ตอนที่ 166 ลัทธิชายเป็นใหญ่
ลู่เจียวกลับไม่ได้กล่อมให้พวกเขาเลี้ยงให้มากๆ แม้กล่าวว่าเลี้ยงปลิงหาเงิน แต่ในเรื่องนี้ต้องแบกรับความเสี่ยงด้วย อย่าได้สุดท้ายเลี้ยงตายหมดแล้วมาลงที่หัวนางคนเดียว
ลู่เจียวครุ่นคิดมองไปยังผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง กล่าวว่า “ปีแรกเลี้ยงน้อยหน่อยละกัน นอกจากความเสี่ยงมากอยู่สักหน่อยแล้ว ยังมีเรื่องตัวอ่อนปลิงจะไปเอามาจากไหน ปีแรกให้เลี้ยงตัวอ่อนปลิงก่อนจะเหมาะกว่า”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังคำพูดลู่เจียว รีบพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ งั้นภรรยาอวิ๋นจิ่นคิดว่าเลี้ยงเท่าไรจึงเหมาะสม”
“ลองก่อนสักสิบหมู่”
สิบหมู่เป็นจำนวนที่ทุกคนรับได้ ทุกคนในห้องพากันพยักหน้า
ลู่เจียวมองไปยังบรรดาคนในห้อง กล่าวว่า “ก่อนเลี้ยงปลิง ข้าต้องบอกทุกคนบางเรื่องก่อน ข้อแรก กรรมวิธีการเลี้ยงปลิงข้าสอนให้พี่รอง ให้เขารับหน้าที่เรื่องเลี้ยงปลิงทั้งหมด”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไม่คัดค้าน “ได้ แต่เอ้อร์จู้คนเดียวเกรงว่าจะยุ่งจนไม่ไหวไหม”
ลู่เจียวพยักหน้า “พี่รองจะแบ่งงานในมือให้อีกสองสามคนไปช่วย แต่ให้พี่รองเลือกคนเอง เขาถือเป็นผู้รับหน้าที่หลัก เหตุที่ให้พี่รองรับหน้าที่เรื่องนี้ ก็เพราะข้าคิดได้ว่า เรื่องเลี้ยงปลิงไม่ใช่เรื่องที่จะเลี้ยงวันสองวันก็สำเร็จ คิดดูว่าข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พบปะผู้ชายกับในหมู่บ้านบ่อยๆ คนรู้ก็ดี ว่าข้าสอนพวกเขาเลี้ยงปลิง คนไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดจาอะไรกันบ้าง”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างพอได้ฟังก็เข้าใจว่ามีเหตุผลนี้อยู่จริง
ลู่เจียวไม่รอให้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกล่าวอะไร ก็กล่าวต่ออีกว่า “เลี้ยงปลิงเป็นกระบวนการระยะยาว ต่อจากนี้ยังต้องมีเรื่องมากมายถามข้า ก็ให้พี่รองมาขอคำชี้แนะ เราครอบครัวเดียวกัน ไม่มีคนกล้าพูดจาเหลวไหล คนอื่นมาไม่เหมาะ”
พอลู่เจียวกล่าว ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็พยักหน้าเข้าใจ คนเขาสอนพวกเขาเลี้ยงปลิง อย่าได้สุดท้ายกลายเป็นหาเหาใส่หัว พวกเขารู้ว่าพวกสตรีสูงวัยในหมู่บ้านพวกนั้นปากเหม็นมากขนาดไหน
“ได้ แต่เอ้อร์จู้จะเรียนเป็นหรือ”
ผู้ใหญ่บ้านเป็นห่วงเซี่ี่ยเอ้อร์จู้เรียนไม่เป็น
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เลี้ยงปลิงไม่ยาก เดิมเขาก็เป็นคนทำนาเก่ง ทำไมจะเรียนไม่เป็น เรื่องนี้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอย่าได้เป็นห่วง”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พากันพยักหน้า ลู่เจียวกล่าวต่ออีกว่า “ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างอย่าได้เป็นห่วง ข้าจะบอกพี่รองว่า วันหน้าเคล็ดลับนี้เป็นเคล็ดลับประจำวงศ์ตระกูลเซี่ย วันไหนเขาเลี้ยงจนรู้สึกพอแล้ว ไม่อยากเลี้ยงแล้ว หรืออายุมากแล้ว ก็ให้เขาถ่ายทอดเคล็ดลับนี้ให้คนวงศ์ตระกูลเซี่ย สรุปคือให้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นไป”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างได้ฟังก็ยิ้มออกมาได้ในที่สุด ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ดีมาก
“ก่อนหน้านี้ภรรยาอวิ๋นจิ่นว่า หอยาเป่าเหอจะรับซื้อปลิง พวกเราต้องไปคุยกับเจ้าของร้านไหม หากลงนามสัญญากับพวกเขาได้ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็วางใจได้หน่อยหนึ่ง”
ลู่เจียวพยักหน้า “ได้ ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไปหาท่านจ้าวเจ้าของร้านได้เลย เชื่อว่าเขาจะเจรจากับพวกท่านอย่างดี”
ขอเพียงจ้าวหลิงเฟิงไม่โง่ ก็ย่อมรู้ว่านี่เป็นเรื่องดี
หลังจากโรงผลิตยาเปิดก็ต้องการตัวยาจำนวนมาก เขาควรส่งเสริมให้ชาวบ้านในหมู่บ้านเพาะปลูกสมุนไพรและเพาะเลี้ยงตัวยาถึงจะถูก
เพียงแต่ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ยิ้มมองนางกล่าวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่น หรือว่าเจ้าพาพวกเราไปคุยกับเจ้าของร้านหอยาเป่าเหอดีกว่าไหม”
“ใช่ พวกเราพอเห็นคนพวกนั้นก็เกร็ง ไม่รู้ควรเจรจาอย่างไร เจ้าพาพวกเราไปคุยดีกว่า”
ลู่เจียวไม่ทันได้ตอบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างๆ ก็ขมวดคิ้ว เขาอยากบอกว่าให้เขาไปเจรจาเอง เพียงแต่มองขาตนเองแล้วก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้เขายังเดินไม่ได้
ลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธ พอดีพรุ่งนี้นางต้องเข้าเมืองไปซื้อของ เป็นเพื่อนผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไปสักหน่อยก็ได้
“ได้ พอดีพรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองไปซื้อของ ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ไปกับข้าก็แล้วกัน”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างยิ้มทันที พากันพยักหน้า “งั้น พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน”
ลู่เจียวพยักหน้า กล่าวกับพวกเขาว่า “พรุ่งนี้หากเจรจาสำเร็จ ผู้ใหญ่บ้านก็เรียกประชุมเริ่มจับตัวอ่อนปลิง ก่อนจะขุดสระน้ำปูลาดด้วยก้อนหินไว้เลี้ยงตัวอ่อนชั่วคราว”
“ตกลง” ผู้ใหญ่บ้านตัดสินใจหนักแน่น จากนั้นก็เดินออกไปกับทุกคนอย่างยินดีปรีดา
ลู่เจียวกำลังจะลุกออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันยื่นมือไปคว้ามือนางไว้
ลู่เจียวอึ้งไป หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เห็นเพียงประกายแววตางดงามของเขามองนาง กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ขอบคุณเจ้าที่มอบโอกาสสร้างบุญคุณนี้ให้กับพี่รองข้า”
เดิมลู่เจียวเลือกชาวบ้านในหมู่บ้านสองสามคนมาเรียนเลี้ยงปลิงไปพร้อมกับพี่รองเขา แต่หากเป็นเช่นนั้น ที่คนอื่นจะซาบซึ้งใจก็คือลู่เจียว ไม่ใช่พี่รองเขา
ลู่เจียวมอบโอกาสสร้างบุญคุณนี้ให้กับพี่รองเขา ประการแรก วันหน้าพี่รองเขาย่อมมีสถานะไม่ต่ำต้อยในหมู่บ้านตระกูลเซี่ย วันหน้าชีวิตเขาก็จะไม่ทุกข์ทนอีก
คนอื่นไม่เข้าใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไหนเลยจะไม่เข้าใจ เพราะเข้าใจ ดังนั้นเขาซาบซึ้งใจเจตนารมณ์ของนาง
พร้อมกับเกิดความรู้สึกยิ่งหนักแน่นว่าลู่เจียวมีใจให้เขา เขาย่อมดีกับนางให้มากๆ
