ตอนที่ 215 ไปอำเภอด้วยกัน
หลินซื่ออ้าปากคิดด่า แต่พอเห็นท่าทางดุร้ายของลู่เจียว ก็ไม่กล้าด่า สุดท้ายได้แต่แอบด่าในใจ
เถียนซื่อไม่สนใจนางอีก ดึงลู่เจียวไปทางรถเทียมวัวอย่างดีใจ ยามนี้สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองตระกูลลู่อุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขึ้นมาชมกันแล้ว
“โอ๊ย นี่ใครกัน โตเป็นหนุ่มรูปงามจริง รีบให้น้าสะใภ้ใหญ่ดูหน่อย นี่เด็กน้อยที่น่ารักบ้านไหนกัน”
น้าสะใภ้ใหญ่กับน้าสะใภ้รองอุ้มไปคนละสองคน ลู่ต้าเหนียนมองสองสะใภ้ที่อุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างอิจฉา แบ่งให้เขาอุ้มสักคนไม่ได้หรือไง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หน้าหน้าตาดีจริง หน้าตาดีกว่าเซี่ยหู่บ้านพวกเขาเสียอีก
เถียนซื่อดึงลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปอีกทางกล่าวว่า “ขาอวิ๋นจิ่นหายดีแล้วหรือ”
ใบหน้าเถียนซื่อมีแต่รอยยิ้มจนปากหุบไม่ลงเลยทีเดียว
พอเถียนซื่อกล่าว ทุกคนจึงได้สังเกตเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างกายลู่เจียว
พอมองไปก็เห็นว่าขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหายแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินว่าลูกเขยเถียนซื่อเป็นซิ่วไฉหน้าตาหล่อเหลามาก ตอนนี้พอได้เห็น ก็เป็นเช่นนั้นจริง ซิ่วไฉผู้นี้งามราวกับคนในภาพวาด และขาก็หายดีแล้ว วันหน้าก็ไปสอบเคอจวี่เป็นขุนนางได้แล้ว
ยามนี้คนในหมู่บ้านซิ่งฮวาไม่น้อยวิ่งมาเอาใจเยินยอเถียนซื่อกับลู่เจียว ลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ขี้เกียจจะสนใจคนหมู่บ้านซิ่งฮวา แต่เขาให้ความเคารพเถียนซื่ออย่างมาก
“ด้วยบารมีท่านแม่ ขาอวิ๋นจิ่นไม่เป็นไรแล้ว”
แม้ว่าเถียนซื่อรู้นานแล้วว่าขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหายดีแล้ว แต่ตอนนี้ได้เห็นด้วยตา นางดีใจมาก พอดีใจก็อดหลั่งน้ำตาแห่งความดีใจไม่ได้
ในที่สุดเจียวเจียวก็ได้ลืมตาอ้าปากแล้ว ลู่เจียวรีบปลอบใจนาง “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป”
เถียนซื่อปาดน้ำตา กล่าวว่า “แม่ดีใจไง ดีใจมากไปหน่อย ไป กลับบ้านกัน กลับไปจะทำอาหารอร่อยให้พวกเจ้ากิน”
พอเถียนซื่อกล่าว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่ถูกสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองอุ้มก็กล่าวว่า “ท่านยาย ท่านแม่ข้าจับหมูป่าได้ตัวหนึ่ง วันนี้พวกเรากินเนื้อหมูป่าได้”
“ใช่ ท่านแม่บอกว่ากระดูกหมูป่าเก็บไว้ทำแปรงสีฟันให้พวกเราได้ด้วย”
เถียนซื่อไม่เข้าใจว่าอะไรคือแปรงสีฟัน ตอนนี้นางดีใจมาก ลูกเขยเดินได้แล้ว ลูกสาวลืมตาอ้าปากได้แล้ว นี่เป็นเรื่องมงคลยิ่งใหญ่โดยแท้
“ไป ไป กลับบ้านกัน”
ทั้งขบวนเดินตรงไปยังบ้านตระกูลลู่ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างพากันอุทานชื่นชมวาสนาบ้านตระกูลลู่ ไม่เพียงแต่ครอบครัวได้ฝีมือการทำเต้าหู้มา วันหน้ายังจะได้มีลูกเขยเป็นขุนนาง ดังนั้นวันหน้าพวกเขาอย่าได้ล่วงเกินบ้านตระกูลลู่ดีกว่า ดีกับบ้านตระกูลลู่หน่อยดีกว่า
เดิมทีแม้พวกเขารู้ว่าบ้านตระกูลลู่มีลูกเขยเป็นซิ่วไฉที่เรียนหนังสือเก่งมาก แต่ผู้ใดก็ไม่ได้สนใจบ้านตระกูลลู่ เพราะพวกเขาได้ยินว่าซิ่วไฉลูกเขยลู่ต้าเหนียนกับเถียนซื่อไม่ชอบลู่เจียว ดังนั้นจึงไม่ยอมกลับมาเยี่ยมบ้านตระกูลลู่
แต่ตอนนี้คนเขาไม่เพียงแต่มา ดูแล้วยังดีกับลู่เจียวมาก วันหน้าพวกเขาอย่าได้ล่วงเกินบ้านตระกูลลู่ดีกว่า
ตลอดทางมามีคนไม่น้อยเข้ามาทักทายเถียนซื่อกับคนบ้านตระกูลลู่ เถียนซื่อรู้สึกภาคภูมิใจ กิริยาท่าทางการเดินการพูดจาก็มีท่ามีทางไม่ธรรมดา
ทั้งหมดเพิ่งเดินถึงประตูบ้านตระกูลลู่ ก็เห็นลู่กุ้ยเดินมา
ลู่กุ้ยเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ประหลาดใจปรี่เข้ามา ยื่นมือไปแย่งจากพี่สะใภ้ใหญ่มาสองคน
“โอ๊ย พวกเจ้ามาเยี่ยมน้าเล็กแล้ว คิดถึงน้าเล็กแล้วใช่ไหม”
ต้าเป่าสบตากับเอ้อร์เป่า หัวเราะดังพร้อมกัน “ใช่แล้ว คิดถึงน้าเล็กแล้ว ดังนั้นเลยมาเยี่ยมน้าเล็ก”
“ดี ดี พวกเราเข้าบ้านกัน”
ลู่กุ้ยอุ้มเด็กน้อยสองคนเดินเข้าบ้านไป เถียนซื่อด้านหลังไม่พอใจเรียกลู่กุ้ยไว้ “ไม่เห็นพี่สาวกับพี่เขยเจ้าหรือไง ไม่รู้จักเรียกหรือ”
ลู่กุ้ยรีบหันไปเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “พี่เขย พี่เจียว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย ทั้งสองคนหันไปเรียกเซี่ยเถี่ยหนิวให้เข้าไปด้วยกัน เซี่ยเถี่ยหนิวถามลู่เจียว “พี่สะใภ้สาม ของนี่จะยกเข้าไปไหม”
ในกระบุงหลังบนรถเทียมวัวมีหมูป่าน้อยตัวหนึ่ง ยังมีไข่ไก่และผักสดอีก
ลู่เจียวหันหลังจะไปยกของ ลู่ต้าเหนียนก็เข้ามาชิงยกเข้าบ้านไปก่อน
“ข้าเองๆ”
ลู่ต้าเหนียนพูดอย่างระแวดระวัง ก่อนหน้านี้เขาบ่นเถียนซื่อเพราะเงินห้าตำลึง ปรากฏว่าลูกสาวไม่โกรธ ยังคิดหาทางสอนพวกเขาทำเต้าหู้ ในใจเขานึกตำหนิตนเองมาก และกลัวว่าลูกสาวจะโกรธ
ลู่เจียวกลับไม่โกรธ ทักทายลู่ต้าเหนียน “รบกวนท่านพ่อแล้ว”
ลู่ต้าเหนียนรีบยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไม่หนัก”
เขากล่าวจบก็คิดได้ว่าตอนนี้สายแล้ว ครอบครัวพวกเขายังไม่ได้กินอะไร ลู่ต้าเหนียนรีบมองไปยังเถียน ซื่อ “รีบให้คนไปทำอะไรมาให้ครอบครัวลูกสาวกับลูกเขยกินสิ”
เถียนซื่อรีบสั่งให้สองสะใภ้ไปทำของกินมา
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองหันหลังเดินเข้าไปทำของกินในห้องครัวมา
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นตามเถียนซื่อกับลู่ต้าเหนียนเข้าไปยังห้องโถงตระกูลลู่ รอพวกเขานั่งลงเรียบร้อย
เถียนซื่อเข้าไปรินน้ำหวานหลายแก้วมาให้ทุกคนดื่ม
ลู่เจียวแสดงท่าทางบอกให้เซี่ยเถี่ยหนิวดื่มชามหนึ่ง เซี่ยเถี่ยหนิวไม่เกรงใจ ขับรถเทียมวัวมาสามชั่วยาม เขาเองก็กระหายน้ำมาก
เถียนซื่อมองไปยังเซี่ยเถี่ยหนิวกล่าวขอบคุณ “วันนี้ขอบคุณน้องชายที่ช่วยเหลือ”
เซี่ยเถี่ยหนิวยิ้มลูบหัวกล่าวว่า “ท่านป้าไม่ต้องเกรงใจ หมู่บ้านเราติดหนี้บุญคุณพี่สะใภ้สามมาก ตอนนี้ชีวิตทุกคนดีกว่าเมื่อก่อนมาก ดังนั้นพวกเราต้องขอบคุณพี่สะใภ้สาม”
เถียนซื่อได้ฟังเซี่ยเถี่ยหนิว ก็สีหน้าภาคภูมิใจ “ได้ช่วยคนในหมู่บ้านนับเป็นเรื่องดี”
เซี่ยเถี่ยหนิวพูดจากตามมารยาทไม่เป็น ได้แต่ยิ้ม
เถียนซื่อหันไปถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น อย่างห่วงใย “ลูกเขย ขาไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใย ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
เขากล่าวจบก็ลุกขึ้นคารวะขอบคุณเถียนซื่ออย่างเคารพทันที เถียนซื่อรีบเข้าประคองเขาไว้ “ครอบครัวเดียวกัน เกรงใจกันทำไม รีบนั่งๆ”
เถียนซื่อกล่าวจบก็มองไปยังลู่กุ้ยลูกชายตนเอง ครั้งก่อนลู่กุ้ยบอกนางว่า พี่เขยไม่ได้มีท่าทีเกรงใจกับเขาเหมือนเมื่อก่อน ดูสนิทสนมอย่างมาก เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
วันนี้เถียนซื่อได้เห็น ลูกเขยยังเหมือนกับเมื่อก่อนที่เกรงใจพวกเขาอยู่มาก
ลู่กุ้ยเองก็แปลกใจ มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นหลายที รู้สึกว่าพี่เขยวันนี้กลับไปเป็นแบบเมื่อก่อนแล้ว เกรงใจกับพวกเขาเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้สนิทสนมเหมือนก่อนหน้านี้
ลู่กุ้ยขมวดคิ้ว หรือว่าครั้งก่อนเขารู้สึกไปเอง
แต่ไม่นาน ทั้งครอบครัวก็พูดจาเบิกบานใจกันขึ้นมา “ขาลูกเขยหายดีแล้ว ก็ไปเรียนหนังสือในอำเภอต่อได้แล้วใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ใช่แล้ว การสอบเซียงซื่อปีหน้าใกล้มาถึงแล้ว อีกสักพักข้าก็จะไปเรียนหนังสือในอำเภอแล้ว”
เถียนซื่อรีบพยักหน้า “งั้นยามนี้ก็ไม่อาจชะล่าใจได้”
เถียนซื่อกล่าวจบ หันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “รอให้ลูกเขยไปเรียนในอำเภอ เจ้าก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มาบ้านแม่ พวกเราช่วยเจ้าดูแลเจ้าแฝดสี่เอง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบหันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวไม่ทันพูด เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พูดก่อนว่า “ไปเรียนหนังสือที่อำเภอในครั้งนี้ ข้ากะว่าจะพาพวกนางไปด้วยกัน”
คนในห้องโถงต่างอ้าปากค้างตกใจ “พาพวกนางไปด้วยกัน?”