไป
แต่…ต้องดีใจขนาดนี้เชียว นี่ชอบเขามากเลยหรือ
ในห้องลู่เจียวซึ้งใจจนยื่นมือออกไปกุมมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้ รับรองว่า “เจ้าวางใจ ข้าต้องสอนให้พวกเขารักบิดาพวกเขา”
นางรู้ว่าแม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วยให้นางเลี้ยงดูลูกๆ แต่ย่อมไม่ให้นางพาลูกๆ ไปเข้าชื่อทะเบียนบ้านอื่น เด็กๆ ยังคงเป็นของเขา เขาเพียงแต่คิดให้นางช่วยเขาเลี้ยงดู
แต่ทว่านางไม่คิดเล็กคิดน้อย ขอเพียงนางได้สร้างสามทัศนคติ[1]ที่ถูกต้องให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ แม้วันหน้าพวกเขากลับไปอยู่กับบิดา ก็ย่อมไม่กลายเป็นผู้ร้ายในนิยาย นางก็นับว่าได้สร้างสมบารมีแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน หลุบตาลงกุมมือลู่เจียวที่ดึงมือเขาไว้ ดูท่าเขาเดาไม่ผิด หญิงผู้นี้ชอบเขาดังคาด ชอบก็ชอบละกัน ขอเพียงนางดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดี วันหน้าเขาก็จะไม่ผิดต่อนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าออกไปกินอาหารเช้าเถอะ”
ลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “อืม เจ้าต้องการอะไรก็บอกข้ามาได้เลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมมองสีหน้าดีใจของลู่เจียวออก สายตาเขายิ่งส่องประกายลึกล้ำ ความรู้สึกในใจโลดแล่นขึ้นอย่างไม่แสดงออก
ความคิดทั้งสองคนไปคนละทาง แต่กลับเข้ากันได้อย่างคาดไม่ถึง
นอกห้อง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองแววตาลู่เจียวก็มองออกว่าท่านแม่ตนวันนี้เหมือนดีใจเป็นพิเศษ
ต้าเป่าเลิกคิ้วถามว่า “ท่านแม่ ท่านเหมือนดีใจมาก”
ลู่เจียวเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ อารมณ์ก็ยิ่งดีขึ้น นางไม่ต้องแยกจากเด็กๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องดีมากจริงๆ
นางเดินไปหอมแก้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทีละคน
“ใช่แล้ว วันนี้แม่ดีใจมาก ดังนั้นวันนี้ตอนเที่ยงจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พากันส่งเสียงร้องดีใจ “ท่านแม่ ท่านดีจริงๆ”
ตอนนี้ต้าเป่าก็ร่าเริงแล้ว นิสัยซานเป่าก็เปิดเผยขึ้นมาก
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มั่นใจในตนเองขึ้นทุกวัน ลูกๆ ไม่ได้มีความรู้สึกต่ำต้อยอ่อนแอไม่เป็นสุขเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ใบหน้าเล็กของพวกเขามีแต่รอยยิ้มกระจ่างอยู่ตลอด ในแววตาเป็นประกายวาววับ
ทั้งครอบครัวกินข้าวเช้าเสร็จ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็วิ่งออกไปเล่นของเล่นนอกห้อง ลู่เจียวถือยาไปเรือนนอนตะวันออกให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกินยา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยถึงการสอนตัวอักษรให้ลู่เจียว
ระยะนี้งานยุ่งมาตลอด ลู่เจียวไม่มีเวลาเรียนรู้อักษรจีน ตอนนี้การงานไม่ได้มากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นนางวางแผนเรื่องการเรียนรู้อักษรของนางได้แล้ว นางต้องเรียนรู้อักษรจีนทั้งหมดให้ได้ก่อนที่จะหย่า
วันหน้าหย่ากันแล้วก็เขียนเทียบยาได้ จะให้ฉีเหล่ยรู้ว่านางไม่รู้หนังสือไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้นอาจารย์เช่นนางคงเสียหน้าแย่
ลู่เจียวครุ่นคิดยิ้มมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “งั้นก็ทุกวันหลังอาหารเช้าครึ่งชั่วยาม ข้ามาเรียนหนังสือกับเจ้า ให้ลูกๆ ไปเล่นกันข้างนอกสักครู่ ข้าใช้เวลาช่วงนี้เรียนหนังสือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วย “ได้ งั้นตอนนี้ก็เริ่มเลย”
ลู่เจียวรีบหยิบคัมภีร์สามอักษรของแฝดสี่ออกมาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสอน ความจริงคัมภีร์สามอักษรนางท่องได้ แต่การเทียบตัวอักษรตัวย่อกับอักษรตัวเต็มนั้นยุ่งยากเกินไป ยังไงเรียนกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เร็วกว่าหน่อย
ลู่เจียวหยิบคัมภีร์สามอักษรนั่งเรียบร้อยอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ รอเซี่ยอวิ๋นจิ่นสอน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้ามองหญิงสาวที่โต๊ะหนังสือ พอมองมาก็พบว่าหญิงผู้นี้ถึงกับผอมลงอีกแล้ว ใบหน้าราวกับแผ่นเปี๊ยะใหญ่กลมฉุ ตอนนี้ความบวมลดลงไปแล้ว คิ้วใบหลิวเรียว ตาเมล็ดซิ่ง จมูดเชิดปากราวกับลูกอิงเถา[2] ผิวพรรณก็นุ่มละมุนชุ่มชื้นขึ้น แม้ว่าแก้มยังคงมีเนื้อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกนึกรังเกียจ กลับกันยังยิ่งทำให้งามเฉิดฉันขึ้นอีกมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองต่ำลงมา เสื้อผ้าที่นางสวมอยู่เพราะว่าผอมลง จึงทำให้ดูแล้วหลวมไม่พอดีตัวอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเสื้อผ้าบนตัวนาง ก็คิดถึงเสื้อผ้าชุดใหม่ของตนเองและของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก็อดเอ่ยไม่ได้ว่า
“เสื้อผ้าเจ้าใหญ่ไปแล้ว ไม่พอดีตัวเลย ทำไมไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่เพิ่มให้ตนเองสักสองสามชุดล่ะ”
หญิงผู้นี้ไม่ใช่รักสวยรักงามหรือ หญิงผู้นี้เห็นๆ อยู่ว่าผอมแล้วสวยแล้ว ทำไมไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่สักสองสามชุด
ลู่เจียวเดิมนั่งตัวตรงหลังตรงรอเซี่ยอวิ๋นจิ่นสอนอ่านหนังสืออยู่ ปรากฏสักตัวยังไม่ได้เรียนรู้ก็กลับไปพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าบนตัวนาง
นางอึ้งไปทันที เงยหน้ามองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงเห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเสื้อผ้านาง
ปฏิกิริยาแรกของลู่เจียวก็คิดจะขึ้นเสียงใส่เขา เสื้อผ้าข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า ข้าชอบข้าพอใจจะทำไม
แต่พอนางคิดได้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะมอบเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้นางดูแล ก็พลันนิ่งสงบลง ความจริงคนผู้นี้ก็นับว่าไม่เลว นางต้องดีกับเขาหน่อย อย่าทำให้คนเขาโมโห ไม่งั้นอาจจะไม่มอบเจ้าหนูน้อยให้นางเลี้ยงดู
———————————————-
[1] สามทัศนคติ ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต และทัศนคติต่อคุณค่า
[2] เมล็ดซิ่ง คือ เมล็ดอัลมอนด์ อิงเถา คือ ลูกเชอรี่