ลู่เจียวมีความคิดให้เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ได้สร้างบุญคุณจริง แต่ก็เพราะเห็นว่าเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ผู้นี้ซื่อสัตย์ จิตใจดีงาม ดังนั้นจึงทำเช่นนี้
แต่สายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่น เหมือนซาบซึ้งใจเกินไปไหมนะ ต้องขนาดนี้ไหม
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร คนดีอย่างพี่รองควรได้รับผลดีตอบแทน”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นลุ่มลึกยิ่งขึ้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ในใจยินดีอย่างมาก เห็นๆ ว่าเป็นเพราะเขา กลับพูดเสียเป็นเรื่องทรงคุณธรรมยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดอยู่ แต่มือกลับไม่ปล่อยลู่เจียว
ลู่เจียวมองคนผู้นี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ นางจำได้ว่าไม่นานนี้เขายังทำหน้าเหมือนกลัวนางเอาเปรียบเขา ตอนนี้เขาเป็นเช่นนี้ ถือว่าเอาเปรียบนางไหมนะ
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็อยากจะชักมือออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเอ่ยอีกว่า “รอให้ขาข้าหายดีก่อน วันหน้าเรื่องต้องออกไปออกหน้าออกตาก็มอบให้ข้าไปทำ ไม่ต้องให้เจ้าไปทำ”
ลู่เจียวรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดถึงเรื่องนางพาผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างไปคุยที่หอยาเป่าเหอ
ลู่เจียวเองไม่เท่าไร แต่หลังจากอยู่ร่วมกันมาระยะหลายวันนี้ นางรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นพวกลัทธิชายเป็นใหญ่ ไม่ค่อยชอบให้สตรีออกหน้าออกตาไปเกี่ยวข้องกับชายอื่นมากเกินไป นี่น่าจะเป็นความคิดของผู้ชายในยุคนี้
ลู่เจียวไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขามาก อย่างไรอีกไม่นานก็เป็นสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว พูดมากไปทำไมกัน
“เรื่องวันหน้าก็ค่อยว่ากันวันหน้าละกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหลือบขึ้นมองลู่เจียว ในช่วงเวลานี้ เขาได้เห็นกระจ่างชัดเจนว่า หญิงผู้นี้เป็นคนตรงมาก จิตใจก็ดีมาก และนางเชี่ยวชาญวิชาการแพทย์ วันหน้านางคงไม่อาจดูแลงานบ้านได้ทั้งวัน เขาเองก็จะไม่ห้ามนาง แต่วันหน้าหากขาเขาหายดีแล้ว นางจะรักษาอาการป่วยให้ใครอีก เขาก็จะไปเป็นเพื่อนนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดจบก็อารมณ์ดีอย่างมาก ใบหน้างามส่องประกาย
ลู่เจียวเห็นมือเขาคว้ามือนางไว้ไม่ปล่อย แอบนึกแปลกใจ หากไม่ได้รู้มาก่อนว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนนิสัยชอบเอาเปรียบสตรี นางก็คงสงสัยไปแล้วว่าเขากำลังเอาเปรียบนาง
แต่พอคิดถึงนิสัยคนผู้นี้ ก็ไม่คิดเช่นนี้อีก น่าจะไม่ตั้งใจกระมัง
ลู่เจียวคิดแล้วก็ดึงมือกลับลุกขึ้นเดินออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองนางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เบิกบานใจอย่างไม่อาจบรรยาย
นอกห้องโถง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำลังสอนเด็กๆ ในหมู่บ้านเรียนคัมภีร์สามอักษร ลู่เจียวมองต้าเป่าสอนหนังสือหน้าตาภาคภูมิอยู่ด้านหน้า รอยยิ้มบนใบหน้านางก็เผยออกมา มองเห็นพวกลูกทั้งสี่ทั้งเชื่อฟังทั้งน่ารัก นางก็อารมณ์ดี