ตอนที่ 195 สหายร่วมชั้นเรียนขัดหูขัดตากันและกัน
แม้ว่าลู่เจียวจงใจไม่สนใจของบิดามารดาสามี แต่ก็มีคนเอาเรื่องบิดาสามีนางมาบอกนางตลอด
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ หร่วนซื่อผู้นี้โง่เง่าจริง อาเหล่าเกินไม่มีใจแล้ว นางยังเอาแต่ร้องไห้หาเรื่องไม่ได้หยุด เช่นนี้ต่อไปช้าเร็วคงได้ทำร้ายตนเอง หากผู้ชายเขาทะนุถนอมเจ้า ไม่ต้องให้เจ้าโวยก็จะเห็นใจเจ้า เจ้าหาเรื่องขนาดนี้แล้วเขาไม่สนใจเจ้า เจ้ายังหาเรื่องต่อก็รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งห่างเหิน”
จ้าวซื่อเล่าเรื่องหร่วนซื่ออย่างแค้นใจ สีหน้ามีความเห็นใจ สาเหตุหลักก็เพราะเห็นหร่วนซื่อแล้วคิดถึงตนเอง เป็นผู้หญิงนี่ยากจริง
“แต่อาเหล่าเกินนี่ก็ไม่ได้เรื่องจริงนะ เมื่อก่อนเพราะหร่วนซื่อ ทำให้บิดามารดาสามีตนเองโมโหจนตายตก มาตอนนี้แม่หม้ายหวังก็จะทำให้หร่วนซื่อโมโหตายเช่นกัน กรรมตามสนองหร่วนซื่อแล้ว”
ลู่เจียวได้ยินก็เลิกคิ้ว กล่าวว่า “แต่โบราณมา ผู้ชายล้วนแล้งน้ำใจ ดังนั้นผู้หญิงไยต้องพึ่งพาผู้ชาย ตนเองมีศักดิ์ศรีหน่อยไม่ได้หรือไง”
จ้าวซื่อได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็มองนางอย่างตกใจ “คำพูดเจ้านี่แปลกใหม่ดี”
ลู่เจียวกำลังจะพูดต่อ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น จึงรีบหันไปมองหน้าประตูบ้าน
ตอนนี้นางนับว่ามีประสบการณ์แล้ว รถม้ามาหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ส่วนใหญ่มาหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือไม่ก็นาง ญาติหรือแขกของคนในหมู่บ้านไม่ค่อยนั่งรถม้ามา
ดังนั้นนี่ย่อมต้องมาบ้านนาง เป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือว่าคนจากหอยาเป่าเหอมาตามนางไปรักษา
จ้าวซื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้าก็หันไปมองนอกรั้วบ้านกล่าวว่า “บ้านเจ้ามีแขกมาอีกแล้วหรือ”
คำพูดอิจฉามาก ดูท่ายังไงก็เรียนหนังสือย่อมได้ดี น่าเสียดายครอบครัวพวกนางตอนนี้ไม่มีลูกสักคน คิดถึงตรงนี้ จ้าวซื่อก็คิดถึงหลินชุนเยี่ยนไม่ตั้งครรภ์สักทีก็โมโหขึ้นมา นางหันไปมองลู่เจียวถามว่า “เจ้าว่าชุนเยี่ยนไม่มีปัญหาจริงหรือ”
ลู่เจียวได้ยินนางเอ่ยถึงหลินชุนเยี่ยน ก็รีบปลอบใจนาง “ก่อนหน้านี้ข้าตรวจดูนางให้แล้ว สุขภาพนางฟื้นตัวได้ไม่เลว ระยะนี้ท่านอย่ากดดันนาง ไม่แน่อีกสักพักก็จะตั้งครรภ์ หากท่านกดดันนางมาก ถึงตอนนั้นเกิดไม่รู้ว่าท้องแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่แน่หู่จื่ออาจโทษท่าน”
พอลู่เจียวกล่าว จ้าวซื่อก็ตกใจ “อา ข้าจะระวัง”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพอใจ หลินชุนเยี่ยนเป็นคนดีมาก นางไม่อยากให้จ้าวซื่อให้ลูกชายหย่านาง ทำลายชีวิตนาง ยุคนี้สตรีที่ถูกหย่ามากมายต่างปลิดชีพตนเอง
