ตอนที่ 213 พวกเราไปด้วยกัน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ผ่อนฝีเท้าลง ลู่เจียวรีบก้าวเข้ามา
หมูป่าน้อยยังไม่ตาย แต่บาดเจ็บ ดิ้นรนในหลุมกับดักไม่หยุด กระต่ายสองตัวตกลงไปในมุมหนึ่งของหลุมกับดัก ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ติดอยู่กับแง่งของไม้ไผ่ ขยับไม่ได้
ลู่เจียวยกหมูป่าน้อยกับกระต่ายป่าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้ารุมล้อมหมูป่าน้อยกับกระต่ายป่าอย่างตื่นเต้น พูดกันไม่หยุด
ลู่เจียวเห็นหมูป่าน้อยได้รับบาดเจ็บขยับไม่ได้ นางไม่ห่วงว่ามันจะทำร้ายเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
“พวกเจ้าอยู่ตรงนี้เฝ้าหมูป่าน้อยกับกระต่ายไว้ แม่ไปเก็บใบปั่วเหอ[1]ละแวกนี้หน่อย”
ใช้ขนหมูป่าน้อยทำแปรงสีฟัน ย่อมต้องมียาสีฟันสักหน่อย น่าเสียดายตอนนี้ไม่มีคาร์บอเนต ได้แต่ใช้สมุนไพรทำเป็นยาสีฟันแทน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นด้วยทันที “ท่านแม่ ท่านไปเถอะ”
ลู่เจียวก็ไม่ได้ไปไกล เก็บใบปั่วเหออยู่ละแวกนั้น ไว้เอาไปเติมฮั่วเซียง ชวนอู หยวนเซิน ไท่หยางฮวา ทำเป็นยาสีฟัน ไม่เพียงแต่สีฟันสะอาด ยังทำให้ลมปากหอมสดชื่น กำจัดเชื้อโรคได้ด้วย
ลู่เจียวเก็บใบปั่วเหอเสร็จก็สายแล้ว นางจับหมูป่ากับกระต่ายสองตัวใส่กระบุงหลัง นำเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ลงเขา
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจมาก เดินไปก็พูดกับลู่เจียวไปว่า
“ท่านแม่ พวกเราเลี้ยงกระต่ายได้ไหม”
กระต่ายน้อยสองตัวน่ารักมาก เจ้าแฝดสี่คิดอยากเลี้ยงกระต่ายแล้ว
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้ พวกเจ้าอยากเลี้ยงก็เลี้ยง”
ที่บ้านตอนนี้เลี้ยงสุนัขสองตัว แพะอีกหนึ่งตัว กระต่ายอีกสองก็ไม่เท่าไร อยากเลี้ยงก็เลี้ยงละกัน
“แต่พวกเจ้าอยากเลี้ยง พวกเจ้าก็ต้องรับผิดชอบ จำไว้ว่าต้องเด็ดหญ้าสดผักสดมาเลี้ยงพวกมัน”
“พวกเราทราบแล้ว”
แม่ลูกห้าคนกลับถึงบ้านก็ค่ำแล้ว ลู่เจียวให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเล่น นางไปทำอาหารค่ำ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อุ้มกระต่ายสองตัว วิ่งไปเรือนนอนตะวันออกอย่างตื่นเต้น เล่าเรื่องราววันนี้ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟัง ยังเล่าเรื่องว่าลู่เจียวจะทำแปรงสีฟัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีชีวิตชีวาดังเดิมแล้ว ในใจเขาก็รู้สึกโล่งอก
เด็กๆ อวดกระต่ายกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว ก็เล่าว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านตระกูลลู่
“ท่านแม่บอกว่าจะพาพวกเราไปบ้านท่านยาย ท่านพ่อไปด้วยกันไหม”
ต้าเป่ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสายตาวาดหวัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังต้าเป่า แววตาดำก็ครุ่นคิด ตามหลักแล้วยามนี้เขาไม่ควรไป เพราะเขาเขียนหนังสือหย่าให้ลู่เจียวแล้ว ระหว่างทั้งสองคนไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว แต่คิดถึงว่าตอนเขาบาดเจ็บเป็นอัมพาตบนเตียง เถียนซื่อได้ส่งเงินมาให้อย่างไม่ลังเล
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าตนควรไปบ้านตระกูลลู่กับลู่เจียวสักครั้ง เพราะตั้งแต่แต่งกับลู่เจียวมา เขาไม่เคยไปเยี่ยมบ้านตระกูลลู่กับลู่เจียวสักครั้ง
เรื่องนี้ย่อมทำให้บ้านตระกูลลู่ถูกชาวหมู่บ้านซิ่งฮวานินทา เถียนซื่อกลับไม่ได้ตำหนิเขาในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาควรไปขอบคุณนางด้วยตนเองถึงที่บ้าน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “ได้”
ต้าเป่าพอได้ฟังก็ดีใจอย่างที่สุด “งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็ไปบ้านท่านยายกันได้แล้ว”
ต้าเป่ากล่าวจบก็หันหลังคิดวิ่งไปบอกลู่เจียว
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นท่าทางเขาก็รู้ว่าเขาคิดทำอะไร รีบเรียกไว้ทันที “ต้าเป่า เรื่องนี้พ่อจะบอกท่านแม่เอง เจ้าอย่าเพิ่งบอกนาง”
ต้าเป่าวิ่งไปบอกนาง หญิงผู้นั้นไม่แน่อาจคิดเหลวไหล ดังนั้นเรื่องนี้เขาบอกนางเองดีกว่า
ต้าเป่าได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกไปทำรังให้กระต่ายป่า
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็วิ่งออกไปทำรังให้กระต่ายป่า
ตกค่ำกินอาหารเย็นอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ทำเป็นถามลู่เจียวขึ้นมา “ข้าได้ยินต้าเป่าว่า พรุ่งนี้เจ้าจะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับไปเยี่ยมบ้านท่านแม่หรือ”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย “อืม เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดไปเยี่ยมญาติ ข้าพาพวกเขากลับไปหมู่บ้านซิ่งฮวาสักครั้ง พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกเราไม่อยู่บ้าน ข้าเตรียมอาหารกลางวันไว้ในหม้อให้เจ้าดีไหม”
ลู่เจียวกล่าวจบเงยหน้ามองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกินโจ๊กไปก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “ข้าว่าจะไปบ้านตระกูลลู่กับพวกเจ้าด้วย”
ลู่เจียวจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างตกใจ ไม่ใช่ว่าหย่าแล้วหรือ เขายังจะไปบ้านตระกูลลู่ทำไม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่มองก็รู้ว่าในใจลู่เจียวไม่ยินดีที่เขาจะไปหมู่บ้านซิ่งฮวา
ดวงตาดำวาวของเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวกล่าวว่า “ตั้งแต่แต่งงานกันมา ข้าไม่เคยไปเยี่ยมเยือนบ้านตระกูลลู่เลย เดิมคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ก็คงตำหนิข้า คิดไม่ถึงว่าท่านแม่ไม่เพียงไม่ตำหนิข้า ตอนข้าเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ยังส่งเงินทองและอาหารมาให้ ข้าน่ะ รู้สึกว่าตนเองควรไปเยี่ยมคารวะขอบคุณท่านพ่อท่านแม่สักครั้ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวได้มีเหตุผล ไม่ได้มีท่าทางเหมือนมีความรู้สึกส่วนตัวสักนิด
ลู่เจียวไม่กล้ากล่าวอะไรต่อ คนเป็นบัณฑิตมีความรู้ นางพูดมากอีกก็จะเหมือนพวกใจคอคับแคบ และนางรู้ว่าที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเช่นนี้ ก็เพื่อชื่อเสียงหน้าตาบ้านตระกูลลู่
เพียงแต่พวกเขาจะหย่ากันแล้วนะ
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “วันหน้าพวกเราก็จะหยะ…”
ลู่เจียวเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หันมามองทันที ก็รีบหยุดไม่พูดอะไรต่ออีก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมรู้ความหมายของนาง หว่างคิ้วเปล่งรังสีเย็นเยียบออกมาทันที
“นี่เป็นเรื่องของวันหน้า อย่างน้อยตอนนี้ข้าควรไปสักครั้ง ให้คนเขาได้รู้ว่าข้าไม่ได้ทอดทิ้งตระกูลลู่”
ลู่เจียวเห็นเขากล่าวเช่นนี้ หากนางจะรั้งไว้อีกก็เหมือนจะเอาแต่ใจเกินไป คนเขาจะไปขอบคุณท่านพ่อท่านแม่นางสักหน่อย
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “ได้ เจ้าอยากไปก็ไป แต่ขาเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ใจที่ขมวดปมแน่นก็ผ่อนลงไปมาก ใบหน้ากระจ่างก็ดูดีขึ้นมาไม่น้อย
“ไม่เป็นไร”
จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นพวกเขาพูดจากันอบอุ่นอ่อนโยน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็มีสีหน้ายิ้มดีใจ ดวงตาเปล่งประกายระยิบมองท่านพ่อท่านแม่ตน
หลังอาหาร ลู่เจียวต้มน้ำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นอาบ ตอนนี้ขาเขาไม่เป็นไรแล้ว เรื่องอะไรก็ทำเองได้แล้ว
ลู่เจียวยังต้มน้ำร้อนยกไปข้างนอกอาบให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ด้วย อาบน้ำเสร็จก็จะเข้านอน
ก่อนนอน ลู่เจียวคิดถึงปัญหาหนึ่งได้ ขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ดี เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ยังเล็ก พวกเขาทั้งครอบครัวจะเดินผ่านเส้นทางเล็กบนเขาไปบ้านตระกูลลู่ได้อย่างไร
“เซี่ยอวิ๋นจิ่น พรุ่งนี้พวกเราทั้งครอบครัวไปบ้านท่านแม่ข้าอย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว เมื่อก่อนบ้านตระกูลลู่มาทางนี้ ล้วนใช้เส้นทางเล็กรอบภูเขาทางเหนือ แต่พรุ่งนี้เขากับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่อาจใช้เส้นทางเล็กรอบภูเขาทางเหนือ พวกเขาต้องเดินทางอ้อมไป
“เช้าพรุ่งนี้เจ้าไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเช่ารถเทียมวัว เดินทางไปหมู่บ้านซิ่งฮวาผ่านเส้นทางใหญ่ด้านทิศใต้”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว สมองลู่เจียวก็พอจดจำได้ เส้นทางใหญ่ด้านทิศใต้หมู่บ้านตระกูลเซี่ยไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮวาได้ แต่ต้องอ้อมเขาหลายลูก เดินทางเส้นนี้ หากเดินเท้า อย่างน้อยก็ต้องครึ่งค่อนวันจึงจะถึงหมู่บ้านซิ่งฮวา ดังนั้นบ้านแม่ลู่เจียวมาหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ส่วนใหญ่ก็จะเลือกเดินเส้นทางใกล้
“ได้ ข้ารู้แล้ว พรุ่งนี้จะไปถามที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหน่อยว่าจะเช่ารถเทียมวัวของพวกเขาสักครั้งได้ไหม”
“อืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำ ลู่เจียวก็หันหลังเดินออกไป
วันรุ่งขึ้นพอฟ้าเพิ่งสาง ลู่เจียวก็ตื่นนอนแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่เมื่อก่อนนอนหลับไม่รู้เรื่องกันถึงกับตื่นแต่เช้าได้
ลู่เจียวนึกขำหยอกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “วันนี้ทำไมตื่นเช้าอย่างนี้ได้”
ซื่อเป่ากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “วันนี้ไปเที่ยวบ้านท่านยายไงเล่า”
อีกสามคนก็ยิ้มอย่างดีใจมาก ลู่เจียวเห็นแล้วก็ขำ ดูท่าไม่ว่าที่ไหน เด็กๆ ก็มักตื่นเต้นกับการไปเยี่ยมญาติ
“พวกเจ้าไปต่อยมวยที่หน้าประตูกันรอบหนึ่งก่อน แม่ไปบ้านผู้ใหญ่บ้านถามดูว่าจะเช่ารถเทียมวัวพวกเขาไปบ้านท่านยายได้ไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังก็รีบถามต่อว่า “ท่านแม่ วันนี้พวกเรานั่งรถเทียมวัวไปบ้านท่านยายหรือ”
“ใช่แล้ว”
[1] ใบมิ้นท์