Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1757 ประชันสมบัติ

ตอนที่ 1757 ประชันสมบัติ
ชิ้ง!
ปลายกระบี่อเวจีที่ที่ดุจดั่งโลกันตร์ชนกระแทกกับทวนใหญ่กระดูกขาว เกิดเสียงดังรุนแรงที่กรีดแทงจิตวิญญาณ สั่นสะท้านทั่วสี่ทิศ
ท่ามกลางรัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ เงาร่างซวีหลิงคุนถูกซัดถอยร่น
ไม่รอให้หลินสวินบุกโจมตีต่อ กระบี่มรรคมหายุทธ์ที่เหมือนรุ้งยาวหยกขาวสายหนึ่งก็แหวกอากาศมาเยือน อานุภาพกระบี่เวิ้งว้างล่องลอย ส่งเสียงครวญดุกร้าวออกมา
หลินสวินโบกสะบัดกระบี่ยอดสังหาร ซัดกระแทกกับมันจังๆ
ชั่วพริบตาเท่านั้น ทั้งคู่สู้กันดุเดือนหลายร้อยกระบวน ทุกครั้งที่ปะทะเข้าด้วยกัน ล้วนมีอานุภาพสะเทือนเลื่อนลั่นฟ้าดิน ทำให้ในลานส่งเสียงก้องกระหึ่มไม่ขาด
ร่างเหวินฉิงเสวี่ยสั่นระริก ใบหน้างดงามเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก
ย้อนกลับมามองหลินสวิน อานุภาพดั่งรุ้ง เคลื่อนไหวดุจสายฟ้า เผชิญหน้าภายใต้การตีคู่จู่โจมของซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ยสองคน ยังคงกรำศึกอย่างแข็งแกร่ง ทั้งตัวคนดุจเหวใหญ่ที่เดือดพล่าน!
ผู้ชมการต่อสู้บริเวณไกลๆ ล้วนกลั้นใจเพ่งสมาธิ ให้ความสนใจกับทุกอย่างนี้อย่างใกล้ชิด
ความแข็งแกร่งของหลินสวิน ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกเย็นวาบ ขณะเดียวกัน การเข้าคู่ของซวีหลิงคุนและเหวินฉิงเสวี่ยก็ทำให้พวกเขารู้สึกตระการตาด้วยเช่นกัน
“ฆ่า!”
กลางเสียงตะโกนสนั่น ซวีหลิงคุนผมยาวปลิวไสว นัยน์ตาดุจดวงอาทิตย์กล้า ทวนใหญ่กระดูกขาวเล่มหนึ่งถูกโบกสะบัด เรียกแสงมรรคเดือดปะทุขึ้นมา
ทุกการโจมตี หากอยู่โลกภายนอก ล้วนสามารถฟันสังหารมกุฎมหาอริยะที่แง่ความหมายทั่วไปได้ง่ายดาย ไอเข่นฆ่าเสียดฟ้า
ถึงอย่างไรก็เป็นพวกนายเหนือหัวแห่งยุคอันดับที่สิบสามบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา รากฐานพลังที่มี มรระและวิชาที่เชี่ยวชาญ ล้วนไม่ใช่คนทั่วไปจะเทียบชั้นได้
แต่ไม่ว่าอานุภาพโจมตีของเขาจะอำมหิตปานใด กลับถูกหลินสวินใช้พลังทำลายพลัง ใช้ไม้แข็งสู้ไม้แข็งอยู่เสมอ ทำให้ซวีหลิงคุนหลังชนฝาอยู่เรื่อย
นี่ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี เดือดจัดและหวาดผวา อานุภาพรอบกายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนเหวินฉิงเสวี่ย ฝีมือการต่อสู้ก็เรียกได้ว่าเลื่องระบือ กระบี่มรรคมหายุทธ์เล่มหนึ่ง ถูกนางชี้สั่งอย่างแยบคาย ฉายแสดงคัมภีร์กระบี่ตำนานลับ พลานุภาพไร้ทัดเทียม ปราณกระบี่เบียดเสียด เปรียบเสมือนรุ้งราวขวางตะวัน
แต่ขณะเดียวกัน การบุกโจมตีของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวิน ก็เหมือนน้ำท่วมฉับพลันมาเจอรางน้ำ ดุจมังกรครามจองจำอยู่ในเหวใหญ่ ถูกกดข่มเอาไว้ซ้ำแล้วซ้ำอีก!
และในลาน พวกจวนอวี๋เหิง ฮว่าซิงหลีล้วนพากันสีหน้าเคร่งขรึม ใคร่ครวญและเปรียบเทียบอยู่ในใจ หากเปลี่ยนตนเป็นหลินสวิน ควรจะรับมืออย่างไรกัน
ขณะเดียวกัน หากตนเปลี่ยนเป็นพวกซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ย ควรจะเอาอะไรไปสกัดต้านกับหลินสวินกันอีกเล่า
ยิ่งเปรียบเทียบ สีหน้าพวกเขาก็ยิ่งเคร่งขรึม
สามารถฟันธงได้ การต่อสู้ระดับนี้แม้จะอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่าหายากในยุคบรรพกาล ส่องชัชวาลปัจจุบัน!
ถึงอย่างไรนายเหนือหัวแห่งยุคอย่างซวีหลิงคุน เดิมก็เป็นพวกที่มีอยู่เพียงหยิบมือ
และพวกร้ายกาจที่พลังต่อสู้พลิกฟ้าอย่างหลินสวิน ก็หาตัวจับยากอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน
ส่วนเหวินฉิงเสวี่ย อันดับรายชื่อในปัจจุบันของนางดูเหมือนจะอยู่เพียงร้อยอันดับแรกบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา แต่ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ที่สำแดงออกมาก็ทำให้คนเปิดมุมมองใหญ่เช่นกัน
“ทะยาน!”
ครู่ต่อมา เหวินฉิงเสวี่ยส่งเสียงธรรมคลุมเครือออกมา
พรึ่บ!
กระบี่หักที่ลายพร้อมขั้นสนิทเล่มหนึ่งโฉบพรวดออกมา หลงเหลือเพียงปลายกระบี่เสี้ยวหนึ่ง แต่ยามเมื่อปรากฏตัว กลับปลดปล่อยเกลียวคลื่นปราณกระบี่สีแดงฉานเป็นวงๆ ทำให้ห้วงอากาศแถบนั้นล้วนย้อมเป็นสีแดง
“กลิ่นอายมรรคจักรพรรดิ! นี่คงไม่ใช่กระบี่จักรพรรดิที่แตกชำรุดเล่มหนึ่งหรอกกระมัง”
มีคนตกใจ ร้องอุทานเสียงหลง
ส่วนจำนวนหนึ่งยิ่งร่างกายแข็งทื่อ ขนลุกขนชัน รับรู้ถึงไอหนาวเหน็บและภัยคุกคามกรีดกระดูกได้จากปลายกระบี่เสี้ยวนี้
“บั่น!”
เหวินฉิงเสวี่ยสีหน้าขึงขัง รวบนิ้วตวัดวาดคราหนึ่ง
ปลายกระบี่ลายพร้อยเสี้ยวนั้นสว่างวาบเบาๆ กลางห้วงอากาศ ดูคล้ายเชื่องช้าหาใดเปรียบ แต่พริบตาเดียวกลับปรากฏขึ้นบริเวณกลางคิ้วของหลินสวิน เสียบเข้าไปหนักๆ
ภาพเหตุการณ์ดูเหมือนช้าที่ความจริงรวดเร็วยิ่ง ทำให้ผู้คนอึดอัดจนอยากกระอักเลือด
ชิ้ง!
ดาบหักที่ถูกฟูมฟักอยู่ในห้วงนิมิตกลางคิ้วของหลินสวินพลันโฉบพรวดออกมา โจมตีโดนปลายกระบี่เสี้ยวนี้อย่างแม่นยำหาใดเปรียบ
ทั้งคู่ชนกระแทกกัน ดาบหักสั่นโคลง ถึงกับถูกซัดกระเด็น!
อาศัยโอกาสนี้ เงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิมนานแล้ว ปรากฏตัวอยู่บริเวณอีกฝั่ง เพียงแต่หว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏแววแปลกไปแวบหนึ่ง
ปลายกระบี่ที่แตกชำรุดเสี้ยวนี้ เห็นชัดว่าเป็นสมบัติที่น่าทึ่งสุดขีดชิ้นหนึ่ง สงสัยว่าเป็นสมบัติจักรพรรดิเสื่อมชำรุด!
สวบ!
ปลายกระบี่สว่างวาบ เรียกเกลียวคลื่นปราณกระบี่สีแดงฉานเป็นวงๆ บุกสังหารเข้ามาอีกครั้ง
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ซวีหลิงคุนส่งเสียงตะโกนสนั่นออกมา บีบโจมตีจากอีกด้านหนึ่ง ทวนใหญ่กระดูกขาวเล่มหนึ่งระเบิดทะลักกระแสหนาวเหน็บไร้สิ้นสุดออกมา ปรากฏภาพลายมรรคแน่นขนัด มีเสียงธรรมเร้นลับอัศจรรย์ดังแว่วๆ
ไม่ว่าพวกชมการต่อสู้คนใดก็ตาม ในเวลานี้ล้วนอดหายใจติดขัดไม่ได้ การเข่นฆ่าทั้งหมัดนี้เร็วเหมือนฟ้าแลบ และอำมหิตถึงจุดสูงสุด!
ตูมโครม!
กลางเสียงร้องกระหึ่มที่สะเทือนโสตจวนหูจะหนวก ทุกคนล้วนมองเห็นชัดเจน เบื้องหน้าหลินสวินปรากฏโล่สำริดที่คราบเลือดเป็นด่างๆ อันหนึ่งขึ้นมา
นี่เป็นถึงสมบัติโบราณชิ้นหนึ่งที่หลินสวินได้มาจากมือของบุตรนรก ที่มาสุดหยั่ง พลังป้องกันชวนตกใจหวาดผวา แต่เพียงพริบตาเดียวสั้นๆ ก็แตกกระจายฉับพลัน ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เหมือนกับก่อนหน้านี้ หลินสวินที่คว้าโอกาสเสี้ยวหนึ่งได้เริ่มโจมตีกลับ สมบัติสามชิ้นอย่างกระบี่อเวจี กระบี่ยอดสังหาร ดาบหักล้วนบุกสังหารไปทางซวีหลิงคุนพร้อมกัน
ว่ากันตามปกติแล้ว พลังต่อสู้ของซวีหลิงคุนสูงกว่าเหวินฉิงเสวี่ยอยู่โขหนึ่ง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ปลายกระบี่ลึกลับที่เหวินฉิงเสวี่ยเรียกออกมาพลังฆ่าล้างน่ากลัวสุดขีด ตรงข้ามกลับก่อผลกระทบระดับหนึ่งให้แก่หลินสวิน
ฉะนั้นหลินสวินตั้งใจว่าจัดการซวีหลิงคุนก่อน แล้วค่อยกำจัดเหวินฉิงเสวี่ย
ซวีหลิงคุนนัยน์ตาหดรัด ต่อต้านเต็มกำลังโดยไม่ลังเล แต่ลำพังแค่ปะทะกันครั้งเดียว เขาก็ถูกซัดถอยร่น ปราณโลหิตรอบกายพลิกตลบระลอกหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะหลบทันเวลา คงเกือบถูกดาบหักปาดหน้าปริไปแล้ว เห็นชัดวง่าค่อนข้างสะบักสะบอม
เขายัวะจัด กล่าวเสียงคำราม “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีสมบัติก้อนกรุหรือ”
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ม้วนภาพที่สภาพเก่าแก่โบราณแผ่นหนึ่งคลี่ขยายออกกลางห้วงอากาศ บนม้วนภาพวาดสลักดาบบินสิบหกเล่มเอาไว้
บ้างก็ขาวกระจ่างเรียวเล็ก ดุจดั่งแสงเคลื่อนย้ายร่ายระบำ
บ้างก็ดำมืดดุจหมึก คล้ายมีแต่ไม่มีกลางความมืดมิด
บ้างก็แปลงเป็นเพลิงเทพสีทอง สาดพรมลำแสงดาบเป็นหยดๆ
ดาบบินแต่ละเล่ม ล้วนมีชีวิตชีวา ปรากฏลักษณ์แตกต่างกัน เร้นลับอัศจรรย์พันหมื่น แต่ละเล่มอานุภาพน่าสะพรึงชวนผวาถึงขีดสุด
“‘ลวดลายสิบหกดาบจักรพรรดิ’ ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลซวี!”
คนไม่น้อยตกใจ จำที่มาของม้วนภาพแผ่นนี้ได้ เป็นภาพที่ ‘จักรพรรดิมารซวีหง’ หนึ่งเจ็ดมหาจักรพรรดิมาร บรรพบุรุษเผ่าจักรพรรดิตระกูลซวีวาดเองกับมือ บนนั้นประทับเจตจำนงและสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณของระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเอาไว้
ทันทีที่ดาบบินสิบหกเล่มโฉบออกมา สามารถบั่นเทพผี ตัดแหวกเวิ้งฟ้าได้!
“แสงมายา!”
กลางเสียงร้องตะโกนลั่นของซวีหลิงคุน ในภาพม้วนโฉบดาบบินที่เรียวเล็กดุจแสงเคลื่อนไหวเล่มหนึ่งออกมา แหวกอากาศบั่นไปทางหลินสวิน
ความเร็วไม่ถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ แต่กลับเบาหวิวล่องหน ทำให้รู้คนไม่สามารถตรวจจับได้
ชิ้ง!
หลินสวินใช้ดาบหักเข้าปะทะ ทั้งคู่สอดประสาน แต่กลับซัดสะเทือนจนร่างหลินสวินโงนเงนเบาๆ คราหนึ่ง นัยน์ตาหรี่ลงอย่างอดไม่ได้
“ดับนิพพาน!”
ซวีหลิงคุนสีหน้าเลือดเย็น ดาบบินสีดำสนิทโฉบพรวดออกมาอีกสาย ดั่งเงาตะคุ่มกลางความมืดมิด บั่นไปทางหลินสวิน
“เพลิงเร้น!”
“เงาอีกา!”
“ตัดสะบั้น!”
“ทะลวงน้ำค้างแข็ง!”
…นี่ยังไม่ถือว่าจบ ในเวลาต่อมา ซวีหลิงคุนปล่อยดาบบินสิบเล่มเต็มออกมาในอึดใจเดียว เบียดสังหารไปทางหลินสวิน
ดาบบินแต่ละเล่ม ล้วนมีความเร้นลับเฉพาะตัว เมื่อดาบสิบเล่มปรากฏ ก็เห็นทุกแห่งหนกลางห้วงอากาศล้วนเป็นแสงดาบที่งดงามสุดหยั่ง
พวกจวนอวี๋เหิงในบริเวณไกลออกไปยังลอบตกใจ สูดหายใจเย็น
นี่ก็คือ ‘ลวดลายสิบหกดาบจักรพรรดิ’ ผลงานชิ้นเอกของจักรพรรดิมารซวีหง!
พริบตาเดียวเท่านั้น หลินสวินก็ตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเสี่ยงอันตราย
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ในการเข่นฆ่าครั้งนี้ เหวินฉิงเสวี่ยก็ไม่ได้อยู่เฉย ควบคุมกระบี่มรรคมหายุทธ์และปลายกระบี่ลึกลับจัดการหลินสวินพร้อมกัน
ไม่ว่าใครเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ล้วนต้องหนังหัวชาหนึบเกิดความเกรงกลัวในใจ
ในความเป็นจริง เวลานี้หลินสวินประสบอันตรายแล้วจริงๆ อาณาเขตที่เงาร่างขยับไหวเคลื่อนย้ายกำลังถูกกดทับและหดเล็กลงเรื่อยๆ
ดาบหัก กระบี่อเวจี กระบี่ยอดสังหารถึงแม้จะแกร่ง แต่กลับไม่ใช่ศาสตราจักรพรรดิ อานุภาพในตอนนี้ยากจะไปต่อต้านปลายกระบี่ลึกลับและลวดลายสิบหกดาบจักรพรรดิ
นี่ก็คือแรงช่วยเหลือจากพลังภายนอก!
บุคคลชั้นเลิศที่พื้นเพสูงส่งอย่างซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ยไหนเลยจะไม่มีสมบัติก้นกรุจำนวนหนึ่ง
ลำพังแค่ ‘พลังภายนอก’ เหล่านี้ก็เพียงพอจะช่วยพวกเขาสามารถสลายเคราะห์ให้แคล้วคลาดยามเมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถเอาชนะได้!
ถึงตอนนี้ ซวีหลิงคุน และเหวินฉิงเสวี่ยเพิ่งจะลอบถอนหายใจโล่งอกคราหนึ่ง ในใจเบายวบลงไม่น้อย ทุ่มวิธีการทั้งหมด ในที่สุดก็เริ่มปราบหลินสวินอยู่ ทำให้พวกเขาก็มีกำลังวังชาเพราะเหตุนี้ด้วยเช่นกัน
“ฆ่า!”
ทั้งสองคนไม่อาจพลาดโอกาสงามระดับนี้ได้ ไม่ได้แวะพักแต่อย่างใด พลังบุกโจมตีถึงขั้นที่อำมหิตยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ท่าทางราวกับหมายจะโจมตีหลินสวินตายคาที่อย่างสิ้นเชิง
ผู้ชมการต่อสู้ล้วนสายตาขยับไหว บนเส้นทางแสวงมรรค มีแต่ต้องอาศัยตนเองไปเสาะแสวง ทว่าในการต่อสู้ พลังภายนอกก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง นี่คือหลักการที่มั่นคงไม่อาจหักล้างสืบมาตั้งแต่บรรพกาล
เห็นได้ชัดว่า เวลานี้พวกเหวินฉิงเสวี่ยกำลังครองสถานการณ์ได้เปรียบในแง่ของ “พลังภายนอก”!
แต่ยังไม่รอให้พวกเหวินฉิงเสวี่ยดีใจ หลินสวินที่ดูท่าทางเหมือนถูกไล่ต้อนตัวหดเล็กลง จู่ๆ ก็ส่งเสียงแค่นหัวเราะออกมา
“เดิมทีตั้งใจจะประชันมรรควิถีแห่งตนกับพวกเจ้า ให้พวกเจ้าตายอย่างหมดห่วงเสียหน่อย แต่ฝีมือของพวกเจ้า…ทำให้ข้าผิดหวังมากจริงๆ”
คำพูดเย้ยหยันอย่างไม่ปกปิดใดๆ
ครู่ต่อมา เจดีย์องค์หนึ่งปรากฏขึ้นจากตัวหลินสวิน ตัวเจดีย์ดุจดั่งหลอมสร้างขึ้นจากทองเทพกระจกแก้ว เปล่งแสงสว่างไสวเจิดจ้าในเวลานี้!
ทุกคนรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าปวดแสบ กลิ่นอายเวิ้งว้าง เก่าแก่ ไพศาลวูบหนึ่งแผ่ซ่านออกมาเจดีย์องค์เดียวเท่านั้น ถึงกับทำให้พวกเขารู้สึกถึงอานุภาพสูงสุดที่จวนจะกำราบจากอดีตจวบจนปัจจุบันอย่างหนึ่ง!
และในพริบตานี้ สมบัติใดก็ตามที่สังหารเข้าใส่หลินสวิน ไม่ว่าจะเป็นลวดลายสิบหกดาบจักรพรรดิ กระบี่มรรคมหายุทธ์ หรือปลายกระบี่ลึกลับเสี้ยวนั้น ล้วนราวกับถูกกดข่ม จู่ๆ ก็สั่นกึกกลางห้วงอากาศ เกิดความรู้สึกควบนิ่งเฉื่อยช้า!
“นี่…”
พวกซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ยล้วนนัยน์ตาหดรัด สีหน้าเปลี่ยนไป
“อย่าบอกเชียวว่าพวกเจ้าคิดว่า มีแต่ในมือพวกเจ้าเท่านั้นที่มีมีไพ่ตาย แข่งขันแย่งสมบัตินอกกาย ข้าหลินสวินไม่เคยแพ้มาก่อน!”
ในน้ำเสียงเย็นเยียบ เหนือศีรษะหลินสวินผุดลอยเจดีย์สมบัติ ร่ายการโจมตีกลับ!
ตูม!
เจดีย์สมบัติเรืองแสง พ่นกระเซ็นแสงมรรคทองนิลกาฬพันหมื่นออกมา แต่ละสายล้วนทองอร่าม เจืออานุภาพยิ่งใหญ่แห่งอริยเทพ โชติช่วง ชัชวาล
ปลายกระบี่ลึกลับส่งเสียงร้องคร่ำครวญดังวู้มเสียงหนึ่ง ย้อนกลับมาแบบไม่ประสบความสำเร็จ ถูกซัดสะเทือนจนกระเด็นออกมา
ดาบบินที่บั่นสังหารมาเป็นสายๆ ล้วนส่งเสียงร้องระงมสะเทือนเลื่อนลั่นฟ้าดิน ราวถูกชนจ้วงกับกำแพง ไม่สามารถเฉียดใกล้หลินสวินได้แม้เพียงนิดเดียว
เครื่องยึดเหนี่ยวและไพ่ตายที่เสมือนยิ่งใหญ่ที่สุดของเหวินฉิงเสวี่ย และซวีหลิงคุน ถูกหลินสวินสยบกำราบ!
“นี่เป็นสมบัติอะไร”
“หรือจะเป็นเจดีย์องค์นั้นที่หายสาบสูญไปในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ เป็นไปไม่ได้! เจดีย์องค์นั้นถูกทำลายสิ้นซากไปนานแล้ว ไม่มีทางปรากฏขึ้นใหม่ได้อีกเด็ดขาด…”
พวกจวนอวี๋เหิง ฮว่าซิงหลีต่างก็พากันหน้าเปลี่ยนสี
พบลังของเจดีย์องค์นั้น ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกถึงแรงบีบเค้นและพรั่นใจระลอกหนึ่ง วิเศษอัศจรรย์และไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!
“ตาย!”
และขณะนี้ หลินสวินโบกกระบี่บุกไปทางซวีหลิงคุนตั้งแต่แรก ความเร็วเร็วจนน่าเหลือเชื่อ พลังก็แข็งแกร่งจนเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด
ซวีหลิงคุนคำรามลั่น เบี่ยงหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่รับบุกเข้าใส่สุดกำลัง
พริบตาเดียว ร่างของเขาก็ถูกฟันกระเด็น เลือดออกเจ็ดทวาร เบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง เอ็นกระดูกทั่วร่างแทบขาดสะบั้น ส่งเสียงอู้อี้อย่างเจ็บปวดออกมา
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท