ตอนที่ 216 พี่ชายตัวน้อยงามจริง
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างตกใจ แต่ไม่นานก็เข้าใจ นางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเท่ากับหย่ากันแล้ว เขาก็ไม่เคยคิดจะมอบเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้นางเลี้ยงดู เช่นนั้นเขาย่อมเรียนรู้ที่จะดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ไม่ต้องให้ถึงตอนที่ทั้งสองคนแยกทางกัน เขาก็ทำอะไรไม่ถูก
ลู่เจียวเองก็พอเข้าใจ และนางก็ไม่ได้คิดปฏิเสธ เพราะนางก็คิดว่าจะไปใช้ชีวิตในอำเภอ
นางร่วมเปิดโรงผลิตสามโรงกับจ้าวหลิงเฟิงที่อำเภอ กอปรกับนางกะไปซื้อที่นาแถวอำเภอชิงเหอด้วย
วันหน้านางใช้ชีวิตในอำเภอเป็นหลัก ไปอำเภอก็ดี
ในห้องโถง เถียนซื่อรีบมองลู่เจียวทันที เห็นนางไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร คิดว่าทั้งสองคนคุยกันดีแล้ว ก็ถามอย่างห่วงใยว่า “งั้นพวกเจ้าไปอำเภอกันก็ต้องเช่าบ้านก่อนไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “อืม ไว้กลับไปข้าไหว้วานคนไปหาเช่าบ้านแถวสำนักศึกษาในอำเภอ ถึงตอนนั้นพวกนางก็จะไปอยู่กับข้า”
เถียนซื่อคิดว่าอย่างนี้ดีมาก ครอบครัวไม่แยกจากกัน
ลู่ต้าเหนียนเองก็คิดว่าดี มีเพียงเซี่ยเถี่ยหนิวที่ดูเป็นกังวลอยู่บ้าง พี่สะใภ้สามไปอำเภอแล้ว งั้นการเลี้ยงปลิงของพวกเขาจะทำเช่นไร
แต่ก็คิดถึงเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ขึ้นมาได้ทันที จึงไม่เป็นกังวลอีก ท่านอาเอ้อร์จู้ไม่แน่น่าจะเลี้ยงปลิงเป็นแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง
ในห้องโถง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินว่าพวกเขาจะได้ตามท่านพ่อไปอยู่อำเภอ ก็ดีใจกันขึ้นมาทันที ดิ้นลงจากแขนลู่กุ้ยวิ่งไปหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ถามอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อ ท่านพูดจริงหรือ พวกเราตามท่านพ่อไปอำเภอได้หรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือลูบหัวพวกเขา “อืม พวกเราไปอำเภอด้วยกัน”
“งั้นข้าก็ไปเล่นสำนักศึกษาท่านพ่อได้หรือ”
“ได้สิ”
“ท่านพ่อเคยบอกว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวที่อำเภอ”
“รอพวกเจ้าไปอำเภอก่อน ท่านพ่อจะพาพวกเจ้าเที่ยวในอำเภอ”
“อืม อืม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจยิ้มตาหยี ยามนี้นอกห้องโถงบ้านตระกูลลู่มีหัวผลุบโผล่อยู่หน้าประตูชะเง้อมองเข้ามา
เถียนซื่อเห็นก็รีบหันไปเรียกเด็กผู้ชายที่ผลุบโผล่ว่า “หู่จื่อ เถาจื่อ รีบเข้ามาคารวะท่านอาเขย ท่านอาสิ”
หู่จื่อห้าขวบกับเถาจื่อสองขวบเดินเข้ามา เถาจื่อเพิ่งหัดเดินได้ไม่นาน ที่ชอบที่สุดก็คือติดตามหู่จื่อ ยามนี้หน้าตามอมแมมไปหมด
เด็กน้อยสองคนเดินเข้ามา เรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวว่า “ท่านอาเขย ท่านอา”
เถาจื่อด้านหลังหน้าตาน่ารักดึงดูดความสนใจของลู่เจียว เถาจื่อตัวน้อยหน้าตาเหมือนกับลู่เจียวอยู่บ้าง ลู่เจียวเห็นแล้วก็ชอบมาก กวักมือเรียกนางมาหา
“เจ้าก็คือเถาจื่อ?”
ดวงตากลมโตของเถาจื่อกะพริบปริบๆ พยักหน้าหงึกๆ “ข้าคือเถา…เถาจื่อ”
ลู่เจียวคว้าผ้าเช็ดหน้าจากในแขนเสื้อออกมาเช็ดหน้าตาเปื้อนฝุ่นให้เถาจื่อ เถาจื่อลืมตามองนางอย่างน่าเอ็นดู
ลู่เจียวยังยื่นลูกกวาดให้เถาจื่อ หู่จื่อยู่ปาก แต่ก็ไม่ได้เข้ามาแย่ง
ลู่เจียวก็ไม่ได้ทำให้เด็กน้อยลำบากใจ ยื่นลูกกวาดให้หู่จื่ออีกชิ้น
หู่จื่อเข้ามาคว้าทันที ในที่สุดใบหน้าน้อยๆ ก็ดีขึ้น
เถียนซื่อเรียกหู่จื่อมาพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเล่นที่ลานด้านนอก
“หู่จื่อพาน้องๆ ไปเล่นที่ลานด้านนอกก่อน”
พอเถียนซื่อกล่าว หู่จื่อสีหน้าแปรเปลี่ยน หันไปจ้องมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ฮึ ไม่เอา”
กล่าวจบก็หันหลังวิ่งออกไป เขาถูกท่านแม่จัดการเขาไปหลายทีเพราะน้องชายสี่คนนี้ ท่านแม่เขายังว่าไม่อยากได้เขาแล้ว จะอุ้มเขาไปทิ้งบ้านท่านป้า
เมื่อครู่เขาเห็นแล้ว น้องชายเขาไม่เห็นมีอะไรดี หน้าตางดงามเหมือนเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายก็ไม่เหมือนเด็กผู้ชาย เขาไม่เล่นกับพวกเขาหรอก
เถาจื่อเดินโยกไปเยกมา มองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ พี่ชายทั้งสี่งามจริง
“เถาจื่อพา พาพวกพี่ๆ ไปเล่น”
เถาจื่อกล่าวจบก็ยื่นมือคว้ามือต้าเป่า “พี่ชาย ไป ไปเล่นกัน”
ต้าเป่ามองลู่เจียว ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไปเล่นกับน้องสิ”
เถียนซื่อเองก็ยิ้มรับคำ “ไปสิ ไปเล่นที่ลานบ้าน แต่อย่าออกไปนะ อีกสักครู่ก็จะกินข้าวกันแล้ว”
“ขอรับ ท่านยาย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตามเถาจื่อออกไป คนในห้องโถงก็เริ่มคุยกันขึ้นมา ที่คุยกันครั้งนี้ก็คือเรื่องกิจการค้าเต้าหู้ของบ้านตระกูลลู่
“ตามที่ท่านแม่ว่ามา ทุกวันทำสามร้อยชั่ง พวกเขาพี่น้องสามคนไปขายคนละหนึ่งร้อยชั่ง ส่วนกากถั่วก็เอาไว้เลี้ยงหมู ยังเหลือเอาไปขายให้คนในหมู่บ้านด้วย”
เถียนซื่อกล่าวจบ ลู่ต้าเหนียนรีบมองลู่เจียวกล่าวว่า “ดีที่เจียวเจียวคิดการค้านี้ให้พวกเรา พ่อแม่ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ที่บ้านมีชีวิตที่ดี ข้าเองก็ดีใจ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็คิดถึงครั้งก่อนนางให้ลู่กุ้ยกลับมาบอกเรื่องเลี้ยงปลิง เดิมนางคิดว่าบ้านตระกูลลู่ย่อมอยากเลี้ยงปลิงสักสองหมู่ คิดไม่ถึงว่าบ้านตระกูลลู่เงียบกริบ ลู่เจียวหันไปมองลู่กุ้ยกล่าวว่า “ครั้งก่อนที่บอกเจ้า ให้เจ้ากลับมาถามที่บ้านว่าจะเลี้ยงปลิงไหม ต่อมาทำไมเงียบไป”
บ้านตระกูลลู่แม้ว่ามีกิจการเต้าหู้ แต่พี่น้องสามคนมีการค้าเพิ่มอีกสักอย่างย่อมดี คิดไม่ถึงว่าบ้านตระกูลลู่กลับเงียบกริบ
ลู่กุ้ยพอได้ฟังก็อ้าปากคิดเอ่ย พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองก็เดินเข้าห้องโถงมา
“ท่านแม่ อาหารทำเสร็จแล้ว ต้มหมี่แล้วก็ทำกับข้าวอีกสองอย่าง ครอบครัวน้องเจียวกับน้องเขยหิวแล้ว กินกันก่อน ตกค่ำค่อยทำอาหารเพิ่มอีกหน่อย”
เถียนซื่อไม่ได้กล่าวอะไร ลู่เจียวเอ่ยขึ้นก่อน “ได้ รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองแล้ว”
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองรีบโบกมือพัลวัน “น้องเจียวอย่าได้เกรงใจพวกเราเลย”
ตอนนี้น้องสามีผู้นี้เหมือนเป็นผู้ใหญ่และรู้ความขึ้น ไม่ได้เอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หากลู่เจียวยังจะเกรงใจพวกนางอีกก็คงไม่ดี ครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเหินห่างเพียงนั้น นางหันไปเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซี่ยเถี่ยหนิวให้มากินข้าว เรียกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ด้านนอกเข้ามากินข้าว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกสนใจลากับโม่หินที่บ้านท่านยายมาก ยืนดูอยู่เป็นนาน
ทั้งสี่คนพอเข้ามาก็กล่าวว่า “ท่านแม่ บ้านท่านยายมีลาตัวหนึ่ง ยังมีโม่หิน เถาจื่อบอกว่าเอาไว้ทำเต้าหู้”
เถียนซื่อยิ้มกอดคนหนึ่งมากล่าวว่า “ตอนบ่ายยายจะทำน้ำเต้าหู้ให้พวกเจ้าดื่ม”
“อืม ดีจัง”
หลังกินอาหารเที่ยงเสร็จ เถียนซื่อเป็นห่วงขาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ให้ลู่กุ้ยพาเขาไปพักผ่อนในห้องที่เมื่อก่อนเคยเป็นห้องของลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร กล่าวขอบคุณตามมารยาทกับเถียนซื่อและลู่ต้าเหนียนก่อนจะตามลู่กุ้ยไป
เถียนซื่อให้ลู่ต้าเหนียนพาเซี่ยเถี่ยหนิวไปพัก ลู่ต้าเหนียนรับคำพาเซี่ยเถี่ยหนิวไปพักอย่างยินดี
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างกระตือรือร้น “ไป ไป ไปเล่นกับน้าสะใภ้กัน”
หญิงสองคนอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปอย่างตื่นเต้น ตั้งใจจะไปอวดคนในหมู่บ้านเสียหน่อย
เถาจื่อไล่ตามท่านแม่ตนเองไปอย่างน่าสงสาร “ท่านแม่ ข้า ข้า ยังมีข้านะ”
น่าเสียดายมารดานางลืมลูกสาวตนเองไปแล้ว
ในห้องโถง เถียนซื่อดึงลู่เจียวไปเรือนนอนกลาง ทั้งสองคนคุยกระซิบกระซาบกันเบาๆ
“ครั้งก่อนแม่ได้ยินน้องชายเจ้าว่า อวิ๋นจิ่นดีกับเขามากเป็นพิเศษ เหมือนเห็นเขาเป็นคนในครอบครัว ทำไมครั้งนี้แม่ดูแล้ว เขายังคงเกรงใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน