ตอนที่ 181 เซี่ยซานโก่ว
ลู่เจียวเองก็มิได้ปฏิเสธ ในเมื่อตัดสินใจจะสอนเขาแล้ว ก็ต้องสอนเขาให้เป็น
“ได้ ข้าไปดูกับพี่รอง”
ทั้งสองคนพูดไปก็เดินออกนอกรั้วบ้านไป หร่วนซื่อมองทั้งสองจากไปผ่านทางหน้าต่าง ก็รู้สึกดีใจมาก รีบหันกลับไปหาสัญญาในเรือนนอนตะวันออก
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวออกไปดูสระเลี้ยงปลิงกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ ท่านแม่ตนเองในเรือนนอนตะวันออกยังไม่ออกมา
คิ้วเซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวเขาก็เดาออกว่าท่านแม่ตนเองทำอะไรในเรือนนอนตะวันออก เกรงว่าก็คงจะหาสัญญาอยู่ในเรือนนอนตะวันออก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกขำมาก ของชิ้นนั้นเขามอบให้ ลู่เจียวไปแล้ว และเขารู้ว่าลู่เจียวไม่ได้เก็บสัญญาไว้ที่เรือนนอนตะวันออก ดังนั้นท่านแม่ตนย่อมหาไม่เจอ
แต่แม้เป็นเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยังคงนึกรังเกียจการกระทำของหร่วนซื่อ มาค้นหาของในบ้านลูกชายใช้ได้ที่ไหนกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด มองไปยังต้าเป่ากล่าวว่า “ต้าเป่า ไปเอาตำราต้าเสวียบนโต๊ะในเรือนนอนตะวันออก มาให้ท่านพ่อหน่อย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แม้ว่าเพิ่งเริ่มเรียนหนังสือร้อยสกุลแซ่ แต่ตำราต้าเสวียซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตำราขงจื่อ พวกเขาก็รู้จัก ตอนเซี่ยอวิ๋นจิ่นอ่านหนังสือก็เคยเอ่ยถึงกับพวกเขา ดังนั้นต้าเป่าพอได้ฟังท่านพ่อสั่ง ก็รีบลุกวิ่งไปเรือนนอนตะวันออกหาตำรา
พอเขาเข้าไปก็เห็นหร่วนซื่อกำลังค้นหาของอยู่ในเรือนนอนตะวันออก ต้าเป่าสีหน้าไม่ดีทันที ส่งเสียงดังขึ้น “ท่านย่า ท่านค้นหาอะไร”
หร่วนซื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา ใบหน้าแก่ชราก็แข็งค้างทันที แต่ก็ทำทีแสร้งเป็นเก็บของอย่างรวดเร็ว ยังพูดไปด้วยว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร อะไรเรียกว่าข้าค้นหาของ ข้ากำลังเก็บกวาดให้พวกเจ้าอยู่”
ต้าเป่าไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่รู้ความ ในทางกลับกันเขายังฉลาดมาก ดังนั้นเขาย่อมไม่เชื่อคำพูดของหร่วนซื่อ
เขาหันหลังวิ่งกลับไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ส่งเสียงเรียก กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านย่าค้นหาของอยู่ในบ้านพวกเรา ”
ต้าเป่ากล่าวจบ เอ้อร์เป่าก็กระโดดลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในเรือนนอนตะวันออกมองหร่วนซื่อกล่าวว่า “ท่านย่า หากเอาไปไม่บอกคือขโมย ท่านคือขโมย”
ซานเป่ารีบเสริมว่า “ท่านย่า ท่านคิดขโมยของอะไรในบ้านพวกเรา”
ซื่อเป่ากล่าวทันทีว่า “คิดจะขโมยของอร่อยของบ้านพวกเราใช่ไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวจบ เด็กๆ นอกห้องโถงก็พากันส่งเสียงเซ็งแซ่ “สวรรค์ ท่านย่าต้าเป่าถึงกับเป็นขโมย”
“นางเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมมาขโมยของบ้านคนอื่นอีก”
“เดิมนางก็เป็นคนเลว คนเลวก็ย่อมขโมยของ”
หร่วนซื่อโมโหสีหน้าดำทะมึนขึ้นมาทันที ยืนอยู่หน้าประตูเรือนนอนตะวันออก สองมือเท้าเอวส่งเสียงด่าเด็กทั้งกลุ่มว่า “ขโมยพ่อขโมยแม่เจ้าสิ นี่เป็นบ้านลูกชายข้า แม่ต้องการอะไรก็หยิบไปได้ อะไรคือขโมย”
ต้าเป่ารีบส่งเสียงเตือนหร่วนซื่อ “ท่านย่า ตอนเอาต้องบอกสักคำ ท่านไม่บอกก็คือขโมย”
หร่วนซื่อโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว ยิ่งมองต้าเป่าก็ยิ่งแค้นใจ ยกมือคิดตีต้าเป่า
เอ้อร์เป่าส่งเสียงดังขึ้นทันที “ต้าเป่า นางจะตีเจ้าแล้ว หนีเร็ว”
ต้าเป่าหันหลังวิ่งหนี หร่วนซื่อฟาดเอาอากาศ นางหันไปถลึงตาจ้องใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เซี่ยซานโก่ว เจ้าสอนลูกชายเจ้าเช่นนี้หรือ”
เด็กๆ ทุกคนในห้องโถงต่างอึ้งสนิทไปหมด รวมทั้งเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ทุกคนต่างคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นร้ายกาจมาก ไม่เพียงแต่เรียนหนังสือเก่ง หน้าตาก็หล่อเหลา แม้แต่ชื่อก็ไพเราะ ตอนนี้หร่วนซื่อถึงกับเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่าเซี่ยซานโก่ว
เด็กๆ ตกใจพากันอึ้งไป เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองหน้ากันทันที เซี่ยซานโก่วนี่ใคร คงไม่ใช่ท่านพ่อของพวกเขากระมัง
สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบอย่างไม่อาจบรรยาย แววตาดำทะมึนมองหร่วนซื่อกล่าวว่า “ดูท่าท่านแม่คงอยากจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ยแล้วจริงๆ”
หร่วนซื่อสีหน้าแปรเปลี่ยน หันหลังวิ่งออกไปทันที วิ่งไปแต่ก็ยังไม่ลืมด่าไปว่า “เซี่ยซานโก่ว เจ้าคนใจดำ รู้แต่แรกว่าเจ้าเป็นลูกอกตัญญูเช่นนี้ ตอนนั้นข้าควรจับเจ้ากดถังส้วมตายไปเลย”
หร่วนซื่อกล่าวจบก็วิ่งหนีไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังนั่งอยู่กับที่เปล่งกระแสเยียบเย็นทะลักออกมา
เด็กๆ ตกใจพากันเงียบกริบไปหมด
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่กลัวเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก้าวเข้าไปปลอบใจบิดาตนเอง
“ท่านพ่อ ท่านอย่าโมโห ท่านย่าไปแล้ว”
“วันหน้าบ้านพวกเราก็ไม่ให้นางมาอีก”
“ใช่ นางมาบ้านพวกเราอีก ข้าก็จะเฝ้านางไว้ ไม่ให้นางขโมยของบ้านพวกเราได้”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ปลอบใจ สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อบอุ่นขึ้นมาก เขากำลังคิดหันกลับไปสอนหนังสือให้พวกลูกทั้งสี่ต่อ
ไม่คิดว่าซื่อเป่าปากไว ถามว่า “ท่านพ่อ เดิมท่านชื่อเซี่ยซานโก่วหรือ”
ใบหน้าอบอุ่นเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันแข็งค้างไปนาน ก่อนจะกัดฟันกรอดกล่าวว่า “รีบไปเรียนหนังสือ”
ตอนเซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ได้ไปเรียนในสำนักศึกษาส่วนตัว เขาชื่อเซี่ยซานโก่ว ต่อมาพอไปเรียน อาจารย์ก็เปลี่ยนชื่อให้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ตอนเขาเพิ่งเข้าสำนักศึกษา คนในหมู่บ้านไม่น้อยยังเรียกว่าซานโก่วๆ ต่อมาพอเขาสอบถงเซิงได้ จู๋จ่าง ก็สั่งให้คนในหมู่บ้านห้ามเรียกเขาว่าซานโก่วอีก วันหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็จะสอบเป็นซิ่วไฉ เป็นจวี่เหริน จะเรียกซานโก่วอีกได้อย่างไร ดังนั้นพอนานวันเข้า ทุกคนก็ต่างลืมชื่อเดิมเขากันหมดแล้ว
คิดไม่ถึงว่าวันนี้ถูกหร่วนซื่อเปิดโปง เรื่องนี้ทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นอึดอัดทำอะไรไม่ถูก
เด็กๆ ในห้องโถงต่างพากันแปลกใจ ที่แท้ท่านอาซิ่วไฉที่ร้ายกาจ ก็มีชื่อเล่นเหมือนพวกเขา เซี่ยซานโก่ว ฮ่าๆ
แม้ว่าพวกลูกทั้งสี่ตั้งใจเรียนหนังสือ แต่ก็แอบเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่เป็นระยะ เหมือนกับมองของประหลาดอะไรสักอย่าง
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นอึดอัด แต่ก็ไม่ได้ระเบิดโทสะกับเด็กๆ แต่พอถูกเด็กๆ มองมาเรื่อยๆ เขาก็เริ่มรำคาญแล้ว ออกคำสั่งไปทันทีว่าวันนี้เรียนถึงตรงนี้ พรุ่งนี้ค่อยเรียนต่อ
เด็กๆ ต่างร้องตะโกนอย่างดีใจ พากันเก็บหนังสือในมือ วิ่งออกจากโถงบ้านตระกูลเซี่ยไปอย่างดีใจ
แต่หากตั้งใจฟัง จะได้ยินพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างคึกคัก
“ที่แท้ท่านอาเซี่ยสามมีชื่อเล่นว่าเซี่ยซานโก่ว”
“ท่านอาสามมีชื่อเล่นเหมือนพวกเรา”
“งั้นถ้าข้าเรียนหนังสือ ก็จะเปลี่ยนชื่อให้ไพเราะได้ใช่ไหม”
“น่าจะได้นะ”
ในห้องโถง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองสีหน้าไม่ดีนักของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็พากันวิ่งเข้าไปปลอบใจท่านพ่อตน
“ท่านพ่อ ซานโก่วความจริงไพเราะมากนะ”
“ใช่ ซานโก่วไพเราะกว่าเอ้อร์เป่ามาก”
“ข้าชื่อซานเป่า ท่านพ่อชื่อซานโก่ว พวกเราพอๆ กันเลย”
ซื่อเป่ามองพี่ชายทั้งสาม ก่อนจะมองท่านพ่อ เขาอยากหัวเราะทำไงดี ไม่ได้ ห้ามหัวเราะ หากหัวเราะท่านพ่อก็จะยิ่งไม่พอใจ
พ่อลูกห้าคนกำลังคุยกันอยู่ในห้องโถง นอกรั้วบ้าน ลู่เจียวก็ก้าวเข้ามา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งเก้าอี้เข็นหันหน้ามาทางนี้พอดี พอมองไปก็เห็นลู่เจียวเดินเข้ามาทันที
เขารีบมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำชับว่า “ห้ามบอกชื่อเล่นพ่อกับท่านแม่ รู้ไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สบตากันแล้วก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างลำบากใจ
พวกเขาไม่อยากหลอกท่านแม่นี่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวจะเดินเข้ามาแล้ว ก็จ้องมองลูกทั้งสี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หากพวกเจ้ากล้าบอกชื่อพ่อกับท่านแม่ พ่อก็จะโมโหแล้วนะ”
พอเขาพูด เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบรับรองว่า “ท่านพ่อ พวกเราทราบแล้ว ไม่บอกท่านแม่”