ตอนที่ 173 ต้าเป่าจอมแสบ
ลู่เจียวกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดถึงหนอนในท้องทันที พยักหน้าเต็มแรง ท่านแม่ว่าต้องรักษาสุขอนามัย ไม่อาจกินของที่ไม่สะอาด ไม่อาจไม่ล้างมือก่อนกินข้าว เช่นนั้นตะเกียบที่พวกเขากินแล้ว ย่อมไม่อาจให้คนอื่นกิน
“ท่านแม่ พวกเราทราบแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มตาหยีแสดงท่าทางให้พวกเขากินข้าวต่อ
ทั้งครอบครัวกินกันเสร็จ ลู่เจียวก็เข็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปพักผ่อนในเรือนนอนตะวันออก
“แม้เจ้านั่งเก้าอี้เข็นได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ยามปกติก็ต้องนอนพักให้มากๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงอบอุ่นของลู่เจียว ก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยของนาง ความอบอุ่นในใจก็แผ่ซ่านกำจายออกมาไม่น้อย
สีหน้าเขาอ่อนโยนอบอุ่นเหลือคณา ไม่ได้เย็นเยียบดำทะมึนเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เป็นความกระจ่างคล้ายแสงตะวันสาดส่อง
“อืม ข้ารู้”
ลู่เจียวแนบตัวเข้าอุ้มเขาขึ้นนอนบนเตียง
ในวินาทีนั้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดยื่นมือออกไปกอดคอนางไว้ แต่สุดท้ายก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย พยายามกลั้นความร้อนในกายเอาไว้เต็มที่
เขาไม่อาจกล่าวความในใจตนเองได้ รอลู่เจียววางเขาลงบนเตียงแล้ว พอขยับตัวได้ก็หันหน้าไปนอนทันที
ลู่เจียวคิดว่าเขาง่วง ก็ไม่ได้คิดมาก หันหลังออกไปเก็บจานชาม
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยกของกินไปให้เสี่ยวเฮยกับฮวาฮวา
ลู่เจียวไม่ได้สนใจพวกเด็กๆ พวกเด็กๆ ปกติไม่ออกจากบ้านไปไหน ดังนั้นนางไม่เป็นห่วง
พอลู่เจียวล้างจานชามเสร็จ ก็เข้าไปฝึกคัดลายมือในเรือนนอนตะวันออก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียงหลับตานอนไปแล้ว เขาที่นอนหลับแลดูสงบนิ่ง ไม่มีกลิ่นอายเย็นเยียบอะไรอีก ราวกับคนงามกระจ่างผ่อนคลาย
ลู่เจียวมองเขา คิดถึงจุดจบเขาในนิยายแล้ว หันมามองสภาพเขาตอนนี้ พลันรู้สึกว่านางคงได้เปลี่ยนจุดจบของเขาและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ในนิยายไปแล้ว ตอนนี้พวกเขามองโลกแง่ดีและเปิดเผย น่าจะไม่เดินไปบนเส้นทางแบบเมื่อก่อนอีก
โดยเฉพาะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นมอบให้นางดูแล นางรับรองว่าจะสอนพวกเขาให้เป็นเด็กชายที่เปิดเผยและสง่างาม
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มฝึกคัดอักษรไป ไม่รู้เลยว่าผู้ชายบนเตียงไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยเพราะนางกำลังสนใจร่างกายเขาอยู่ เขาจึงนอนตัวแข็งทื่อ
ตอนลู่เจียวคัดอักษร ต้าเป่าก็แอบวิ่งเข้ามาในห้องหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาถามลู่เจียว “ท่านแม่ อักษรที่ท่านแม่ฝึกคัด ยังใช้อีกไหม”
ลู่เจียวมองแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ใช้แล้ว เจ้าจะเอาไปทำอะไร”
ต้าเป่ายิ้มลับๆ ล่อๆ กล่าวว่า “ข้าเอาไปใช้”
เขากล่าวจบก็เอากระดาษที่นางคัดอักษรวิ่งออกไป ลู่เจียวมองท่าทางลับๆ ล่อๆ ของเขาแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปมองนอกหน้าต่าง
นางมองเห็นนอกรั้วบ้าน เซี่ยหลานหยิบของสิ่งหนึ่งกำลังแลกกระดาษกับต้าเป่า
ลู่เจียวมีสีหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็คิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง สัญญาที่ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่าเกินกับหร่วนซื่อลงนามกับผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่าง เซี่ยหลานคงไม่ได้เอาของอะไรมาแลกกับต้าเป่ากระมัง
ต้าเป่ารู้ว่านั่นเป็นกระดาษที่นางคัดอักษร ถึงกับเอาไปแลกของกับเซี่ยหลาน
เจ้าหนูนี่แสบจริง ลู่เจียวเดินกลับมาอย่างนึกขำ ไม่คิดสนใจเขาอีก
นอกรั้วบ้าน เซี่ยหลานคว้าเอากระดาษที่ต้าเป่าส่งให้นางแล้วก็หันหลังวิ่งออกไป
เจ้าหนูสามคนด้านหลังก็เข้ามารุมล้อมต้าเป่า เห็นลูกอมในมือต้าเป่าก็กล่าวว่า
“พวกเราไม่กินลูกอมนาง นางเป็นคนไม่ดี”
ต้าเป่ายิ้มตาหยีมองเจ้าหนูน้อยสามคน กล่าวว่า “พวกเราไม่กิน ก็เอาไปให้เพื่อนๆ กินได้นี่ ลูกอมไม่กัดคนเสียหน่อย”
เจ้าหนูสามคนพอได้ฟังก็คิดว่าคำพูดนี้กล่าวได้ถูกต้อง
แต่พวกเขาแปลกใจมาก ต้าเป่าเอาอะไรให้เซี่ยหลาน
“เจ้าเอาอะไรให้นาง”
“กระดาษที่ท่านแม่คัดอักษร ท่านแม่ว่าไม่ใช้แล้ว”
ต้าเป่ากล่าวจบก็เก็บลูกอมที่เซี่ยหลานให้เขาอย่างดีใจ ตอนบ่ายจะได้เอาไปให้เพื่อนกินกัน ตอนนี้หลายคนในหมู่บ้านเป็นเพื่อนกับพวกเขา
เซี่ยหลานไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย นางเอาของที่ต้าเป่าให้นางกลับบ้านไปอย่างดีอกดีใจ
พอเซี่ยหลานกลับถึงบ้าน ก็เอากระดาษไปหาหร่วนซื่อท่าทางลับๆ ล่อๆ “ท่านแม่ ข้าได้มาแล้ว”
หร่วนซื่อยื่นมือออกไปแย่งมาอย่างตื่นเต้น แต่สองแม่ลูกไม่รู้หนังสือ ก็อ่านไม่ออกว่าที่เขียนอยู่นั้นไม่ใช่สัญญา
แต่แม้หร่วนซื่อไม่รู้หนังสือ ก็มองกระดาษในมือออกว่าไม่ถูกต้อง
บนกระดาษคืนนั้นเหมือนไม่ได้มีอักษรมากมายเช่นนี้ และกระดาษคืนวันนั้นยังมีลายนิ้วมือประทับของนางกับเซี่ยเหล่าเกิน ลายประทับนั้นสีแดงนะ บนกระดาษนี้ไม่มี
หร่วนซื่อรู้ว่าตนเองถูกหลอกแล้ว ก็โมโหยกมือตบท้ายทอยเซี่ยหลานทีหนึ่ง
“เจ้าโง่ ถึงกับถูกเด็กสี่ขวบหลอกเอาได้ นี่ไม่ใช่สัญญาที่ข้ากับท่านพ่อเจ้าพิมพ์ลายนิ้วมือ เป็นกระดาษอื่น วันนั้นพวกเราประทับลายนิ้วมือสีแดง บนกระดาษนี่ไม่มี”
เซี่ยหลานสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ กล่าวว่า “เจ้าลูกกระต่ายนั่นถึงกับกล้าหลอกข้า ดูซิว่าข้าจะสั่งสอนมันยังไง ข้ายังให้ลูกอมมันไปตั้งเยอะ”
เซี่ยหลานกล่าวจบ ก็โมโหหันหลังจะเดินออกไป “ข้าจะไปคิดบัญชีกับมัน”
หร่วนซื่อรีบคว้านางไว้ “เจ้าจะไปพูดอะไร เกิดพี่สามกับพี่สะใภ้เจ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา ข้ากับท่านพ่อเจ้าก็ซวยอีก เรื่องนี้เปิดเผยไม่ได้”
กล่าวจบนางก็มีสีหน้าแค้นจัด กล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าไปเอง ไม่เชื่อว่าจะเอาสัญญานั่นมาไม่ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งสองคนอยู่บ้าน คนหนึ่งนอน คนหนึ่งคัดลายมือ
ลู่เจียวคัดได้ครู่หนึ่ง ก็ไปล้างตัวให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เล็กน้อย ก่อนให้พวกเขาขึ้นเตียงนอนกลางวัน
ส่วนนางก็เข้าครัวต้มยาถ่ายพยาธิ ต้มติดกันสองหม้อ รอให้เด็กๆ ในหมู่บ้านมากัน ยาถ่ายพยาธิสองหม้อก็ต้มเสร็จพอดี
วันนี้เด็กๆ มีผู้ใหญ่มาส่ง แต่ละคนก็เอาชามมาเอง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลู่เจียวกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ นางช่วยต้มยาถ่ายพยาธิให้ได้ แต่ต้องเอาชามมาเอง ดังนั้นแต่ละครอบครัวจึงนำชามมาเอง ตักยาถ่ายพยาธิไปให้ลูกตนเองดื่ม
เมื่อวานตอนค่ำนอกจากเสี่ยวอวี๋ถ่ายพยาธิออกมาแล้ว เด็กคนอื่นก็ถ่ายออกมาด้วย ดังนั้นคนในหมู่บ้านต่างเชื่อเรื่องที่ลู่เจียวกล่าวกันหมดทุกคน
“ลำบากภรรยาอวิ๋นจิ่นแล้ว”
“ขอบคุณภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าเป็นดาวโชควาสนาของหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเราจริงๆ”
ทุกคนพูดคุยกันครึกครื้น แม้ว่าเด็กๆ ไม่อยากดื่มยา แต่พอคิดถึงหนอนในท้องก็ไม่มีใครไม่ดื่ม
ลู่เจียวเพิ่งแบ่งยาถ่ายพยาธิหมด ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็พาผู้ชายในหมู่บ้านมา
เพราะคนมากเกินไป เรือนนอนตะวันออกไม่มีที่ยืน ได้แต่ไปยืนกันในห้องโถง บางคนต้องไปยืนนอกหน้าต่างของเรือนนอนตะวันออก เพื่อที่จะได้ฟังการประชุมได้อย่างชัดเจน
นอกห้องโถง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำลังสอนเด็กๆ ในหมู่บ้านเรียนคัมภีร์สามอักษร
พอลู่เจียวเห็นเช่นนี้ วันนี้เกรงว่าไม่มีทางให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือกันอย่างเงียบสงบแล้ว ก็บอกกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่า “วันนี้เรียนถึงตรงนี้ก็พอ พรุ่งนี้ค่อยต่อ วันนี้แม่มีเรื่องคุยกับพวกท่านลุง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เชื่อฟังอย่างมาก รีบบอกให้เพื่อนไปเล่นของเล่นกันที่เรือนนอนตะวันตก
ทุกคนเดิมก็มองของเล่นพวกเขาตาเป็นมัน พอได้ยินว่าเจ้าแฝดสี่ให้พวกเขาเล่น ก็พากันวิ่งไปที่เรือนนอนตะวันตกอย่างดีใจ
ลู่เจียวไม่ได้สนใจพวกเด็กๆ แสดงท่าทางให้พวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตอนนี้นั่งอยู่บนเตียง ลู่เจียวนั่งอยู่ข้างเตียง ทุกคนในห้องพากันมองทั้งคู๋