ตอนที่ 187 บิดาเจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชายจริงๆ
แม่หม้ายหวังเห็นสถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง ก็รีบคิดขึ้นมาทันที ถึงกับคิดแกล้งทำเป็นลม ลู่เจียวเห็นนางกลอกตา ก็รีบกล่าวว่า “เร็วหน่อย ดึกดื่นเที่ยงคืนพวกเรายังต้องนอนกันอยู่นะ ดูท่าทางนางเหมือนไม่ยินยอม ในเมื่อไม่ยินยอมก็?”
ลู่เจียวกล่าวไม่ทันจบ แม่หม้ายหวังก็กัดฟันรับคำ “ข้ายอมลงนามในสัญญาขายตัว”
วันนี้นางไม่ลงนามในสัญญาขายตัว เรื่องนี้ไม่จบ ตอนนี้ลงนามไปก่อน ไว้กลับไปกล่อมเหล่าเกินให้เอาสัญญาขายตัวมาไว้ในมือก็พอ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังแม่หม้ายหวังก็รีบส่งสัญญาณให้ผู้ใหญ่บ้านเอาพู่กัน หมึกและกระดาษมา เพราะต้าโถวและเหมาเหมาเรียนหนังสือ ระยะนี้ผู้ใหญ่บ้านจึงซื้อเครื่องเขียนชุดหนึ่งไว้ที่บ้าน ตอนนี้ได้ใช้พอดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นร่างสัญญาขายตัวให้แม่หม้ายหวังลงลายนิ้วมือ พร้อมกับให้จู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านลงลายนิ้วมือเป็นพยาน
สุดท้ายเขาก็เก็บสัญญาขายตัวแม่หม้ายหวังไว้ กล่าวว่า “ไว้กลับไปข้าจะเอาไปลงทะเบียนที่ที่ว่าการอำเภอ”
แม่หม้ายหวังจ้องมองเขาอย่างตกใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นสำทับเยาะอีกประโยคว่า “หลังจากลงทะเบียนที่ที่ว่าการอำเภอแล้ว เจ้าก็คือนุต่ำต้อยในตระกูลเซี่ยข้า หากวันหน้าคิดหนี พวกเราก็จะแจ้งทางการจับเจ้า”
เดิมแม่หม้ายหวังคิดว่าลงนามแล้วไว้กลับไปกล่อมเอาก็ได้ คิดไม่ถึงว่ายังต้องเอาไปลงทะเบียนที่ที่ว่าการอำเภออีก ก็ทนสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป หน้ามืดหมดสติทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังเซี่ยเหล่าเกินกล่าวว่า “ท่านพ่อพานางกลับบ้านไปได้”
เซี่ยเหล่าเกินรีบประคองแม่หม้ายหวัง ก่อนไปยังมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น อยากจะขอสัญญานั่นจากเซี่ยอวิ๋นจิ่น
น่าเสียดาย เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนไม่เห็น ค่อยๆ เก็บสัญญาขายตัวกวาดตามองทุกคนในห้องโถงกล่าวว่า
“เอาละ ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ไม่นอนกันอีกก็จะสว่างแล้ว”
เขากล่าวจบมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “พวกเราก็กลับกันเถอะ”
ลู่เจียวรับคำเข็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไป บ้านผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในหมู่บ้านพากันจากไป สำหรับละครในค่ำคืนนี้ แต่ละคนต่างคุยกันออกรส พวกผู้ชายยังพากันอิจฉาท่านอาเหล่าเกิน อยู่ๆ ก็ได้อนุ ช่างมีวาสนาจริง
แม้ว่าลู่เจียวดีใจที่หร่วนซื่อใกล้จะได้กัดกันเองกับแม่หม้ายหวังแล้ว แต่สำหรับเซี่ยเหล่าเกินผู้นี้ นางค่อนข้างไม่พอใจอย่างมาก
“ท่านพ่อเจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เห็นๆ ว่าเลือกทางเลือกที่สองได้ กลับให้แม่หม้ายหวังลงนามในสัญญาขายตัว”
หากเป็นลูกผู้ชายย่อมพาแม่หม้ายหวังไป
ลู่เจียวพูดถึงตรงนี้ก็นึกได้ มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้ามั่นใจมาก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมว่าท่านพ่อเจ้าไม่มีทางไปจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ดังนั้นจึงได้เพิ่มข้อที่สอง เช่นนี้ก็เหมือนสร้างปมในใจแม่หม้ายหวัง วันหน้าในใจนางก็จะมีหนามนี้แทงใจ”
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รับคำเบาๆ กล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นเยาะหยันว่า “ท่านพ่อข้าจมอยู่หมู่บ้านตระกูลเซี่ยมาชั่วชีวิต ไปไกลสุดก็แค่หมู่บ้านชีหลี่ แม้แต่อำเภอชิงเหอก็ไม่เคยไป เขาจะไปจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ยได้อย่างไร ไปจากที่นี่ เขาก็จะตื่นกลัว เขาไม่มีทางไปจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย”
ลู่เจียวถอนหายใจ “แม่หม้ายหวังก็สมน้ำหน้า จิตใจไม่ดี หากนางหาคนแต่งงานอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว วันหน้าก็คงไม่ถึงกับทุกข์ใจมากนัก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเยาะว่า “สมน้ำหน้า”
ทั้งสองคนเดินกลับบ้าน ป้ากุ้ยฮวาตามพวกเขามาด้านหลัง ลู่เจียวรู้ตัวนานแล้ว หยุดฝีเท้าหันไปมองด้านหลัง
“ท่านป้า ดึกแล้วไม่ไปนอน ตามพวกเรามาทำไมกัน”
ป้ากุ้ยฮวารีบวิ่งเข้ามามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น เจียวเจียว ป้าไม่ได้ตั้งใจ ป้าไม่รู้ว่าคนนั้นคือท่านพ่อพวกเจ้า ดังนั้นจึงได้ร้องตะโกนเสียงดัง หากป้ารู้ย่อมไม่ร้องตะโกนเสียงดังแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสบตากับลู่เจียว ลู่เจียวหันหน้าไปถอนหายใจกล่าวว่า “ท่านป้า เรื่องก็เกิดไปแล้ว นี่คือเรื่องของบิดาสามีข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านป้า หากเขาไม่ไปบ้านแม่หม้ายหวัง ไหนเลยจะเกิดเรื่องเช่นนี้”
ป้ากุ้ยฮวาได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ถามอย่างระแวดระวังว่า “งั้นเจ้าไม่โกรธป้าใช่ไหม”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่โกรธ ท่านป้ารีบกลับไปนอนเถอะ”
ในที่สุดก็ป้ากุ้ยฮวาวางใจ รีบกล่าวว่า “งั้นข้าก็วางใจแล้ว ข้ากลับไปนอนละ”
หันหลังตรงกลับบ้านตนทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังกับลู่เจียวมองแผ่นหลังนางจากไปพลางส่ายหน้า จนถึงตอนนี้ ป้ากุ้ยฮวายังไม่รู้ว่าละครในค่ำคืนนี้ เป็นบทละครจากปลายพู่กันพวกเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “พวกเราก็กลับไปนอนกันเถอะ ฟ้ายังไม่สาง”
“ได้”
ทั้งสองคนกลับถึงบ้าน เซี่ยหู่ที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เดินออกมา
“เสี่ยวเป่าพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้านอนแล้ว ข้ากลับละ”
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวขอบคุณเซี่ยหู่ พอทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถง ก็คิดได้เรื่องหนึ่ง
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวเป่ากับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นอนอยู่ในเรือนนอนตะวันออก งั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นนอนไหน ลู่เจียวนอนไหน
ลู่เจียวนั้นไม่เป็นไร มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “งั้นเจ้านอนเรือนนอนตะวันตก ได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบรู้สึกขัดๆ ในใจ พร้อมกับแอบรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่พวกเขาจะได้นอนด้วยกันแล้ว กล่าวตามตรง โตมาจนป่านนี้ เขายังไม่เคยนอนกับผู้หญิงเลย ค่ำคืนก่อนหน้านี้กับเจ้าของร่างเดิม เขาจำไม่ได้แม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดไปพลางกล่าวเบาๆ ว่า “ได้”
อย่างไรช้าเร็วก็ต้องนอนด้วยกัน ค่อยๆ คุ้นเคยละกัน
ลู่เจียวเข็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเรือนนอนตะวันตก แนบกายลงอุ้มเขาวางบนเตียง จากนั้นนางก็ยืนขึ้นคิดเดินออกไป
บนเตียง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเขยิบเข้าไปด้านในเตียง เห็นลู่เจียวจะเดินออกไป เขารีบส่งเสียงกล่าวว่า “เจ้าไปไหน”
ลู่เจียวกล่าวตอบทันทีว่า “ห้องปีกตะวันตกยังมีเตียงไหม ข้าไปเอนหลังสักครู่ ฟ้าใกล้สางแล้ว”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็สีหน้าไม่ดีนัก มีดีๆ ไม่นอน ไปนอนเตียงเก่าๆ ห้องปีกตะวันตก เตียงเก่านั่นสบายเหมือนเตียงนี้หรือ
“ตรงนี้ใช่ว่าไม่มีที่นอน อยู่ดีๆ ไปนอนเตียงในห้องปีกตะวันตกทำไมกัน”
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเขยิบเข้าด้านในเตียงแล้ว ด้านนอกเว้นที่ว่างไว้ ครึ่งหนึ่ง เห็นชัดว่าให้นาง
ลู่เจียวตกใจพูดไม่ออก คนผู้นี้ถึงกับเว้นที่ให้นางนอน ความสัมพันธ์นางกับเขาดีขนาดนี้ตอนไหนกัน อีกอย่างนางและเขาก็ใกล้จะหย่ากันแล้ว นอนด้วยกันไม่ดีมั้ง
ลู่เจียวคิดแล้วก็ปฏิเสธทันที “ไม่เป็นไร ข้าไปนอนที่ห้องปีกตะวันตกดีกว่า”
กล่าวจบก็ไม่ให้โอกาสเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้กล่าวต่อ หันหลังก้าวเท้าออกไปทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังโมโหมาก สีหน้าดำทะมึนมองหญิงที่จากไป หญิงผู้นี้เป็นอะไรไป ให้ที่นางนอน นางไม่นอน ต้องไปนอนเตียงเก่าๆ พังๆ นั่นให้ได้
แต่ชั่วเวลาไม่นาน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ปรับอารมณ์ตัวเองได้ บางทีลู่เจียวอาจจะเขินอาย เดี๋ยวก็คงค่อยๆ ชินเอง
ลู่เจียวไม่ได้คิดเหมือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น พอนางเข้ามาในห้องปีกตะวันตกก็มองไปยังเตียงเก่า ก่อนจะหันหลังเข้าไปนอนเรือนไม้ไผ่ในห้วงอากาศ แม้ว่าไม่อาจอยู่ในนี้ได้นานนัก แต่อย่างไรก็หลับได้สนิทกว่า
พอฟ้าสาง ลู่เจียวถูกห้วงอากาศเด้งออกมา โยนลงบนเตียงเก่าๆ นางจะทำอย่างไรได้ นอนบนเตียงเน่าๆ นี่ต่อละกัน
ทว่าพอลู่เจียวเพิ่งจะหลับตาจะนอนต่อ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังมา ค่อยๆ ใกล้เข้ามา เสียงมาหยุดที่หน้าประตูบ้านนางอย่างรวดเร็ว