นางเองก็มองออกว่าหลินชุนเยี่ยนเป็นสตรีที่รู้หน้าที่ ได้รับบุญคุณจากผู้ใดนิดหน่อยก็คิดตอบแทน เพราะนางรักษาโรคให้นาง ระยะนี้นางไม่เพียงแต่ตัดเสื้อผ้าให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คนละสองชุด ยังตัดชุดนอนอีกชุด ผ้าที่เหลือนางก็เก็บไว้ บอกว่าจะตัดรองเท้าให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คนละคู่
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ รถม้าก็มาถึงหน้าประตูบ้านนาง ฉีเหล่ยลงมาจากรถม้า
ลู่เจียวเห็นเขาก็คิดว่าหอยาเป่าเหอมีผู้ป่วยรอรับการรักษาอะไร รีบเข้าไปรอรับ
ไม่คิดว่าจะมีคนลงมาตามหลังฉีเหล่ยอีกสองคน คนหนึ่งโพกศีรษะ เป็นคุณชายอายุน้อย หน้าตาสะอาดสะอ้าน รูปร่างไม่นับว่าสูง แต่เสื้อผ้าสูงค่ามาก แค่มองก็รู้ว่าสถานะทางบ้านไม่เลว
ลู่เจียวคิดว่าคนผู้นี้ป่วยทว่าพอสังเกตดีๆแล้วก็พบว่าไม่ได้ป่วยอะไร งั้นเขามาทำอะไร
ฉีเหล่ยเดินมาตรงหน้าลู่เจียวแนะนำว่า “ลู่เหนียงจื่อ นี่คือสามีของหญิงตั้งครรภ์คลอดยากที่หอยาเป่าเหอรับรักษาคนนั้น คุณชายหู”
พอฉีเหล่ยกล่าว ลู่เจียวก็เข้าใจ นี่คือสามีหลี่อวี้เหยา และยังเป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวกล่าวทักทายตามมารยาท “ที่แท้คุณชายหู”
คนผู้นี้เหมือนว่ายังเป็นคุณชายใหญ่จวนนายอำเภอ
ลู่เจียวมองอย่างละเอียด คุณชายหูผู้นี้หน้าตายโสเล็กน้อย พอเห็นลู่เจียว เขาก็ตกใจ
“ท่านนี้ก็คือลู่เหนียงจื่อที่ช่วยภรรยาและลูกข้าไว้?”
ฉีเหล่ยพยักหน้า “ใช่”
แม้ว่าหูซ่านตกใจ แต่ก็ไม่เสียมารยาท ประสานมือกล่าวขอบคุณลู่เจียวตามมารยาท “ขอบคุณลู่เหนียงจื่อที่ช่วยเหลือ”
เขากล่าวจบก็รีบส่งสัญญาณให้คนงานที่ตามมา กล่าวว่า “ไปยกของขวัญลงมา”
คนงานรับคำ ยกของกองหนึ่งลงมา
ลู่เจียวสีหน้าปกติ จ้าวซื่ออิจฉาแทบตาย จึงไม่คิดอยู่ต่อให้คนเขานึกรำคาญ กล่าวลากับลู่เจียวแล้วก็กลับ
ลู่เจียวหันไปนำหูซ่านและคนงานของเขาเดินเข้าบ้าน
ก่อนหูซ่านมาก็รู้ว่าสามีลู่เจียวก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่น ซึ่งก็คือสหายร่วมชั้นเรียนท่าทางยโสเย็นชาผู้นั้นของเขา
วันนี้เขามา นอกจากขอบคุณลู่เจียว ยังมาเยี่ยมเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วย ได้ยินว่าสหายร่วมชั้นเรียนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนอัมพาต ตอนนี้ผ่าตัดใกล้หายแล้ว ในเมื่อเขามาขอบคุณลู่เจียวก็ควรต้องแสดงความห่วงใยสหายร่วมชั้นเรียนสักหน่อย
หูซ่านครุ่นคิดแล้วก็ถามลู่เจียวว่า “ได้ยินว่าขาพี่อวิ๋นจิ่นผ่าตัดมา ตอนนี้ฟื้นตัวเป็นเช่นไร”
“ดีมาก สองวันนี้ลงเดินได้แล้ว”
ขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นผ่าตัดมาได้ราวหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้เดินเหินได้เล็กน้อยแล้ว แต่จะหักโหมเร่งเดินมากไม่ได้ ต้องค่อยๆ รอให้ร่างกายฟื้นตัวก่อน
