ตอนที่ 222 สายตาดีไม่เลว
ต้าเป่าไม่ทันได้พูดอะไร ลู่เจียวก็กำลังเดินออกมาจากห้องปีกตะวันตก หู่จื่อรีบเข้าไปกอดขาลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านอา ข้าก็อยากได้แปรงสีฟัน”
ลู่เจียวยื่นมือไปลูบหัวหู่จื่อกล่าวว่า “ได้ อาจะทำให้เจ้ากับเถาจื่อคนละอัน งั้นเจ้าไม่โกรธน้องๆ แล้วนะ ดีไหม”
หู่จื่อหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ รู้สึกว่าพวกเขาก็ไม่เลว ก่อนหน้านี้เขาไม่สนใจพวกเขา พวกเขาก็ไม่โกรธ ความจริงพวกน้องชายก็ดีมาก ที่ไม่ดีก็คือท่านแม่เขา
ใช่ ต้องเป็นเช่นนี้ หู่จื่อยิ้มพลางพยักหน้า “อืม ข้าไม่โกรธพวกเขาแล้ว”
เขากล่าวจบก็หันวิ่งไปดึงมาทีละคน กล่าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่า “เดี๋ยวข้าพาพวกเจ้าไปดูท่านยายทำเต้าหู้”
“ได้”
เด็กๆ ดีกันแล้ว
ลู่เจียวเดินไปตักน้ำล้างหน้า ซื่อเป่าตามติดลู่เจียวราวกับสุนัขตัวน้อย ลู่เจียวคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เลยไม่สนใจเจ้าหมอนี่
เด็กน้อยเหมือนโดนรังแก ขอบตาแดงไม่รู้ตัว ตามไปยืนนิ่งข้างแท่นล้างหน้าของลู่เจียว
“ท่านแม่ เมื่อวานข้าทำผิด”
ลู่เจียวนึกขำ ยังรู้ว่าทำอะไรผิด นางหันไปมองซื่อเป่า “ว่ามาทำผิดอะไร”
ซื่อเป่าเห็นลู่เจียวเหมือนไม่ได้โมโหอะไร ก็ใจกล้าขึ้นมาหน่อย ยื่นมือไปกอดคอลู่เจียว
“ข้าบอกท่านยายเรื่องท่านแม่กับท่านพ่อหย่ากัน”
ลู่เจียวรีบทำหน้าดุอบรมเขา “เด็กผู้ชาย ปากมากไม่ได้”
ซื่อเป่าตาแดงยิ่งขึ้น กอดลู่เจียวไว้ กล่าวว่า “ข้า ข้ารู้ผิดแล้ว วันหน้าไม่พูดมากอีกแล้ว ข้าก็แค่อยากให้ท่านยายบอกท่านแม่ว่าอย่าไป”
ลู่เจียวยิ้ม เจ้าหมอนี่รู้จักใช้อุบายเป็นด้วย ดูท่าเด็กๆ ยิ่งมีความคิดของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ลู่เจียวยื่นมือไปขยี้หัวซื่อเป่า “ครั้งนี้ละเว้นเจ้า วันหน้าห้ามทำตัวเป็นหญิงปากมากอีกนะ รู้ไหม พวกเราเป็นเด็กผู้ชาย ก็ต้องเป็นชายชาตรี ทำอะไรก็ต้องเปิดเผย อย่าได้ทำตัวพูดมากเหมือนเด็กผู้หญิง”
ซื่อเป่าเห็นท่านแม่ไม่โกรธก็ยิ้มพยักหน้าทันที “อืม ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว วันหน้าไม่พูดมากอีกแล้ว”
ลู่เจียวใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้เขา ยิ้มกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปเล่นกับพี่ๆ ได้แล้ว กินอาหารเช้าแล้ว พวกเราก็จะกลับบ้านกัน”
ซื่อเป่ายังไม่ค่อยอยากกลับ มองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ จะกลับแล้วหรือ อยู่ต่ออีกสองวันได้ไหม”
ลู่เจียวใช่ว่าไม่อยากอยู่ต่อ ประเด็นคือคนบ้านตระกูลลู่มีกันมาก พวกเขาทั้งครอบครัวอยู่ร่วมกันที่นี่ วุ่นวายไปหน่อย อีกอย่างบ้านตระกูลลู่ยังต้องทำอาหารมาคอยดูแลพวกเขา ยุ่งยากมาก
“หากเจ้าอยากอยู่ ก็อยู่เล่นต่ออีกสองวัน”
ซื่อเป่าพอได้ฟังก็รีบปฏิเสธ ยกมือกอดแขนลู่เจียว “ท่านแม่กลับข้าก็กลับ ข้าไม่อยากแยกจากท่านแม่ ”
“ตกลง งั้นก็รีบไปเล่น”
ซื่อเป่าหันหลังเดินไปเล่นกับพวกพี่ๆ
บ้านตระกูลลู่เตรียมอาหารเช้าเต็มโต๊ะ นอกจากโจ๊กกับหมี่แล้วยังมีซาลาเปา และยังมีน้ำเต้าหู้ กับกับข้าวอีกหลายอย่าง ลู่เจียวเห็นที่บ้านงานยุ่งกันเช่นนี้ ก็ยังคิดทำอาหารมาดูแลพวกนาง ก็ตัดสินใจว่าหลังอาหารเช้าก็จะกลับเลย
เถียนซื่อกับสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองได้ยิน ก็รั้งให้พวกนางอยู่ต่ออีกสองวัน
“กลับไปก็ไม่มีอะไร อยู่ต่ออีกสองวันเถอะ”
หู่จื่อเพิ่งจะได้เล่นสนุกกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ตัดใจให้พวกเขาไปไม่ได้ หันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านอา อยู่อีกสองวันเถอะนะ ข้าจะพาน้องเที่ยวเล่น”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “งั้นเจ้าไปเที่ยวเล่นบ้านอา บ้านพวกน้องชายมีของเล่นเยอะแยะ ให้พวกเขาเอาของเล่นมาเล่นกับเจ้า ที่บ้านอายังมีสุนัขสองตัว มีแพะ มีกระต่ายด้วย”
ดวงตาหู่จื่อเปล่งประกาย รีบพยักหน้าหงึกๆ กล่าวว่า “ข้าไปๆ”
พี่สะใภ้ใหญ่ยกมือตบท้ายทอยลูกชายทีหนึ่ง “ไปอะไรกัน บ้านท่านอาเดิมก็มีน้องชายสี่คนแล้ว พาเจ้าไปวุ่นวายก่อเรื่อง ที่บ้านคงยุ่งไปใหญ่”
ลู่เจียวยิ้มมองพี่สะใภ้ใหญ่กล่าวว่า “ครั้งนี้ลู่กุ้ยตามข้าไปด้วย จะได้ดูแลเจ้าหนูห้าคนพอดี ไม่เป็นไรหรอก”
พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองรู้แล้วว่าลู่กุ้ยจะตามไปทำงานกับลู่เจียว ทั้งสองคนก็พากันมองไปยังลู่กุ้ย
ลู่กุ้ยยิ้มกล่าวว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่เป็นไร ให้หู่จื่อไปเถอะ ไว้ข้าหาเวลาพาเขากลับมาส่ง พี่ดูสิเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ของพี่เจียวรู้ความมีมารยาท ล้วนเพราะพี่เจียวอบรม รอให้หู่จื่อกลับจากบ้านพี่เจียว รับรองรู้มารยาท และเชื่อฟัง”
พอลู่กุ้ยกล่าว พี่สะใภ้ใหญ่ก็แอบหวั่นไหว หันไปมองลู่เจียว “ไม่รบกวนน้องเจียวกระมัง”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ไม่รบกวน ไม่เป็นไร”
นางกล่าวจบหู่จื่อ ดีใจส่งเสียงร้องดัง หันไปถามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “พวกเจ้าอยากให้พี่หู่จื่อไปเล่นกับพวกเจ้าไหม”
เด็กที่ไหนไม่ชอบมีคนมาเล่นด้วย พอได้ฟังคำหู่จื่อว่าจะไปด้วย เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ดีใจยิ้มกว้าง “อยาก”
ยามนี้เด็กๆ ต่างพากันดีอกดีใจ
ลู่เจียวมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าลืมบอกเจ้า ลู่กุ้ยอยากตามข้าไปด้วย ไปช่วยดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ชั่วคราว วันหน้าข้าจะหางานอื่นให้เขาทำ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว มองลู่เจียวนิ่งลึก นางยอมรับลู่กุ้ยแล้ว? แม้แต่ลู่กุ้ยก็ยอมรับแล้ว ทำไมไม่ยอมรับเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปวดใจอย่างบอกไม่ถูก อดเงียบงันไม่ได้
คนบนโต๊ะกินข้าวเห็นท่าทางเขา คิดว่าเขาไม่อยากให้ลู่กุ้ยไปด้วย ก็พากันไม่รู้จะกล่าวอะไรดี
ความจริงลู่เจียวไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อะไร อย่างไรลู่กุ้ยก็ช่วยนางดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้
คิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงกับเงียบไป ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที
ลู่กุ้ยเอ่ยขึ้นก่อนว่า “หากไม่ยินดี ข้าก็ไม่ไป”
พอกล่าวจบ บรรยากาศบนโต๊ะก็เย็นเยียบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้สติ ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ไม่ใช่ไม่ยินดีให้น้องกุ้ยติดตามไป เพียงแต่คิดถึงว่าน้องกุ้ยตามมาช่วยงานพวกเราเช่นนี้ วันหน้าพวกเราจะตอบแทนน้ำใจอย่างไร”
บ้านตระกูลลู่พอได้ฟังเขาก็พากันโล่งอก ลู่กุ้ยยิ้มกล่าวว่า “พี่เขย ข้าไม่ต้องการให้พี่ตอบแทนน้ำใจ ข้าแค่คิดติดตามพี่สาวข้า ช่วยงานนาง พี่สาวข้าเป็นคนมีบุญบารมี ติดตามนางย่อมได้อานิสงส์ไปด้วย”
ลู่กุ้ยกล่าวจบก็หัวเราะแหะๆ เบิกบานใจอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่กุ้ย รู้สึกว่าน้องภรรยาผู้นี้แม้ว่าโง่ไปสักหน่อย แต่สายตาไม่เลว
ด้วยความเข้าใจของเขาที่มีต่อลู่เจียว หญิงผู้นี้วิชาการแพทย์ร้ายกาจมาก วันหน้าต้องประสบความสำเร็จแน่นอน น้องภรรยาติดตามนาง วันหน้าย่อมดีกว่าอยู่บ้านนอกแน่นอน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็กล่าวติดตลกว่า “สายตาน้องลู่กุ้ยดีจริง”
บ้านตระกูลลู่พากันหัวเราะดังขึ้น ลู่อันที่กินอาหารเช้าอยู่ข้างๆ รีบมองลู่เจียวกล่าวว่า “น้องเจียวอย่าลืมพี่รองนะ”
ลู่เจียวมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ทราบแล้ว”
หลังอาหารเช้าผ่านไป ทั้งครอบครัวก็เตรียมนั่งรถเทียมวัวกลับ เถียนซื่อไม่เพียงเตรียมเต้าหู้ไว้ ยังเตรียมไข่ไก่กับไก่ไว้ ก่อนจากนั้นยังมอบซองแดงให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คนละซอง ในนั้นมีเงินหนึ่งตำลึง
ลู่เจียวเองไม่ได้ห้าม ท่านแม่นางคิดเอาใจนาง
หากนางไม่รับ ในใจท่านแม่ก็คงไม่สบายใจ นางรับ ในใจท่านแม่จึงจะดีใจ