Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1765 สะท้านใต้หล้า

ตอนที่ 1765 สะท้านใต้หล้า
ยอดเขาพญามังกร
ภายใน ‘โลกใบเล็ก’ หนึ่งในเก้าลึกลับ
ขณะที่โลกภายนอกยุ่งเหยิงวุ่นวาย ระส่ำระสายไม่หยุดหย่อน อาหูก็นำข่าวของหลินสวินกลับมา
“เขาดันหายไปอย่างนี้เลยหรือ”
พวกราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน หมีเหิงเจินต่างอึ้งไปเล็กน้อย
พอได้ฟังผลงานการรบกับความสำเร็จที่ได้รับบนแท่นสักการะของหลินสวิน ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกไหวหวั่นไม่ว่างเว้น เลือดสูบฉีด จิตใจโหยหา
แต่เมื่อได้รู้ว่าหลินสวินหายไปจากแท่นมรรคห้าสีนั้นดื้อๆ ต่างก็ออกจะตั้งตัวไม่อยู่ ความผิดหวังและกลัดกลุ้มพลันปรากฏขึ้นในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
และยังไม่ขาดความกังวล
เพราะใครก็ไม่รู้ว่าคราวนี้หลินสวินไปไหน และจะประสบอันตรายหรือไม่
ชั่วขณะเดียวบรรยากาศก็อึมครึมเล็กน้อย
“โธ่ ทำไมพวกเจ้าไม่เสียใจสักนิดล่ะ”
หยวนฝ่าเทียนงุนงง พบว่าไม่ว่าจะเป็นเจ้าคางคกหรืออาหลู่ต่างก็ยิ้มแย้ม ถึงกับดื่มเหล้าคุยเล่นเสียด้วยซ้ำ
“นั่นสิ พวกเจ้าจะไร้หัวใจไปหน่อยแล้วมั้ง”
ราชันเผิงปีกทองน้อยหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง
เจ้าคางคกกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเอ่ยว่า “คนอย่างพี่ใหญ่ของข้า ในเมื่อบอกไว้ก่อนแล้วว่าพวกเราไม่ต้องกังวล เช่นนั้นก็ต้องไม่เป็นไร”
อาหลู่วิจารณ์ด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พวกเจ้าน่ะยังไม่รู้จักพี่ใหญ่ของข้า หลายปีมานี้เขาประสบภยันตรายมาไม่รู้เท่าไร แต่จนตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอย่างราบรื่นดีไม่ใช่หรือ นี่ก็เรียกว่าคนดีฟ้าคุ้มครอง”
ทุกคนมองหน้ากัน เป็นพี่น้องกันแบบนี้หรือ
หยวนฝ่าเทียนไม่เข้าใจจนออกจะหดหู่ สายตามองไปที่เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าล่ะ หลินสวินเป็นถึงเจ้านายของเจ้า…”
ไม่ทันพูดจบเสี่ยวอิ๋นก็พูดทะลุกลางปล้องว่า “นายท่านไม่เป็นไรหรอก เจ้าก็อย่ากลุ้มใจไปเปล่าๆ เลย ไม่ได้จากตายเสียหน่อย ทำไมต้องเสียใจด้วย ความสงสัยของเจ้านี่เด็กน้อยเสียจริง”
เสี่ยวเทียนที่อยู่บนไหล่เสี่ยวอิ๋นพยักหน้า
หยวนฝ่าเทียน “…”
เจ้านกดำเก็บปีกไพล่หลัง พูดอย่างจองหองว่า “ข้าเคยดูดวงให้เจ้าหนูหลินนี่ ดวงเขาไม่ได้แข็งธรรมดา ทั้งใต้หล้านี้นอกจากข้าที่เหนือกว่าเขาเล็กน้อย คนอื่นไม่มีใครเทียบได้ทั้งนั้น”
ทุกคนพากันกลอกตา
เห็นดังนี้ความกลัดกลุ้มในใจของอาหูก็มลายไปไม่น้อย เผยสีหน้ายิ้มแย้ม หลายปีมานี้หลินสวินดูเหมือนสู้เพียงลำพัง แต่ความจริงแล้ว ข้างกายเขาห้อมล้อมไปด้วยมิตรสหายร่วมเป็นร่วมตายกลุ่มหนึ่งมานานแล้ว
……
หลายวันผ่านไป
เงาร่างของเหล่าผู้กล้ากลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นที่ยอดเขาพญามังกร
“ผู้หญิงที่ชื่ออาหูคนนั้นปรากฏตัวขึ้นที่นี่เมื่อหลายวันก่อน”
มีคนเอ่ยฉับไว
“แน่ใจได้ว่านางต้องอาศัยป้ายคำสั่งเซียนเหินหลบอยู่ในเขตผนึกลึกลับแห่งนั้นแน่”
มีคนมองไกลออกไป ที่นั่นไอหมอกตลบอบอวล มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
“เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงสองเดือนแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ก็จะปิดฉากลงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางซ่อนอยู่ในนี้ไปทั้งชีวิตแน่”
ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ปรึกษากันเล็กน้อยก็ตัดสินใจว่าจะซุ่มรอเหยื่ออยู่ที่นี่
ขอเพียงจับอาหูไว้ก็เท่ากับจับจุดอ่อนที่ใช้บีบหลินสวินได้อย่างหนึ่ง
ภายหน้าขอเพียงหลินสวินปรากฏตัว จุดอ่อนนี้ก็จะมีประโยชน์อย่างยิ่งยวด!
“หืม?”
จู่ๆ ก็มีคนสีหน้าตื่นเต้นเอ่ยว่า “ออกมาแล้ว นางออกมาแล้ว!”
ทุกคนต่างอึ้งไป พวกเขาเพิ่งตัดสินใจไป เหยื่อก็ปรากฏตัวแล้วหรือ
พอเงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นว่ามีเงาร่างงามล้ำอ้อนแอ้นอรชรดั่งภาพฝันร่างหนึ่งเดินออกมาจากพื้นที่ที่มีหมอกอบอวลนั้นดังคาด
“ดูท่าพวกเราจะดวงดีไม่เลวนะ…”
มีคนตาลุกวาว ใจเต้นระส่ำ “เตรียมตัวให้พร้อม ผู้หญิงคนนี้อุทิศตนเป็นอริยบุคคลแล้ว จะต่อกรนางต้องโจมตีเต็มกำลัง!”
คนอื่นต่างพยักหน้า
พวกเขาล้วนเคยได้ยินข่าวอาหูอุทิศตนเป็นอริยบุคคลแล้ว มาคราวนี้จึงเตรียมตัวไว้พร้อมสรรพ ในใจไม่หวั่นกลัว
“แม่นาง มากับพวกเราสักรอบได้ไหม”
พอเห็นอาหูเดินออกมาจากหมอกนั้น ชายหนุ่มอาภรณ์หรูหราที่นำหน้าเอ่ยเรื่อยเฉื่อย ท่าทางมั่นใจว่าจะได้ชัยชนะ
“ไปไหนหรือ”
อาหูยิ้มถาม
“ไปแล้วก็จะรู้เอง”
ชายหนุ่มชุดงามหรูยิ้มเริงร่า โดยเฉพาะเมื่อเห็นรูปลักษณ์งามวิลาสดั่งเซียน ผุดผาดหาใดเทียบของอาหู ในใจก็แปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนขึ้นมา
ช่วงเป็นโฉมสะคราญไร้เทียมทาน!
“พวกเจ้ามาเพราะข้าหมดเลยหรือ”
ในรอยยิ้มบริสุทธิ์ของอาหูเจือความเย้ายวนตามธรรมชาติ
หลายคนสูดหายใจเฮือก หัวใจไหววูบ ล้วนตื่นตะลึงกับเสน่ห์ที่อาหูเผยออกมายามขยับตัวเข้าเสียแล้ว
“ดูเจ้าโง่พวกนี้”
เสียงหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น เงาร่างของเสี่ยวอิ๋นปรากฏขึ้นที่ไหล่ของอาหู และบนไหล่ของเสี่ยวอิ๋นก็มีเสี่ยวเทียนกระพือปีกอยู่
“เฮอะๆ พวกเขาคงนึกว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่แล้วก็จะทำตัวเหิมเกริมได้ใช่ไหม”
ที่ตามมาติดๆ พวกอาหลู่ เจ้าคางคก เจ้านกดำ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน หมีเหิงเจินและเย่หมัวเฮอต่างกรูกันออกมาจากหมอก
แต่ละคนสีหน้าเจือแววโหดเหี้ยม
“แย่แล้ว!”
พวกชายหนุ่มชุดหรูหน้าเปลี่ยนสีในทันใด จะคิดได้อย่างไรว่าที่รอมาได้ไม่ได้มีแค่อาหูเพียงคนเดียว แต่เป็นคนกลุ่มหนึ่ง หนำซ้ำดูแล้วแม้แต่เจ้านกดำนั่นยังไม่น่าจะหาเรื่องด้วยได้ง่ายๆ
สวบ!
ก็ในตอนนี้เอง เสี่ยวอิ๋นลงมือแล้ว เงาร่างหายลับไปกลางอากาศ จากนั้นร่างหนึ่งล้มลงกับพื้นดังสนั่นพร้อมกับเสียงร้องอู้อี้
ร่างกายของเขาสมบูรณ์ดี แต่วิญญาณถูกป่นสลายกลายเป็นผง!
และตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวอิ๋นออกโจมตีเช่นไร และสังหารศัตรูอย่างไร
ฮูม…
เสี่ยวเทียนบินขึ้นแผ่วเบา ปีกสีดำประหนึ่งดาบสวรรค์คู่หนึ่งตัดสลับกันกลางอากาศ
ห้วงอากาศราวกับผืนผ้าใบ ถูกตัดออกเป็นรอยแยกทั้งแนวตั้งแนวนอนตรงแน่วสองรอย ที่ปลายรอยแยกผู้แข็งแกร่งสองคนหลบไม่ทัน ร่างกายถูกฟันออกเป็นสองท่อน
“รีบลงมือ!”
“ฆ่า!”
พวกชายหนุ่มชุดหรูกราดเกรี้ยวระคนตระหนก ออกโจมตีอย่างเดือดดาล
“ตาย!”
เจ้าคางคกตะคอกลั่น นัยน์ตาสีทองเจิดจ้า พุ่งกระโจนขึ้นไป
แทบจะในขณะเดียกัน อาหลู่ยกกระบองเหล็กด้ามหนึ่งขึ้น ถลาออกไปข้างหน้าดั่งเทพเถื่อนบรรพกาล
ด้านพวกราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอต่างไม่ได้ยืนนิ่ง ออกโจมตีในยามนี้เช่นกัน
ตูม!
การตะลุมบอนปะทุขึ้นที่ยอดเขาพญามังกร
อาหูยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ไม่ได้ลงมือ
เพราะไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน หรือพวกเจ้าคางคกกับอาหลู่ ต่างก็ทะลวงระดับอย่างราบรื่น บรรลุเป็นมกุฎมหาอริยะหลังจากกลืนกินท้อแบน!
ที่วิปริตที่สุดก็คือพรสวรรค์ของเจ้าพวกนี้ร้ายกาจทุกคน รากฐานพลังดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก พลังต่อสู้ก็แกร่งกล้าเกินธรรมดาสามัญ
ดังว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ คนที่สามารถกรำศึกไปกับหลินสวินได้ตลอดจนถึงตอนนี้ จะเป็นคนธรรมดาไปได้อย่างไร
อย่างเสี่ยวอิ๋นก็เป็นลูกหลานเผ่าหนอนกินเทพ เสี่ยวเทียนก็ลูกหลานผีเสื้อมารแยกฟ้า แม้แต่เจ้าคางคกกับอาหลู่ยังมีที่มาใหญ่โต!
ส่วนพวกราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน ต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ ตื่นขึ้นและปรากฏตัวบนโลกจากใน ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ ที่เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาลเช่นเดียวกัน ที่มาธรรมดาเสียที่ไหน
แม้แต่พวกหมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอ ก็เป็นคนร้ายกาจที่ผงาดขึ้นเพราะผ่านการเข่นฆ่านับไม่ถ้วน!
เพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้นการสังหารนี้ก็ปิดฉากลง คู่ต่อสู้ที่แผนการไม่เป็นดั่งใจเหล่านั้นต่างถูกปลิดชีพคาที่
‘พี่หลิน ถ้าเจ้าเห็นภาพนี้เข้าต้องไม่เป็นกังวลแน่ๆ ใช่ไหม…’
อาหูพึมพำในใจ
……
ตั้งแต่วันนี้ไป พวกอาหูก็ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เสาะหาวาสนาในโบราณสถานคุนหลุน ตลอดทางก่อให้เกิดลมเมฆคาวเลือดไม่รู้กี่ครั้ง!
ผู้แข็งแกร่งมากมายใจสั่น ความรู้สึกโกรธเคืองปนเป หลินสวินดุร้ายโหดเหี้ยมมากพอแล้ว ใครจะคิดได้ว่าหลังเขาจากไป สหายของเขาเหล่านี้ก็แสดงความสามารถไม่ด้อยไปกว่ากัน
แต่เดือดดาลแค่ไหนก็ต้องสูญเปล่า
หลินสวินไม่สนใจการแก้แค้นที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา พวกอาหู… จะไปสนใจได้อย่างไร
กาลเวลาผันผ่าน สองเดือนผ่านไป
แหล่งสถานคุนหลุนเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกตะลึง แม่น้ำเซียนเหินโรยตัวลงมาจากฟ้า เข้าปกคลุมพื้นที่ต่างๆ ของโบราณสถานคุนหลุน นี่หมายความว่าแหล่งสถานคุนหลุนจะเข้าสู่สภาวะปิดตัวเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้อาหูพาพวกเสี่ยวอิ๋นจากมาอย่างปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย
ไม่มีใครรู้ว่าพวกอาหูไปไหน
……
การเดินทางสู่แหล่งสถานคุนหลุนปิดฉากลงแล้ว
ผู้แข็งแกร่งที่รอดชีวิตออกมาจากที่นั่นมีไม่ถึงหนึ่งส่วน!
ผู้แข็งแกร่งส่วนมากต่างกล้ำกลืนความเจ็บช้ำ มรรควิถีทั้งตัวมลายหายไปเป็นหมอกควันอยู่ในนั้น
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่วายชนม์เหล่านี้ ไม่ขาดผู้มีอิทธิพลแห่งยุคอย่างซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ย เมิ่งอี้
นี่ก็คือความโหดร้ายของศึกวาสนา
แหล่งสถานคุนหลุนมีฐานะเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ไม่ใช่ที่ที่ใครจะรอดชีวิตจากไปได้ง่ายๆ!
‘หลินสวิน ถ้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ จะต้องไปทางเดินโบราณฟ้าดาราแน่…’
จากมาวันนี้ จวนอวี๋เหิงสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่าคนอย่างหลินสวิน ดินแดนรกร้างโบราณเล็กๆ ไม่มีทางรองรับเข้าได้แล้ว!
ถ้าเขาต้องการแจ้งมรรคจักรพรรดิ จะต้องไปทางเดินโบราณฟ้าดาราแน่
แต่แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือ เขาต้องยังมีชีวิตอยู่
‘อีกไม่กี่ปีกระดานมหาอริยะฟ้าดาราก็จะจัดลำดับใหม่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าด้วยพลังต่อสู้ของหมอนี่จะอยู่ในสิบอันดับแรกได้หรือไม่…’
จากไปวันนี้ ในสมองของฮว่าซิงหลีก็ปรากฏเงาร่างของหลินสวิน
ในความคิดของเขา ด้วยรากฐานกับพลังต่อสู้ของหลินสวิน เมื่อจัดอันดับกระดานมหาอริยะฟ้าดาราอีกครั้ง อีกฝ่ายย่อมอยู่ในสิบอันดับแรกได้อย่างมั่นเหมาะ
เพียงแต่เขากลับไม่อาจตัดสินได้ว่าหลินสวินจะพาตัวเองขึ้นสู่อันดับที่เท่าไรในสิบอันดับแรก
‘ข้าตั้งตารอวันที่เจ้าจะปรากฏตัวบนทางเดินโบราณฟ้าดารายิ่งนัก’
ในที่สุดฮว่าซิงหลีก็ยิ้มและลอยทะยานจากไป
‘คราวหน้าถ้าได้พบกัน ข้าจะต้องตีกับเจ้าสักยก ไม่สนด้วยว่าชนะหรือไม่…’
ถังซูลอบพึมพำกับตัวเอง
‘หลินสวินเอ๋ยหลินสวิน ขอเพียงเจ้ากล้าปรากฏตัวบนทางเดินโบราณฟ้าดารา จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!’
และมีคนมากมายที่คับแค้นหลินสวิน
เช่นผู้สืบทอดจากสามเรือนมรรคใหญ่อย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคจักรวาลและเรือนมรรคยุทธจักร หรืออย่างคนเผ่ากิเลนโลหิต เถาอู้ และผีสวรรค์ที่อยู่ในสิบเผ่านักรบใหญ่
ไม่ว่าอย่างไรตั้งแต่วันนี้ไป ชื่อเสียงและผลงานของหลินสวินจะม้วนตลบไปบนทางเดินโบราณฟ้าดาราประหนึ่งลมพายุ!
ควรรู้ว่าแหล่งสถานคุนหลุนเป็นหนึ่งจตุโบราณสถานบรรพกาล ถูกขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในทางเดินโบราณฟ้าดาราจับตามองมาตั้งแต่ก่อนเปิดออกแล้ว
และวันนี้แหล่งสถานคุนหลุนปิดฉากลง เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลินสวินก็ปิดบังไว้ไม่อยู่แล้ว ไม่นานก็ถูกขุมอำนาจต่างๆ ล่วงรู้
ชั่วขณะเดียวก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ปั่นป่วน ลมเมฆโกลาหลไม่รู้เท่าไร
หลินสวิน!
ชายหนุ่มที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง สำแดงอานุภาพในแหล่งสถานคุนหลุน กำราบศัตรูทั้งปวง ผงาดขึ้นอย่างแข็งกร้าวท่ามกลางการเข่นฆ่านองเลือด
แดนหลอมสมบัติ ภูเขาพญามังกร แท่นสักการะ…
ทุกที่ที่เขาปรากฏตัวต้องเกิดความตายและการนองเลือด
ขอเพียงเป็นศัตรูกับเขา ไม่มีใครไม่ถูกฆ่า
ประหนึ่งเทพมาร!
ข่าวคราวเหล่านี้ล้วนกระจายออกมาพร้อมกับชื่อของหลินสวิน กระจายไปถึงบนทางเดินโบราณฟ้าดารา เรียกเสียงฮือฮาและตกตะลึงไม่รู้เท่าไร
และเมื่อได้รู้ว่าหลินสวินได้ความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไป พวกตัวใหญ่ๆ และสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ปลีกตัวจากโลกไม่ออกมาเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึง เริ่มจับตามองและจดจำชื่อ ‘หลินสวิน’ นี้เอาไว้
แรกเข้าคุนหลุนไร้คนรู้จัก มีชื่อคราวเดียวสะท้านใต้หล้า!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท