ตอนที่ 176 ชายรูปหล่อ หญิงรูปงาม
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่โมโหจนไม่อยากพูดอะไร แต่พวกเขายังจำคำสอนท่านแม่ได้ ไม่อาจเอาเรื่องกับผู้อาวุโส
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อารมณ์ไม่ดี ยกชามข้าวขึ้นคิดลงจากโต๊ะไปกินข้างนอก ไม่อยากมองหน้าท่านย่า
น่าเสียดายหร่วนซื่อไม่รู้ตัว เห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยกชามคิดจากไป นางรีบทำหน้าดุอบรมว่า “นั่งดีๆ เด็กๆ กินข้าวไม่นั่งนิ่งๆ ใช้ได้ที่ไหนกัน”
นางกล่าวจบหันไปมองลู่เจียวอบรมว่า “เจ้าสอนพวกเขาอย่างนี้หรือ ดูซิสอนจนพวกเขาเป็นอย่างไรไปแล้ว”
หร่วนซื่อกินไปพูดไป อาหารในปากก็พ่นออกมา ยามนี้ไม่เพียงแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นนางแล้วไม่อยากกินข้าว แม้แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ไม่อยากกินแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสะกดกลั้นความรังเกียจในใจลง ถามอย่างช้าๆ ว่า “ท่านแม่ ท่านมามีธุระอะไร”
หร่วนซื่อได้ฟังก็รีบฉีกยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “แม่อยู่บ้านก็คิดถึงว่า ภรรยาเจ้าคนเดียวเกรงว่าดูแลพวกเจ้าหลายคนไม่ไหว ดังนั้นแม่เลยมาช่วยงานพวกเจ้าไง”
หลักๆ ก็คือนางไม่วางใจสัญญานั่น คิดมาหาที่บ้านเจ้าสาม ของนั่นทำเอาวางใจไม่ลงจริงๆ
แต่หร่วนซื่อไม่ได้เอ่ยถึง เพียงแต่แสดงท่าทีห่วงใยลูกชาย ต้องการช่วยงานลูกสะใภ้
แต่ไม่รู้เลยว่าพอนางพูด ลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็หน้าเบ้
ลู่เจียวเริ่มคิดถึงเรื่องเซี่ยเหล่าเกินกับแม่หม้ายหวัง ทำไมยังไม่ปะทุออกมา หากปะทุออกมา แม่สามีนางยังมีเวลามาระรานบ้านพวกนางอีกหรือ
แต่เพราะหร่วนซื่อไม่ได้ระรานไร้เหตุผล แม้ลู่เจียวไม่ชอบ ก็ไม่อาจทำอะไรนางได้
หลังอาหารเช้า ลู่เจียวก็เก็บจานชามไปล้างในครัว หร่วนซื่อยกเก้าอี้มานั่งหน้าประตู เหมือนผู้บัญชาการจะสั่งการอย่างไรอย่างนั้น
“แม้ว่าพวกเจ้าอายุน้อย แต่ก็ควรทำงานได้แล้ว พวกเราคนบ้านนอก ไหนเลยจะไม่ทำงานได้”
หร่วนซื่อกล่าวจบ ก็แนะว่า “ต้าเป่า ไปเทน้ำหวานมาให้ย่าหน่อย”
“เอ้อร์เป่า ย่าเมื่อยไหล่ มานวดให้หน่อย”
“ซานเป่า ไปเอาไม้กวาดมากวาดลานบ้าน ดูสิสกปรกขนาดไหนแล้ว”
“ซื่อเป่า เอาแพะนั่น เรียกว่าแพะกระมัง เอามันออกไปกินหญ้า”
หร่วนซื่อกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ยืนนิ่ง เหมือนไม่ได้ยิน ไม่ใช่พวกเขาไม่ยอมทำ เพราะปกติพวกเขาก็ช่วยลู่เจียวล้างชามยกน้ำอะไรอยู่แล้ว
แต่เห็นหร่วนซื่อสั่งการเหมือนนายหญิงให้พวกเขาทำงาน พวกเขาก็ไม่อยากทำ
หร่วนซื่อเห็นพวกเขาไม่ขยับ สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนทันที นางโมโหถลึงตาจ้องเจ้าแฝดสี่ กำลังคิดระเบิดโทสะ
ลู่เจียวก็ออกมาจากครัว มองนางด้วยสีหน้านิ่ง กล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ได้บอกว่าจะมาช่วยงานข้าหรือ ทำไมตอนนี้ให้พวกลูกทั้งสี่ทำ พวกเขาตัวแค่นี้จะทำอะไรได้ ทำไมท่านแม่ไม่ทำ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ยิ้มตาหยีมองไปยังหร่วนซื่อกล่าวว่า “ท่านแม่ อีกสักครู่ช่วยข้ากวาดลานบ้านด้วย กวาดเสร็จก็ไปผ่าฟืนที่หน้าประตูครัว กรงหมาก็ควรต้องปัดกวาดด้วย ท่านแม่ผ่าฟืนเสร็จก็ล้างกรงหมาด้วยนะ”
ลู่เจียวกล่าวจบหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่อยู่ไม่ไกลนัก กล่าวว่า “รีบไปให้อาหารเสี่ยวเฮยกับฮวาฮวาอีกเดี๋ยวท่านย่าเจ้าจะทำความสะอาดกรงหมา”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบส่งเสียงดัง “ท่านแม่ พวกเราทราบแล้ว”
เอ้อร์เป่ายังถือโอกาสแลบลิ้นให้หร่วนซื่อ ปลิ้นตาอีกที จากนั้นก็กล่าวเสียงดังว่า “ท่านย่า ขอบคุณท่านย่าที่มาทำความสะอาดกรงหมาให้บ้านพวกเรา”
หร่วนซื่อแทบกระอักเลือด โมโหหันไปถลึงตาจ้องลู่เจียวแต่กลับไม่กล้ามีเรื่อง เพราะที่นางกับเซี่ยเหล่าเกินประทับลายนิ้วมือไว้ ยังอยู่ในมือเจ้าสาม
ลู่เจียวไม่สนใจหร่วนซื่อ ก้าวเท้าไปยังเรือนนอนตะวันออก นางจะไปเรียนหนังสือร้อยสกุลแซ่กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น หนังสือร้อยสกุลแซ่ลู่เจียวท่องได้ ที่นางเรียนหนังสือร้อยสกุลแซ่กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น หลักๆ ก็เพื่อรู้ตัวหนังสือ
ในเรือนนอนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก แต่ไม่ได้ตำหนิลู่เจียว เห็นนางเข้ามา เขาก็ยกมือเรียกให้ลู่เจียวมาเรียนหนังสือร้อยสกุลแซ่
ลู่เจียวเดินถึงโต๊ะหนังสือก็นั่งลง แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งเก้าอี้เข็น แต่ทั้งสองคนก็นั่งติดกัน
ลู่เจียวมักรู้สึกว่าทั้งสองคู่ใกล้กันเกินไป ดังนั้นพอนางนั่งลงแล้ว ก็จะขยับเก้าอี้ไปอีกทางด้วยสัญชาตญาณ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นท่าทางนาง ก็คิดว่านางอาย เขาอดยิ้มไม่ได้ แววตาดำขลับกระจ่างใสมองนาง แม้แต่วาจาที่กล่าวออกมาก็ยังมีความนุ่มละมุนอ่อนโยนอย่างกับแม่เหล็กดึงดูดโดยไม่รู้ตัว เหมือนอมแม่เหล็กไว้ในปากมาก่อนหน้า
“เป็นอะไรไปหรือ”
ลู่เจียวรีบส่ายหน้าอึดอัดไปหมด แอบคาดเดาว่า คนผู้นี้คิดล่อลวงนางหรือ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาทำไมจึงพัฒนามาเป็นเช่นนี้ได้ ไม่ใช่บอกว่าจะหย่าหรือ
ลู่เจียวคิดไม่ออกว่าเกิดปัญหาตรงไหน แต่นางตั้งใจจะเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นสักหน่อย
ลู่เจียวกำลังจะพูด หร่วนซื่อก็ก้าวเข้ามา พอเข้ามาก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั่งอยู่ด้วยกัน
สีหน้าหร่วนซื่อก็บึ้งตึงทันที แม้ว่าทั้งสองคนนั่งด้วยกันแล้วงดงามมาก แต่หร่วนซื่อกลับอารมณ์ไม่ดี
ลู่เจียวเป็นสะใภ้ที่ไม่ดีและไม่กตัญญู นางไม่ต้องการ
หร่วนซื่อครุ่นคิดแล้วก็ทำหน้าร้องไห้กล่าวว่า “เจ้าสาม เจ้าดูภรรยาเจ้า ถึงกับให้แม่กวาดลานบ้านล้างกรงหมา ใช้ได้ที่ไหนกัน”
หร่วนซื่อไม่กล้ามีเรื่องกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว แม้ว่าในใจนางคั่งแค้นแทบทนไม่ไหวแล้ว หลายปีมานี้ไม่เคยเสียทีเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ได้แต่กัดฟันกลืนลงท้องไปก่อน หร่วนซื่อคิดไปก็ทำตาแดงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไป หวังให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ออกหน้าแทนนาง
น่าเสียดาย เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพียงแค่เงยหน้ามองหร่วนซื่อ กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ไม่ใช่ว่าท่านแม่ว่าจะช่วยงานนางหรือ”
วาจาเดียวทำเอาความอัดอั้นน้อยใจของหร่วนซื่อตีกลับคืนไป หร่วนซื่อมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในใจรังเกียจแทบทนไม่ไหว
กล่าวตามจริง เจ้าสามเกิดมา นางก็ไม่ชอบ ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันแม้แต่น้อย ไม่อยากแม้แต่จะเข้าใกล้เขา ต่อมาบิดามารดาสามีถึงกับคิดเอาเขาไปเลี้ยง ทำเอานางยิ่งโมโห
ในใจหร่วนซื่อนั้น คนที่รังเกียจที่สุดก็คือบิดามารดาสามีตนเอง เพราะตอนนั้นที่นางคิดแต่งกับเซี่ยเหล่าเกิน บิดามารดาสามีนางไม่เห็นด้วย ยังบอกกับเซี่ยเหล่าเกินว่าผู้หญิงอย่างนางไม่ใช่ภรรยาที่ดี วันหน้าจะเป็นเหตุหายนะของครอบครัว
ตอนนั้นเพื่อแต่งกับเซี่ยเหล่าเกิน นางไม่สนใจอะไรทั้งนั้นก็ต้องล่อลวงเขาให้ได้ ที่เซี่ยเหล่าเกินยืนยันจะแต่งกับนางก็เพราะอายุน้อยได้ลิ้มลองผลไม้ต้องห้ามครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่สนใจบิดามารดา ต้องแต่งกับนางให้ได้
หลายปีผ่านไป หร่วนซื่อนึกถึงที่ตนเองทำในตอนนั้นแล้ว ในใจก็คั่งแค้นบิดามารดาสามีที่จากไปแล้วมาก
ในห้อง เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจหร่วนซื่ออีก หันไปสอนหนังสือร้อยสกุลแซ่ลู่เจียว
“เมื่อวานพวกเราอ่านถึงตรงนี้ ข่ง เฉา เหยียน หวา จิน เว่ย เถา เจียง เจ้าอ่านให้ข้าฟังรอบหนึ่ง”
ลู่เจียวไม่มองหร่วนซื่อที่หน้าประตูห้องแม้แต่น้อย ทำตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นบอก อ่านที่เขาสอนเมื่อครู่รอบหนึ่ง
หน้าประตูห้อง หร่วนซื่อเห็นทั้งสองคนไม่เห็นนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ในใจก็โมโหเดือดดาลคิดจะด่าทอกันไปข้างหนึ่ง แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้ได้ นางหันหลังเดินออกไป
แต่ไม่ได้ไปจากบ้านเซี่ยอวิ๋นจิ่น หากไปนั่งหน้าประตูครัวด่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
เพียงแต่นางกล้าด่าแค่ในใจ กล้าด่าออกมาเสียที่ไหน