หูซ่านได้ฟังยิ้มกล่าวว่า “หายดีได้ก็ดี ปีหน้าก็จะสอบเซียงซื่อแล้ว”
ทุกคนพูดไปก็เดินเข้าห้องโถงไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นในเรือนนอนตะวันออกกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหนังสือ เขาได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอกนานแล้ว ยามนี้พอได้ยินเสียงจากหน้าประตูห้อง จึงเงยหน้ามองไป เห็นลู่เจียวพาหูซ่านกับหมอฉีเข้ามาพอดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นหูซ่าน สีหน้าก็เย็นชา ไม่ได้มีรอยยิ้มอะไรนัก
เมื่อก่อนเขากับคุณชายนายอำเภอผู้นี้ไม่ได้ปรองดองกันเท่าไร
ไม่เพียงแต่ไม่ปรองดอง กลับกันยังเพราะคำวิพากษ์วิจารณ์ของคุณชายผู้นี้ ทำเอาเขาต้องทนทุกข์ไม่น้อย
ดังนั้นยามนี้เห็นหูซ่าน สีหน้าเขาย่อมไม่ได้ดีอะไรนัก แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่า คนเขาไม่ได้มาเยี่ยมตน น่าจะมาขอบคุณลู่เจียว
แต่คนที่ผ่าตัดให้หลี่อวี้เหยาก็คือหมอฉี หูซ่านขอบคุณหมอฉีก็พอ ไยต้องมาถึงตระกูลเซี่ย
หน้าประตู หูซ่านทักทายเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเล็กน้อย “พี่อวิ๋นจิ่นกำลังทบทวนตำรา พี่ช่างรักเรียนจริง ด้วยความสามารถของพี่อวิ๋นจิ่น แม้ไม่ทบทวน การสอบเซียงซื่อปีหน้าก็ย่อมไม่พลาด”
หูซ่านไม่ได้เสียดสี แต่รู้สึกอย่างจริงใจว่าด้วยความสามารถของเซี่ยอวิ๋นจิ่น การสอบเซียงซื่อปีหน้าเกรงว่าไม่ต้องเรียน เขาก็มีชื่อติดประกาศ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วเย็นชา กล่าวว่า “ขงจื่อกล่าวว่า ข้าเคยไม่กินข้าวทั้งวัน ไม่นอนทั้งคืนเพื่อคิดไตร่ตรอง ทว่าไร้ประโยชน์หนักหนา ไม่สู้ไปเรียนรู้”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็แปลออกมาว่า ก็แค่การเรียนไม่มีที่สิ้นสุดไหม
นางขี้เกียจจะฟังวาจาหรูหราพวกนี้ หันหลังออกไปเทน้ำชา
พอนางยกน้ำชากลับมา ก็ได้ยินหูซ่านกำลังโต้คารมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เจ้าดู เจ้าก็แค่ซิ่วไฉบ้านนอกไม่ใช่หรือ วันๆ ทำหน้าสูงส่งเช่นนี้ให้ใครดูกัน”
“เหอะๆ ยังไงก็ดีกว่าพวกเจ้าวางตัวอวดเบ่ง ทำท่าทางราวกับไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ก็แค่ชาติกำเนิดดีกว่าหน่อยหนึ่งไหม”
“พวกเราไม่เห็นผู้ใดในสายตาตรงไหน”
“นักเรียนในสำนักศึกษา คนไหนเห็นพวกเจ้าแล้วไม่หลบให้ไกล แม้แต่อาจารย์เห็นพวกเจ้าก็พากันถอยหนี นี่ไม่เรียกว่าไม่เห็นผู้ใดในสายตาหรือ”
“ทว่าพวกเราก็ไม่ได้หาเรื่องใคร จะไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาได้อย่างไร พวกเขาไม่อยากเข้าใกล้พวกข้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกข้าด้วย”