ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 162 แท้จริงคือบังเอิญหรือจงใจ

ตอนที่ 162 แท้จริงคือบังเอิญหรือจงใจ

ตอนที่ 162 แท้จริงคือบังเอิญหรือจงใจ
สีหน้าเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อย่ำแย่อย่างที่สุด แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก ทั้งสองคนไม่พูดสักคำก็หันหลังจากไป พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างด้านหลังก็ยิ้มพูดคุยกันจากไป

ลู่เจียวเอาสัญญาเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นพิงอยู่ข้างเตียง เห็นลู่เจียวเข้ามาก็ถามว่า “ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างมา มีธุระหรือ”

เพราะคุยกับผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างนอกรั้วบ้านและเสียงเบามาก ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้ยินไม่ชัด

ลู่เจียวอารมณ์ดีมาก ยื่นสัญญาส่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นอ่าน

“เมื่อคืนวานนี้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างให้ท่านพ่อท่านแม่เจ้าประทับลายนิ้วมือนี้ วันหน้าพวกเขาไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเราแล้ว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นอ่านสัญญา ความจริงก็แค่สองประโยค ยังเขียนโย้ไปมา น่าจะไปหาคนในหมู่บ้านที่พอรู้หนังสือมาเขียน

สะใจที่เซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อจะมาหาเรื่องพวกเขาไม่ได้อีกแล้ว หากมาหาเรื่องอีก ก็จะขับออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ด้านล่างมีรอยประทับนิ้วมือของเซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นอ่านสัญญาพลางแค่นเสียงฮึเยียบเย็น แสดงท่าทางให้ลู่เจียวเอาไปเก็บ ลู่เจียวกลับไม่ขยับ

“นี่ให้เจ้าเก็บไว้ละกัน”

วันหน้านางก็ไปแล้ว ให้นางไว้ทำไมกัน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นท่าทางแปลกๆ ของนางก็กล่าวว่า “ให้เจ้าเก็บก็เก็บ”

ลู่เจียวกำลังจะพูด เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ข้างนอกก็พากันวิ่งเข้ามา “ท่านแม่ ทำไมท่านแม่ตื่นแล้ว”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขยี้ตา เห็นท่านพ่อก็ตื่นแล้ว รีบส่งเสียงทักทาย “ท่านพ่อ ท่านก็ตื่นแล้ว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ถามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างอบอุ่นว่า “พวกเจ้าจะนอนต่ออีกสักครู่ไหม”

เอ้อร์เป่ารีบส่ายหน้า “พวกเราจะไปต่อยกระสอบ”

ตั้งแต่ลู่เจียวกำหนดให้ทุกเช้ามีภารกิจต่อยกระสอบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ปฏิบัติตามเคร่งครัด แม้ว่าบางครั้งตื่นสายบ้าง แต่ก็ยังไปต่อยก่อน จากนั้นค่อยกินข้าวเช้า

แม้ว่าวันนี้ตื่นเช้าไปหน่อย เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ยังคงยืนยันจะไปต่อยก่อน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มส่งพวกเขาออกไปต่อยกระสอบ

ลู่เจียวเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกไปต่อยแล้ว ก็ขี้เกียจคิดเล็กคิดน้อยเรื่องสัญญาว่าจะเก็บไว้ที่ผู้ใด ในเมื่อให้นางเก็บไว้ นางก็เก็บไว้ชั่วคราวละกัน

“งั้นข้าออกไปทำอาหารเช้าก่อน เจ้านอนต่ออีกสักครู่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวเก็บสัญญาแล้ว ก็เม้มปากพอใจ ยิ้มบางกล่าวว่า “อืม เจ้าไปทำงานเถอะ”

กล่าวจบเขาก็คิดถึงเรื่องเก้าอี้เข็น กล่าวกับลู่เจียวว่า “กินข้าวเช้าเสร็จ เจ้าไปบ้านท่านอาโหย่วไฉดูหน่อยว่าเก้าอี้เข็นถึงไหนแล้ว เสร็จหรือยัง”

ลู่เจียวพยักหน้า ”ได้”

กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไปทำอาหารเช้าในครัว เช้านี้นางมีงานต้องทำมาก นอกจากทำอาหารเช้า ยังต้องบีบนมแพะ ต้มนมแพะ และยังต้องรดแปลงผักที่บ้านรอบหนึ่งด้วย

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่อยกระสอบกันอยู่ใต้ต้นไม้หน้าประตู พอพวกเขาต่อยเสร็จก็ได้ดื่มนมแพะแล้ว ดื่มนมแพะเสร็จก็กินข้าวเช้า

หลังอาหารเช้า ลู่เจียวก็จะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกไปบ้านท่านอาโหย่วไฉดูว่าเก้าอี้เข็นทำเสร็จหรือยัง ปรากฏพอถึงหน้าประตูก็เห็นรถม้ามาคันหนึ่ง

คนขับรถม้านี้ลู่เจียวเห็นก็จำได้ เป็นคนขับรถม้าของหันถง

ลู่เจียวอดแปลกใจไม่ได้ นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นให้หันถงตั้งใจเรียนเพื่อพยายามสอบติดซิ่วไฉเดือนเก้านี้ให้ได้ เขามาได้อย่างไร

ลู่เจียวไม่ทันพูดอะไร หันถงก็ยกกล่องของขวัญลงจากรถมา เห็นลู่เจียว เขาก็ยิ้มเอ่ยขึ้นก่อน

“พี่สะใภ้จะออกไปข้างนอกหรือ”

ลู่เจียวพยักหน้า เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ข้างกายนางยิ้มตาหยีส่งเสียงทักทายหันถง “ท่านอาหัน”

“ท่านอากินข้าวเช้าหรือยัง”

“บ้านพวกเรายังมีนะ”

หันถงเดินไปลูบหัวทีละคน ยิ้มกล่าวว่า “อากินมาแล้ว พวกเจ้าจะตามท่านแม่ออกไปเที่ยวหรือ”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้า ลู่เจียวมองหันถงแวบหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังบัณฑิตสามคนบนรถม้าที่ก้าวลงมา

สามคนนี้ก็คือสามคนที่ก่อนหน้านี้มาตระกูลเซี่ยกับหันถง

ลู่เจียวอดมองสองสามทีไม่ได้ สามคนแต่งกายเรียบง่ายมาก แต่กิริยาท่าทางแสดงให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสูงสง่าของบัณฑิต หนึ่งในนั้นหน้าตาไม่ธรรมดา แต่สายตาประเมินมองลู่เจียว ทำให้ลู่เจียวไม่ชอบใจอย่างมาก

เพราะแม้ว่าคนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา แต่แววตาเหมือนมีความยโสอยู่เล็กน้อย สายตาที่มองลู่เจียวก็แฝงความสูงส่งราวกับมองไม่เห็นหัวนาง เหมือนกับดูแคลนลู่เจียว

ลู่เจียวอยากจะค้อนใส่คนผู้นี้มาก เจ้าดูแคลนข้า เจ้ามาบ้านข้าทำไม

แต่คนเขาไม่พูด นางก็ขี้เกียจจะพูดอะไรมาก

หันถงข้างๆ แนะนำสหายร่วมชั้นเรียนให้ลู่เจียวรู้จัก “พี่สะใภ้ นี่คือสามสหายร่วมชั้นเรียนที่มากันครั้งก่อน ผู้นี้คือเจิ้งจื้อซิ่ง ผู้นี้คือตู้อี้ ผู้นี้คือหลี่เหวินปิน”

เจิ้งจื้อซิ่งหน้าตาไม่ธรรมดา ท่าทางยโส

ลู่เจียวมองข้ามเขาไปทันที ไปประเมินอีกสองคน ทั้งสองคนล้วนอ่อนโยนมาก โดยเฉพาะคนที่ชื่อหลี่ เหวินปิน เห็นชัดว่าเป็นคนซื่อถือคุณธรรม พอเห็นลู่เจียวมองก็รีบประสานมือกล่าวว่า “ได้ยินว่าขาพี่อวิ๋นจิ่นหายดีแล้ว พวกเราสามคนดีใจกับเขาด้วย ดังนั้นเลยให้หันถงพาพวกเรามาเยี่ยมเขา”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย หันไปเดินนำทั้งสี่คนเข้าไปในห้องโถง ตลอดทางนางคิดถึงความสงสัยครั้งก่อนของตนเอง

สี่ปีก่อน เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกคนวางยา สี่ปีต่อมาถูกรถม้าชนบาดเจ็บ เรื่องนี้เหมือนบังเอิญไปไหม ดังนั้นจะมีคนอิจฉาเขาไหม จงใจทำร้ายเขาไหม

แม้ว่าในใจลู่เจียวคิดเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า นำหันถงกับพวกเจิ้งจื้อซิ่งเดินเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก

ในเรือนนอนตะวันออกเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นพวกหันถงมา ก็ดีใจมาก เรียกให้พวกเขานั่ง

ลู่เจียวเข้าครัวเทน้ำชา

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นที่บ้านมีแขกมา ก็กระซิบถามลู่เจียว “ท่านแม่ ตอนนี้พวกเราไม่ไปบ้านพี่มู่โถวกันแล้วใช่ไหม”

ลู่เจียวพยักหน้า ลูบหัวพวกเขากล่าวว่า “ตอนบ่ายค่อยไป อีกสักครู่แม่ต้องเตรียมอาหารกลางวัน ไม่มีเวลาไปแล้ว”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้พูดมากต่อ “พวกเราทราบแล้ว งั้นพวกเราไปเตรียมบทเรียนสอนพวกพี่เสี่ยวเป่า”

“ได้ ไปเถอะ”

ลู่เจียวโบกมือให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปทำงานตนเอง นางเทน้ำชายกเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก

ในเรือนนอนตะวันออกเจิ้งจื้อซิ่งกำลังคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น

“พี่อวิ๋นจิ่นเป็นคนมีวาสนาจริงๆ บาดเจ็บหนักขนาดนี้สุดท้ายยังถึงกับปลอดภัยไม่เป็นไรได้ คนเรากล่าวว่ารอดจากภัยใหญ่ย่อมมีวาสนาตามมา ข้าว่าวาสนาพี่อวิ๋นจิ่นวันหน้าต้องไม่ธรรมดาแน่”

ลู่เจียวได้ฟังคำเจิ้งจื้อซิ่งก็รู้สึกวาจาคนผู้นี้เหมือนปวดใจ

บัณฑิตอีกสองคนในห้องต่างยิ้มอ่อนโยน หลี่เหวินปินยิ้มซื่อจริงใจยิ่ง กล่าวว่า “ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็เข้าร่วมการสอบเซียงซื่อปีหน้าได้แล้ว ด้วยความสามารถพี่อวิ๋นจิ่น ต้องชิงที่หนึ่งของการสอบประจำหนิงโจวเราได้อย่างแน่นอน”

หลี่เหวินปินกล่าวจบ สีหน้าเจิ้งจื้อซิ่งข้างๆ ก็เหมือนไม่พอใจ เม้มปากแน่น

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า “การสอบเซียงซื่อสอบติดมีชื่อขึ้นประกาศก็ไม่เลวแล้ว ไหนเลยจะคว้าตำแหน่งเจี่ยหยวน[1]ของหนิงโจวได้ หนิงโจวเรามีพยัคฆ์หลับใหลมังกรซ่อนเล็บ มีผู้มีความสามารถไม่เผยตัวกันมากมายที่กำลังรอแสดงตัวในการสอบเซียงซื่อปีหน้าอยู่”

วาจาเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเจิ้งจื้อซิ่งสีหน้าดีขึ้นไม่น้อย

ลู่เจียวยกน้ำชาเข้ามาวางตรงหน้าทุกคนเงียบๆ “ทุกท่านเชิญดื่มน้ำชา”

นางวางน้ำชาไว้ที่โต๊ะหนังสือ เททีละแก้วส่งให้ถึงมือแขกทีละคน

เจิ้งจื้อซิ่งรับน้ำชาไปพลางกล่าวขอบคุณ ลู่เจียวตอบกลับอย่างมีมารยาท จากนั้นก็เดินไปหน้าเตียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นถามว่า “จะให้ข้าเตรียมอาหารหน่อยไหม ตอนเที่ยงให้เพื่อนท่านพี่อยู่กินข้าวด้วยกัน?”

———————————————-

[1] ตำแหน่งเจี่ยหยวน ตำแหน่งที่หนึ่งของการสอบเซียงซื่อ ซึ่งเป็นการสอบระดับมณฑล

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท