ตอนที่ 180 ลู่เจียวงามจริง
ลู่เจียวสีหน้าไม่ดีนัก นี่เป็นอาวุโสมาจากไหน ทำมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อะไรกัน
ลู่เจียวครุ่นคิด สีหน้าไม่เป็นมิตรนัก กล่าวว่า “ขอโทษ อาการป่วยท่านข้ารักษาไม่ได้”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ ท่านป้าก็ขมวดคิ้วไม่พอใจทันที ถลึงตาใส่ลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้ายังไม่ได้ตรวจ ทำไมก็บอกว่ารักษาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าวิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจมากหรือ”
ลู่เจียวเลิกคิ้วมองแม่เฒ่าร่างผอม “วิชาการแพทย์ร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่อาจรักษาได้ทุกโรค หากท่านคิดรักษา ก็ไปรักษาในเมืองเถอะ”
นางกล่าวจบก็ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ ไล่แขกทันที “เอาละ พวกท่านกลับไปได้แล้ว”
สีหน้าสองผู้เฒ่าแปรเปลี่ยนทันที หญิงชราทรุดนั่งลงกับพื้นทันที แผดเสียงร้องไห้ดังลั่น “วันนี้เจ้าไม่รักษาให้ตาแก่ข้า ข้าไม่ไป”
หญิงชรากล่าวจบยังดึงชายชรา สองคนนั่งกองกับพื้นร่วมร่ำไห้กับพื้น
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร หร่วนซื่อข้างๆ ก็มองลู่เจียวอย่างสะใจกับหายนะนาง “โอ๊ย ไม่ใช่ว่าเป็นหมอเทวดาหรือ อาการป่วยแค่นี้ก็รักษาไม่ได้ ยังจะเรียกหมอเทวดาอะไร”
เสียงเคลื่อนไหวในลานบ้าน ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตกใจ พ่อลูกพากันเออกมาปกป้องลู่เจียว
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบกวาดตามองหร่วนซื่อ หร่วนซื่อไม่กล้าพูดต่ออีก เขายังหันไปมองลู่เจียวถามว่า “นี่เกิดอะไรขึ้น”
ลู่เจียวชี้ไปทางคนที่ระเบิดอารมณ์บนพื้น กล่าวว่า “ข้าว่ารักษาไม่ได้ก็มาร้องไห้ใส่”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเคร่งเครียดทันที หันไปทางสองผู้เฒ่ายิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า “นี่เห็นว่าบ้านเซี่ยข้ารังแกง่ายใช่ไหม ถึงกับแล่นมาก่อเรื่องถึงบ้านข้า น่าแค้นใจนัก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็มองไปยังต้าเป่าออกคำสั่งว่า “ต้าเป่า ไปตามพี่หู่จื่อข้างบ้านมา ขอให้เขาไปที่ว่าการอำเภอ บอกว่ามีคนแล่นมาหาเรื่องที่บ้านเรา ขอใต้เท้านายอำเภอส่งทหารมาจับตัวคนก่อเรื่องไปลงโทษที่ที่ว่าการอำเภอ”
ต้าเป่ารับคำก็จะวิ่งออกไป
สองผู้เฒ่าบนพื้นพอได้ฟังก็ตกใจ ตะกายลุกขึ้นหนีไป ตาแก่ขาไม่ดี เกือบล้มจับกบ
ทั้งสองคนวิ่งไปถึงประตูก็หันกลับมาด่าใส่ด้านใน “หมอเทวดาอะไร หมอเทวดาขี้หมา แม้แต่โรคเล็กน้อยก็รักษาไม่ได้ ยังมีหน้าเรียกหมอเทวดา ข้าว่าพวกต้มตุ๋นมากกว่า”
“ฮึ ข้ากลับไปก็จะบอกคนอื่นๆ ให้พวกเขาวันหน้าอย่ามารักษาที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ย ล้วนเป็นพวกต้มตุ๋น”
ทั้งสองคนด่าไปเดินไป ลู่เจียวด้านหลังโมโหเดือดดาล “คนอะไรกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนาง ค่อยๆ กล่าวว่า “เจ้ามานี่”
ลู่เจียวมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ขยับ “มีอะไรก็ว่ามา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาหม่นลง เข็นเก้าอี้เข็นไปข้างกายลู่เจียว ลู่เจียวเห็นเขาเข็นเก้าอี้อย่างยากลำบาก ก็เดินไปข้างกายเขา ก้มลงมองเขา “ว่ามา เรื่องอะไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือกระดิกนิ้วเบาๆ บอกให้ลู่เจียวก้มหน้าลงมา
ลู่เจียวเห็นท่าทางเขา ก็รู้ว่าเขาน่าจะมีอุบายร้ายอะไร เพราะทุกครั้งที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นออกอุบายให้นางมักจะมีท่าทางเช่นนี้
ลู่เจียวตื่นเต้นขึ้นมามันที ก้มหน้าเข้าใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปกระซิบที่หูนางว่า
“เจ้าอาศัยโอกาสนี้ประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเจ้าโมโห จะไม่รักษาอาการป่วยให้ใครอีกแล้วได้”
ลู่เจียวได้ฟังดวงตาก็เปล่งประกาย ใช่แล้ว นางบอกว่าตนเองถูกทำให้โมโห วันหน้าจะไม่รักษาโรคอีกแล้ว
“ได้ จัดการตามนี้”
ลู่เจียวสีหน้ามีรอยยิ้มผุดขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางอารมณ์ดี สีหน้าก็ดีขึ้นตามอย่างไม่อาจระงับ
หร่วนซื่อไม่ไกลนักเห็นท่าทางของทั้งสองคน อย่าได้กล่าวว่าขัดหูขัดตาเพียงใด แทบจะพุ่งเข้าไปจับพวกเขาแยกกัน
แต่แม้ว่าไม่เข้าไปแยกพวกเขา สีหน้าก็กลับเย็นเยียบไม่พอใจ กล่าวว่า “กลางวันแสกๆ ไร้ธรรมเนียมแท้ ทำตัวเหมือนอะไร”
ลู่เจียวเงยหน้าขึ้นทันที ยิ้มมองหร่วนซื่อกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านทำไมไม่ไปจัดการของในห้องครัว ท่านไม่ได้บอกว่าจะช่วยข้าทำงานหรือ ท่านทำอะไรบ้างแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันเดินไปที่มุมครัวหยิบไม้กวาดมายัดใส่มือหร่วนซื่อ
“มา ช่วยข้ากวาดลานบ้านให้สะอาด”
หร่วนซื่อโมโหจนอ้าปากจะด่า แววตาลู่เจียวเย็นเยียบ กล่าวเสียงสูงดัง “ท่านจะกวาดไม่กวาด”
หร่วนซื่อรู้สึกกลัว คว้าไม้กวาดมากวาดลานบ้านด้วยสัญชาตญาณ แต่กวาดได้สองสามทีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง นางเป็นแม่สามี ทำไมต้องฟังคำสะใภ้ ยังให้นางกวาดลานบ้าน ทำไมนางไม่ไปตายเสีย
หร่วนซื่อโยนไม้กวาดทิ้ง หันไปคิดด่าลู่เจียว
แต่ลู่เจียวหายตัวไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เข้าห้องไปกันแล้ว
หร่วนซื่อเห็นว่าตอนเที่ยงนี้ให้ตนเองมากวาดลานคนเดียว ลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานๆ ไม่รู้จักทะนุถนอมนางเลย หร่วนซื่อโมโหจนใจกระตุก หน้ามืดแทบจะเป็นลม
นางหันเดินไปยังห้องโถง คิดจะจับคนสักคนมาด่าสักที
ผู้ใดจะรู้ว่านอกลานมีเด็กๆ ในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยมากันแล้ว พวกเด็กๆ ทั้งสี่เริ่มสอนแล้ว
ในนี้ถึงกับยังมีหลานผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างด้วย หร่วนซื่อไหนเลยจะกล้าด่าคน หากด่าคน เด็กๆ พวกนี้กลับไปพูดตาม นางกลัวว่าจะซวยอีก
หร่วนซื่อกลืนโทสะลงท้องเฮือกเดียวไปอย่างรวดเร็ว หอบหายใจแทบไม่ทัน แทบจะสะบัดหน้ากลับบ้าน
แต่พอคิดถึงสัญญาฉบับนั้นขึ้นมา นางก็อดทนไว้ ไม่ได้ นางต้องได้สัญญานั่นมาก่อน
เดิมนางคิดพูดจากับเจ้าสามดีๆ ให้เขามอบสัญญาให้นาง ตอนนี้ดูท่าไม่ได้แล้ว
ในเมื่อเปิดเผยไม่ได้ งั้นก็แอบซ่อน นางแอบเข้าไปหาในเรือนนอนตะวันออกเองก็ได้
หร่วนซื่อครุ่นคิดก่อนจะเดินไปนอกประตูเรือนนอนตะวันออกเงียบๆ เห็นว่าเรือนนอนตะวันออกมีลู่เจียวนั่งคัดอักษรอยู่
ในห้องเก่าๆ ผู้หญิงนั่งตัวตรง ใบหน้าผอมลงกว่าเมื่อก่อน ถึงกับงามอย่างไม่อาจบรรยาย ผิวพรรณขาวผ่องใส ขนตายาวหนา ยามหลุบตาก็เหมือนพัดน้อยๆ สองอัน
แม้ว่าหร่วนซื่อรังเกียจลู่เจียว แต่ในนาทีนี้ถึงกับมองอึ้งไป นางจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ลูกสะใภ้สามถึงกับหน้าตางดงามเช่นนี้ แม้ว่าตอนนี้ยังอ้วนอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลต่อความงามของนางแม้แต่น้อย
หร่วนซื่อเห็นลู่เจียวก็อารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว ในใจก็แอบด่าทอลู่เจียวรุนแรงพลางนึกถึงสัญญา นาง ครุ่นคิดรวดเร็วว่าจะหลอกลู่เจียวออกไปจากเรือนนอนตะวันออกได้อย่างไร
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสอนหนังสืออยู่ในห้องโถง หากลู่เจียวออกมา นางก็เข้าไปหาของได้ ไม่เชื่อว่านางจะหาสัญญานั่นไม่เจอ
เซี่ยหลานไม่รู้ แต่ใช่ว่านางไม่รู้ นางจำได้ว่าสัญญานั่นมีรอยประทับนิ้วมือสีแดงของนางกับตาแก่
ขณะหร่วนซื่อกำลังคิดอยู่ เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ก็ก้าวเข้ามาจากนอกรั้วบ้าน พอหร่วนซื่อเห็นก็เหมือนคิดอะไรได้ หันหลังวิ่งเข้าไปในเรือนนอนตะวันออก กล่าวกับลู่เจียวที่กำลังคัดอักษรอยู่ว่า “สะใภ้สาม เอ้อร์จู้มา เหมือนเขามีเรื่องหาเจ้า”
ลู่เจียวได้ฟัง ก็มองหร่วนซื่อสีหน้าแปลกใจ นี่แม่สามีไม่รู้คิดอะไรขึ้นมาได้อีก แต่นางขี้เกียจจะสนใจอีกฝ่าย
ลู่เจียวลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้อง เพิ่งเดินไปถึงห้องโถง ก็เห็นเซี่ี่ยเอ้อร์จู้เดินมา
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้มองลู่เจียวกล่าวว่า “น้องสะใภ้สาม สระเลี้ยงปลิงชั่วคราวทำเสร็จแล้ว เจ้าจะไปดูหน่อยไหม”
น้องสะใภ้สามไม่มาดูด้วยตนเอง ในใจเขาก็แอบไม่วางใจ