ตอนที่ 201 เดินได้แล้ว
วันรุ่งขึ้น ครอบครัวลู่เจียวเพิ่งตื่นนอน นอกรั้วตระกูลเซี่ยก็มีคนมากันไม่น้อย ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง รีบเร่งมากัน พอเห็นลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นตื่นนอนแล้ว ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างก็ดีใจนำคนเดินเข้าไปกล่าวว่า “ขาอวิ๋นจิ่นเหมือนจะครบหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้ลงเดินได้แล้วใช่ไหม”
ลู่เจียวเห็นพวกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างดีใจกันเกินเหตุก็พยักหน้ากล่าวว่า “อืม วันนี้เป็นต้นไป เขาก็ค่อยๆ เดินได้แล้ว พอครบสองเดือนก็จะไปไหนมาไหนอิสระได้แล้ว แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวรุนแรงจำพวกขี่ม้าฝึกกระบี่หรือวิ่งอะไรพวกนี้ยังไม่ได้ รอให้ครบสามเดือนก่อน”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างดีใจกันจนยิ้มหุบไม่ลง ทุกคนไปรุมล้อมเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้ายืนขึ้นดูว่าเดินได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก่อนหน้านี้ฝึกเดินไปแล้ว แต่เพราะเป็นห่วงว่าเดินเร็วไปจะไม่ดีต่อขา ดังนั้นทุกครั้งเขาเดินสองสามก้าวก็จะนั่งเก้าอี้เข็นต่อ
ตอนนี้ได้ยินผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รีบยืนขึ้นเดินสองสามก้าวต่อหน้าทุกคน
ในลานบ้าน ทุกคนพากันส่งเสียงอย่างตื่นเต้นยินดี
“เดินได้แล้ว เดินได้แล้วจริงๆ”
“ดีเลย อวิ๋นจิ่นเดินได้แล้วจริงๆ”
“หมอฉีนั่นร้ายกาจจริง ถึงกับรักษาคนเป็นอัมพาตบนเตียงหายได้”
“อืม มีความสามารถจริงๆ แต่ภรรยาอวิ๋นจิ่นก็ร้ายกาจมาก ไม่ด้อยไปกว่าหมอฉี”
ทุกคนต่างพูดจาอะไรกันมากมาย ครึกครื้นยิ่ง
ลู่เจียวไม่ได้นึกสนใจเรื่องพวกนี้ นางรู้นานแล้วว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะเดินได้ พอเดินได้แล้วน่าสนใจอะไร นางสนใจแค่เมื่อไรจะได้หย่า
แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นชัดว่าเบิกบานใจมาก ยิ้มกันจนอย่าได้เอ่ยว่าหวานเพียงใด ดวงตายกโค้งจนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ทั้งสี่ยังกอดกันกระโดดไปมา “ดีมากเลย ท่านพ่อเดินได้แล้ว”
“วันหน้าท่านพ่อก็จะไปเรียนหนังสือได้แล้ว”
“ใช่ ท่านพ่อก็จะไม่อารมณ์เสียอีกแล้ว วันหน้าก็จะเบิกบานใจทุกวัน”
“รอท่านพ่อหายดี พวกเราก็เข้าเมืองไปเที่ยวกับท่านพ่อ”
ทุกคนในลานบ้านต่างยินดีกันครู่หนึ่งก่อนจะทยอยกลับ เพราะตอนนี้คนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยต่างยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่างเที่ยวเล่นแม้แต่น้อย
พอชาวบ้านในหมู่บ้านไปกันแล้ว พวกเซี่ยเหล่าเกินก็มา เซี่ยเหล่าเกิน เซี่ยต้าเฉียง เซี่ี่ยเอ้อร์จู้และเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานก็มากันหมด
แต่สีหน้าเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานไม่ดีเอามากๆ เดิมมีหร่วนซื่ออยู่เอาใจพวกเขาสองคน ไม่ต้องให้พวกเขาทำงาน
ตอนนี้เฉินหลิ่วดูแลบ้าน ก็ไม่ได้เอาใจพี่น้องคู่นี้ เช้าวันนี้เฉินหลิ่วก็จัดงานให้เซี่ยอวิ๋นหวากินอาหารเช้าเสร็จขึ้นเขาไปตัดฟืน เซี่ยหลานช่วยพี่สะใภ้รองทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหุงข้าวเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด ยังมีขึ้นเขาเก็บสมุนไพร
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานเดิมไม่เคยทำงาน ตอนนี้ถูกจัดงานให้เช่นนี้ สองพี่น้องก็สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
แต่สีหน้าพวกเขาจะไม่ดีอย่างไร เซี่ยเหล่าเกินก็ไม่ได้สนใจ สองพี่น้องได้แต่อดทนกันไป
เดิมเซี่ยเหล่าเกินไม่ให้พวกเขามาเยี่ยมเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่สองพี่น้องเหมือนว่าจะเติบโตขึ้นภายในคืนเดียว ยืนยันจะมาเยี่ยมเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ตอนนี้พวกเขาคิดกระจ่างแล้วว่า ในบ้านนี้ พี่สามจึงจะเป็นคนที่พูดแล้วได้ผลมากที่สุด ตอนนี้พวกเขาควรประจบพี่สามถึงจะถูก
สรุป ทั้งครอบครัวตระกูลเซี่ยแต่ละคนล้วนมีความในใจของตน
เซี่ยเหล่าเกินเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นก็กล่าวอย่างห่วงใยว่า “ไหนว่าครบเดือนเจ้าก็เดินได้ไม่ใช่หรือ ทำไมยังต้องนั่งเก้าอี้เข็น”
เซี่ยต้าเฉียงสีหน้าเป็นห่วงกล่าวว่า “น้องสาม ขาเจ้าคงไม่ใช่ว่ายังไม่หายกระมัง”
ความจริงในใจแอบนึกยินดีกับหายนะผู้อื่น ไม่หายดีสิดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยต้าเฉียงเยียบเย็น กล่าวช้าๆ อย่างไม่ใส่ใจนักว่า “พี่ใหญ่คิดมากไปแล้ว ขาข้าไม่มีปัญหาอะไร ก็แค่เดินครู่หนึ่งพักครู่หนึ่ง อย่างไรก็เพิ่งครบเดือน ไม่อาจเดินนานได้”
เซี่ยเหล่าเกินได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ดีใจมาก “งั้นก็ดีๆ”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ก้าวเข้ามาดึงมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้อย่างดีใจ กล่าวว่า “น้องสาม เดินได้แล้วก็ดี ในที่สุดเจ้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว วันหน้าก็ไปเรียนได้แล้ว”
ยามเซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ สีหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมา
“อืม พี่รองอย่าได้เป็นห่วง ข้าจะไม่เกิดเหตุอะไรอีกแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็แววตาเข้มขึ้น คนที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง เขาจะต้องเปิดโปงออกมาให้ได้ วันหน้าเขาต้องระวังตัว ไม่อาจให้ตกอยู่ในสภาพดังก่อนหน้านี้อีก
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานฉีกยิ้มเต็มที่ก้าวเข้ามาอวยพร “พี่สาม ขาท่านไม่เป็นไรแล้ว ดีมากจริงๆ วันหน้าพี่สามก็จะได้ไปเรียนแล้ว แต่ไรมาพี่สามเป็นคนฉลาด การสอบเซียงซื่อปีหน้าต้องมีชื่อติดประกาศแน่นอน”
เซี่ยอวิ๋นหวากล่าวจบ เซี่ยหลานก็พยักหน้าเต็มแรง “ใช่ แต่ไรมาพี่สามข้าเฉลียวฉลาด เรื่องเรียนไม่ยากเกินความสามารถพี่สามแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสองพี่น้องคู่นี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ใบหน้าหล่อเหลากระจ่างไม่ได้มีความรู้สึกยินดีสักนิด สีหน้านิ่งจนถึงขั้นเย็นชา
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานเห็นเขาเช่นนี้ก็แอบอึ้งในใจ พี่สามฝังใจแค้นพวกเขาแล้วหรือ วันหน้าเขายังจะยอมช่วยเหลือพวกเขาไหม
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานอดรู้สึกกังวลใจไม่ได้
เซี่ยหลานหันไปมองลู่เจียวที่กำลังยุ่งกับการทำอาหารเช้าในห้องครัวก็รีบยิ้มกล่าวว่า “พี่สะใภ้สามกำลังทำอาหารเช้าหรือ ข้าช่วยพี่สะใภ้สาม”
ตอนนี้นางอยู่ตระกูลเซี่ยทางนั้นต้องช่วยงานบ้าน ยังไม่สู้มาช่วยลู่เจียวทำ เช่นนี้ก็จะได้แสดงน้ำใจต่อหน้าพี่สาม และได้หลบงานที่ตระกูลเซี่ยทางนั้น
งานตระกูลเซี่ยทางนั้นหนักกว่าทางนี้มาก ทางนี้ไม่มีนาให้ต้องทำ ตระกูลเซี่ยทางนั้น พี่สะใภ้รองขึ้นเขาเก็บสมุนไพรทุกวัน หากงานในนายุ่งยังต้องไปช่วย งานหุงหาอาหารซักผ้าอะไรก็ต้องทำอีก
ดังนั้นเซี่ยหลานยอมช่วยลู่เจียวทำงานดีกว่า ไม่อยากช่วยตระกูลเซี่ยทางนั้นทำงาน
เซี่ยหลานเดินไปที่ห้องครัว ลู่เจียวเดินออกมาจากห้องครัว เอ่ยห้ามว่า “ข้าไม่กล้าใช้น้องสามีสูงส่งเช่นนี้หรอก เจ้ากลับไปช่วยงานพี่สะใภ้ใหญ่ดีกว่าไหม ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่เพิ่งมาดูแลบ้าน น้องสามีก็แล่นมาทำงานให้ข้าที่นี่ พี่สะใภ้ใหญ่จะคิดว่าข้ายุแยงเอาได้ ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย”
สีหน้าเซี่ยต้าเฉียงจ้องมองเซี่ยหลานอย่างไม่สู้ดีนัก ตวาดว่า “กลับไป”
มีท่าทางเหมือนพี่ใหญ่บ้างแล้ว ตอนนี้ในครอบครัวเขาเป็นคนดูแลทั้งบ้าน หากผู้ใดกล้าขี้เกียจไม่ทำงาน ดูซิว่าเขาจะจัดการพวกเขาอย่างไร
เซี่ยหลานยังคิดจะพูดอะไรสักหน่อย เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว กลับห้องพักผ่อนก่อน”
เซี่ยเหล่าเกินรีบกล่าวว่า “งั้นเจ้ารีบกลับไปพักผ่อน ตอนนี้รักษาสุขภาพสำคัญที่สุด”
เซี่ยเหล่าเกินกล่าวจบก็เรียกให้ทุกคนกลับ เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานเหมือนไม่ยินยอม แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตามเซี่ยเหล่าเกินกลับ
ลู่เจียวค้อนใส่พวกตระกูลเซี่ยก่อนจะเดินไปทำอาหารเช้าต่อในห้องครัว วันนี้นางเตรียมนมแพะให้ลูกๆ ต้มไข่ไก่ และยังมีซาลาเปา
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่วิ่งเข้ามาในห้องครัวอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ ท่านพ่อเขาเดินได้แล้วจริงหรือ”
“ท่านแม่ ครอบครัวเราไปบ้านท่านยายกันดีไหม”
พอเอ้อร์เป่าพูด ซานเป่ากับซื่อเป่าก็มองลู่เจียวอย่างวาดหวัง
ลู่เจียวลืมเรื่องนี้ไปสนิท ในใจนาง นางพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านตระกูลลู่ได้แต่นั่นก็แค่นางกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ไม่รวมเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ตอนนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถึงกับจะไปทั้งครอบครัว นี่จะได้อย่างไร