ตอนที่ 206 พวกลูกทั้งสี่ตัวร้อน
ต้าเป่าเงยหน้ามองไปทันที รู้สึกเหมือนมีแสงไฟจริงๆ
เด็กๆ พากันวิ่งไปตามแสงสว่างด้วยสัญชาตญาณ แต่เพียงครู่เดียว เอ้อร์เป่าด้านหลังก็ร้องเรียก “ซื่อเป่าล้ม”
ซื่อเป่าล้มลงแล้วก็ไม่ลุกอีก เด็กน้อยถึงกับเป็นลมไปแล้ว หลังจากซื่อเป่าเป็นลม ซานเป่าก็เป็นลมตาม
ยามนี้เซี่ยเสี่ยวเป่ากับต้าเป่า เอ้อร์เป่าร้อนใจแล้ว เด็กสามคนเข้ารุมล้อมซานเป่ากับซื่อเป่า คิดอุ้มพวกเขา ผู้ใดจะรู้ว่าพออุ้มก็พบว่าเด็กสองคนตัวร้อนจี๋
เซี่ยเสี่ยวเป่าอุทานตกใจว่า “พวกเขาตัวร้อนมาก ท่านแม่บอกว่านี่คืออาการไข้ คนเป็นไข้ไม่มีทางรักษาแล้ว”
พอกล่าวเช่นนี้ ก็จุดต่อมน้ำตาของต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าทันที เด็กสองคนคิดไม่ถึงว่าหาบ้านท่านยายไม่พบ ถึงกับทำร้ายซานเป่ากับซื่อเป่าแทน
เด็กน้อยสองคนเสียใจแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น “ซานเป่า ซื่อเป่า อย่าตายนะ”
เซี่ยเสี่ยวเป่าเห็นพวกเขาร้องไห้ ก็อดร้องไห้ตามไม่ได้ ยามนี้เขาก็นึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก วันหน้าไม่ไปไหนมาไหนมั่วซั่วอีกแล้ว
ฮือ ฮือ
เสียงร้องไห้ดังในป่า
ลู่เจียวฉายไฟฉายเดินในป่า เดินมาสักพักก็เหมือนได้ยินเสียงร้องไห้ในป่า นางรีบเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงร้องไห้จริงๆ
นางพอเดาออกว่าเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเสียงร้องไห้ของเซี่ยเสี่ยวเป่ากับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ในบรรดาเด็กพวกนี้ เซี่ยเสี่ยวเป่าอายุมากสุดก็แค่สิบสาม ทั้งหมดเดินท่ามกลางป่ามืดมิด ไม่กลัวได้หรือ
ลู่เจียวรีบตะโกนขึ้น “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า พวกเจ้าอยู่ไหน”
“ซานเป่า ซื่อเป่า”
ลู่เจียวตะโกนสุดเสียง เสียงนางตะโกนดังไกลออกไปในป่า ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าได้ยินทันที
ทั้งสองคนรีบมองมา เอ้อร์เป่ากล่าวเบาๆ ว่า “เหมือนข้าได้ยินเสียงท่านแม่”
ต้าเป่าก็ตั้งใจได้ฟังครู่หนึ่ง ก็มั่นใจร้องขึ้นว่าเป็นท่านแม่พวกเขา ต้าเป่ายืนขึ้นตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ท่านแม่ พวกเราอยู่นี่”
เอ้อร์เป่าเองก็รีบตะโกนดังขึ้น “ท่านแม่ พวกเราอยู่นี่ ท่านรีบมาเร็ว”
เซี่ยเสี่ยวเป่าพอได้ยินว่าพี่สะใภ้สามมาก็ไม่กลัวแล้ว พยายามตะโกนไปทางด้านหน้าสุดเสียง “พี่สะใภ้สาม พวกเราอยู่นี่ๆ”
ลู่เจียวพอได้ยินเสียงเรียกของพวกเขาก็ดีใจมาก เดินไปตามทิศทางของเสียงทันที
“พวกเจ้าอยู่นิ่งๆ ยืนอยู่ตรงนั้นอย่าขยับ แม่จะไปหา”
เซี่ยเสี่ยวเป่ากับต้าเป่า เอ้อร์เป่าตะโกนร้องเรียกเสียงดัง ลู่เจียวก็คลำตามเสียงมาอย่างรวดเร็ว
พอนางมาถึง ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าก็โผเข้ามากอดนางไว้ “ท่านแม่ ที่นี่น่ากลัวมาก พวกเรากลัว”
“ข้าเองก็กลัว”
ลู่เจียวอุ้มสองหนูน้อยขึ้นมาปลอบใจ วันนี้ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าต้องทนรับความทุกข์ใจไม่น้อย ยามนี้ได้ซุกในอ้อมกอดลู่เจียว ก็ไร้เรี่ยวแรงจะร้องไห้ หน้ามืดเป็นลมไปทันที
ลู่เจียวเห็นพวกเขาเป็นลม ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า”
นางแตะตัวเจ้าสองตัวน้อย ก็รู้สึกได้ว่าหน้าผากลูกๆ ร้อนผ่าว
ลู่เจียวอดร้อนใจไม่ได้ นี่พวกลูกทั้งสี่โดนความเย็นกระทบจนเป็นไข้กันหมด ต้องรีบฉีดยาลดไข้ให้พวกเขา
ลู่เจียวหยิบเข็มฉีดยาลดไข้มาจากห้วงอากาศทันที ฉีดให้ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าคนละเข็ม
เซี่ยเสี่ยวเป่ารรีบกล่าวว่า “พี่สะใภ้สาม ซานเป่ากับซื่อเป่าไข้ขึ้นแล้ว พวกเขาเป็นลมไปเหมือนกัน”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็เจ็บปวดใจ รีบวางต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าลงบนกองหญ้าข้างๆ ลุกไปอุ้มซานเป่ากับซื่อเป่ามาฉีดยาลดไข้ให้พวกเขา
นางฉีดยาลดไข้ไปเสร็จ ก็สั่งเซี่ยเสี่ยวเป่าไปว่า “เอาไฟฉายนี่ส่องไปไกลๆ คนในหมู่บ้านกำลังหากันอยู่บนเขา พวกเขาเห็นแสงนี้ก็ย่อมต้องมากัน”
เซี่ยเสี่ยวเป่ารีบทำตามคำสั่งลู่เจียว ไฟฉายในมือส่องแสงวิบวับในป่าไกลๆ
ตามคาด พอเขาส่อง ชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลเซี่ยก็เห็น พากันเดินตามแสงมา
ลู่เจียวฉีดยาลดไข้ให้ซานเป่ากับซื่อเป่าแล้ว แต่เพราะมีเจ้าหนูน้อยสี่คน นางไม่อาจอุ้มได้หมด ได้แต่ให้พวกเขานอนบนหญ้า
พอชาวบ้านในหมู่บ้านมาถึง ลู่เจียวก็รีบบอกให้คนช่วยนางอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
“ไป พวกเราลงเขากัน”
จ้าวซื่อกับเซี่ยไหลฝูโมโหเข้าไปตีเซี่ยเสี่ยวเป่า “เจ้าบัดซบสมควรตาย อยู่ดีๆ พาน้องๆ ขึ้นเขามาทำอะไร”
เซี่ยเสี่ยวเป่าแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น เดิมเขาก็รู้สึกตกใจกลัวอยู่แล้ว ตอนนี้มาถูกท่านพ่อท่านแม่ด่าอีก ในใจอย่าได้เอ่ยว่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพียงใด
เซี่ยเสี่ยวเป่าร้องไห้ไปกล่าวไปว่า “พวกต้าเป่าคิดไปบ้านท่านยาย ให้ข้าพาพวกเขาไปบ้านท่านยาย เขาบอกว่าไว้ข้าพาพวกเขาไปบ้านท่านยายได้ก็จะมอบกระดานลื่นให้ข้า”
ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยได้ฟังก็ไร้วาจาจะกล่าว ดังนั้นเจ้าทำเพื่อกระดานลื่นอันเดียวงั้นสิ
จ้าวซื่อคิดจะตีเขาอีก ลู่เจียวรีบห้าม เรื่องนี้ไม่อาจโทษเซี่ยเสี่ยวเป่า จะโทษก็ต้องโทษเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ยังรู้จักเอากระดานลื่นมาล่อเซี่ยเสี่ยวเป่า
ลู่เจียวมองเซี่ยเสี่ยวเป่ากล่าวว่า “น้องๆ ผิดกันเอง ไว้รอให้พวกเขาฟื้น ข้าให้พวกเขามอบกระดานลื่นให้เจ้าอันหนึ่ง”
เซี่ยเสี่ยวเป่าหายเสียใจทันที มองลู่เจียวกล่าวว่า “พี่สะใภ้สาม ที่พูดมาจริงหรือ”
ลู่เจียวย่อมตอบรับ “ใช่”
ทุกคนคลำทางลงจากเขามา มีคนรู้สึกสนใจไฟฉายในมือลู่เจียวขึ้นมา “ภรรยาอวิ๋นจิ่น นี่คืออะไร เห็นแสงมาแต่ไกลได้”
ลู่เจียวเองร้อนใจจนหยิบไฟฉายออก ตอนนี้พอได้ยินคนถาม ก็รับคำอย่างแสร้งงงๆ ว่า
“นี่ข้าได้มาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าคืออะไร เห็นว่าไว้ส่องสว่างได้ แต่ส่องได้ระยะเวลาหนึ่งก็ใช้ไม่ได้แล้ว”
ทุกคนได้ยินว่าส่องได้ระยะหนึ่งก็ใช้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่ได้สนใจอีก
ทุกคนถือคบไฟเดินออกจากป่า
ครั้งนี้การกระทำของเซี่ยเสี่ยวเป่ากับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่แม้ว่าจะทำเรื่องใหญ่ไปสักหน่อย แต่ดีที่ไม่ได้เกิดอันตรายอะไร
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แม้ว่าไข้ขึ้น แต่ลู่เจียวฉีดยาลดไข้ให้แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นอะไรมาก
รอให้ทุกคนกลับลงมาจากเขา ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ส่งเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับบ้านลู่เจียว
ห้องโถงหน้าประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังชะเง้อมองอย่างเคร่งเครียด ความจริงก่อนหน้านี้เขาก็คิดขึ้นเขาไปตามหา ปรากฏถูกผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างดึงไว้ ไม่ให้เขาขึ้นเขา
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ขึ้นเขา แต่จิตใจก็ร้อนรนดังตั้งอยู่บนน้ำมันระอุ กลัวว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ตอนนี้เห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถูกส่งตัวกลับมา ในที่สุดเขาก็โล่งอก
ลู่เจียวบอกคนวางเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บนเตียงในเรือนนอนตะวันตก จากนั้นกล่าวขอบคุณชาวบ้านในหมู่บ้าน ทุกคนโบกมือกล่าววาจาตามมารยาทก่อนพากันจากไป
เพียงไม่นานในบ้านลู่เจียวก็ไม่มีคนนอกลู่เจียวตรวจให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รอบหนึ่ง มั่นใจว่าพวกเขาไข้ลดแล้ว นางจึงได้วางใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามอย่างเป็นห่วง “พวกเขาเกิดอะไรขึ้น”
ลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “ขึ้นเขากระทบไอเย็นทำให้ตัวร้อน”
นางกล่าวจบก็ทำท่าทางบอกให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งลง “พวกเราคุยกันหน่อย”
เจ้าหนูแฝดเป็นเช่นนี้ นางไม่อาจจากไปในทันทีได้ ตัดสินใจคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นดีๆ สักหน่อย
เพราะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หนีไปทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสงบจิตใจลงได้เช่นกัน จึงนั่งข้างเตียงมองลู่เจียว