ตอนที่ 231 ทุกครั้งที่เห็นล้วนรู้สึกบาดตา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังชาวบ้านในหมู่บ้านสัพยอกก็หน้าร้อนผ่าวอย่างไม่อาจระงับ แววตามองไปยังลู่เจียวอย่างไม่อาจห้ามใจได้
ลู่เจียวแทบจะกลอกตามองบน แต่ก็อดไว้ ทำเหมือนไม่ได้ยิน เดินไปบอกผู้หญิงในหมู่บ้านที่มาช่วยงานว่าเที่ยงนี้กินอะไร ทำอะไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวเช่นนี้ แม้ว่าพยายามระงับใจเต็มที่ แต่ในใจก็ยังแอบสลดวูบลงอย่างไม่เป็นที่สังเกต ทว่าสีหน้ายังคงไม่แสดงออก เดินไปขอให้คนสองสามคนตามลู่เจียวขึ้นเขาไปหาก้อนหิน
ลู่เจียวเองก็ตามทุกคนขึ้นเขาไป เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดิมคิดตามไปด้วย แต่ลู่เจียวห้ามพวกเขาไว้
“แม่กับลุงรองเจ้าขึ้นเขาไปหาก้อนหิน ไม่มีเวลาดูแลพวกเจ้า ไว้ว่างๆ แม่ค่อยพาพวกเจ้าขึ้นไปเล่นบนเขานะ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบพยักหน้าอย่างรู้ความ ลู่กุ้ยพาพวกเขาออกไปเล่น ลู่เจียวตามคนขึ้นเขาไป
ก้อนหินบนเขามีรูมีไม่น้อย แต่ก้อนหินมีรูสี่มุมนั้นแทบไม่มี
ลู่เจียวรู้แล้วว่า คิดหาก้อนหินมีรูอย่างเดียวไม่น่าจะได้ ดังนั้นได้แต่เลือกก้อนเหลี่ยมที่มีรู แล้วค่อยใช้สว่านไฟฟ้าเจาะรูอีกสามรู เช่นนี้ก็ได้
ลู่เจียวมองไปยังเซี่ี่ยเอ้อร์จู้กับพวกสวี่ตัวจิน กล่าวว่า “พวกเราแยกกันหาเถอะ เช่นนี้เร็วกว่า”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้แอบเป็นห่วงลู่เจียว กล่าวอย่างห่วงใยว่า “งั้นข้ากับน้องสะใภ้สามหาด้วยกันนะ”
ลู่เจียวกลับปฏิเสธ เซี่ี่ยเอ้อร์จู้มาตามนาง นางจะเจาะรูอย่างไร
“พี่รองอย่าได้เป็นห่วงข้า ข้าขึ้นเขาเก็บสมุนไพรคนเดียวบ่อยไป ทุกคนก็แยกย้ายกันหาละกัน เช่นนี้หาก้อนหินเจอได้ง่ายกว่า”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ได้ฟังคำพูดลู่เจียว พลางคิดถึงพละกำลังน้องสะใภ้สาม ก็ไม่ได้ดึงดันต่อ แต่ก็ไม่ลืมกำชับลู่เจียว
“งั้นเจ้าก็ระวังหน่อย”
กล่าวจบทุกคนก็แยกย้ายกันหาก้อนหิน ลู่เจียวความจริงเล็งก้อนหินเหลี่ยมๆ ไว้ก้อนหนึ่งแล้ว รอให้คนข้างกายไปกันหมด นางก็จะรีบพุ่งเข้าไป ยกก้อนหินเหลี่ยมเข้าไปในห้วงอากาศ
สว่านไฟฟ้านางเก็บไว้ในห้วงอากาศ เผื่อไว้ใช้ ในฐานะแพทย์ทหาร นางล้วนเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในสภาพป่าเขาไว้พร้อม
ยามนี้ได้นำมาใช้พอดี
ลู่เจียวเลือกก้อนหินก้อนหนึ่ง เป็นหินเขียว[1] หินเขียวแม้ไม่แข็งแกร่งเหมือนหินแกรนิต แต่ก็ไม่ใช่หินที่แตกง่ายเหมือนหินปูน
แต่หินเขียวแม้ว่าความแข็งไม่เลว แต่ทนแรงสว่านไม่ได้ ลู่เจียวก็เจาะรูได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อุ้มก้อนหินออกจากห้วงอากาศ
พอนางออกมาจากห้วงอากาศก็ตะโกนไปรอบทิศว่า “พี่รอง พี่สวี่ พี่หลิน พวกท่านรีบมาดูนี่ ตรงนี้มีก้อนหินที่ใช้ได้ก้อนหนึ่ง”
เพื่อป้องกันคนมองหินก้อนนี้ออก ลู่เจียวจึงได้เจาะซ้ายรูขวารู เจาะรูกะพอดีๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติหน่อย
ดังนั้นพวกเซี่ี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินเห็นแล้ว ก็ไม่ได้นึกสงสัยว่าก้อนหินนี้มีคนเจาะรูไว้ ทุกคนต่างอุทานชื่นชมความดวงดีของลู่เจียว
“ภรรยาอวิ๋นจิ่นโชคดีจริงๆ เลย”
“ใช่ ก่อนหน้านี้พวกเราหาตั้งนานก็หาไม่เจอ นางหาทีเดียวก็เจอเลย”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ย่อมภาคภูมิใจกล่าวว่า “น้องสะใภ้สามข้าก็โชคดีตลอด เหมือนคนเดินถนนก็เก็บเงินเก็บทองได้พวกนั้นแหละ”
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน หันไปมองเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ นี่เป็นพี่รองแสนซื่อโง่เขลาของครอบครัวนางคนนั้นหรือนี่ ทำไมเปลี่ยนเป็นพูดจาชมลูกเดียวอย่างไม่ผ่านสมองไปได้เนี่ย
“พี่รอง ในเมื่อหาก้อนหินเจอแล้ว พวกเราก็รีบลงเขากันเถอะ”
“ตกลง”
ครั้งนี้ไม่ได้ให้ลู่เจียวแบก แต่เป็นสวี่ตัวจินกับหลินเอ้อร์ตั้นสองคนแบกลงเขา
แม้ว่าลู่เจียวอุ้มกลับไปได้อย่างสบายๆ แต่เป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องแย่งงานของผู้ชาย นี่นับเป็นการไว้หน้าพวกผู้ชาย
ณ ลานบ้านตระกูลเซี่ย ทุกคนเห็นก้อนหินที่พวกลู่เจียวแบกกลับมา ก็ตกใจไม่น้อย “สวรรค์ ถึงกับหาก้อนหินมีรูด้านบนได้จริงด้วย ทำไมเมื่อก่อนพวกเราคิดไม่ถึงว่าจะใช้ก้อนหินอัดฐานรากบ้างนะ”
“หินก้อนนี้อัดฐานรากย่อมแข็งแกร่งกว่าไม้มากแน่นอน”
“อวิ๋นจิ่น ไว้ตอนบ้านข้าวางฐานราก ก็ขอยืมบ้านเจ้าหน่อยนะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า แต่ดวงตาเขาเอาแต่จับจ้องก้อนหิน และจ้องมองรูอย่างละเอียด เขารู้สึกแต่ว่ารูบนก้อนหินเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้องนัก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังจะมองจ้องต่อ ลู่เจียวกลัวว่าเขาจะสังเกตรูบนก้อนหินออก ก็เดินมาตรงหน้าเขาถามว่า “ก้อนหินหามาได้แล้ว ตอนบ่ายก็จะทำฐานรากทางตะวันออกได้แล้วไหม”
พอนางกล่าวก็เบี่ยงเบนความสนใจของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาหันไปมองลู่เจียว “อืม ตอนบ่ายก็เริ่มทำฐานรากทางตะวันออกได้”
ลู่เจียวพยักหน้าถามว่า “เมื่อไรทุบบ้านที่พวกเราอยู่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “ข้าว่าตอนบ่ายก็จะทุบบ้านเก่าทิ้ง พรุ่งนี้เช้าก็ทำฐานรากตรงนี้ ถึงตอนนั้นก็จะสร้างบ้านทางฝั่งตะวันตกกับตะวันออก หากสร้างตะวันตกก่อนค่อยสร้างตะวันออก ก็ต้องเสียเวลานาน”
เขาคิดจะรีบไปอำเภอ นอกจากต้องช่วยชี้แนะพวกนักเรียนแล้ว ยังต้องซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่ให้ลู่เจียว
เห็นพวกเขาทั้งครอบครัวมีเสื้อผ้าใหม่ เหลือแต่ลู่เจียวคนเดียวที่สวมเสื้อผ้าเก่า ทุกครั้งที่มองเขาก็จะรู้สึกทนดูไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่าลู่เจียวทุ่มเทเพื่อพวกเขาพ่อลูกห้าคนมาก
เดิมเขาคิดไปซื้อที่หมู่บ้านชีหลี่ แต่รู้สึกว่าของในหมู่บ้านชีหลี่ไม่ดี ดังนั้นรอสักหน่อย ไว้ค่อยไปซื้อที่อำเภอ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปพลางมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าคิดอย่างไร”
ลู่เจียวคิดว่าขอเพียงเขาไม่สนใจรูบนก้อนหินก็พอ นางไม่ได้คิดอะไรอีก ก็ไม่ใช่ที่อยู่นางสักหน่อย
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เจ้าตัดสินใจก็พอ”
แสดงให้เห็นว่าไม่ยุ่งเรื่องนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดนาง อารมณ์ก็แปรเปลี่ยนอย่างไร้สาเหตุ เงียบงันลงทันที
ลู่เจียวหันหลังเดินไปทำงานอื่นแล้ว
คนมากทำงานง่าย บ้านตระกูลเซี่ยใช้เวลาเพียงสองวันก็ถปรับฐานได้เสร็จหมด สองวันต่อมา หันถงก็นำคนลากอิฐชิงจวนมาที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเป็นคันๆ รถ
คนในและนอกหมู่บ้านตระกูลเซี่ยต่างวิ่งกันมาดูความครึกครื้น คนไม่น้อยต่างเข้ามาลูบก้อนอิฐชิงจวนกันอย่างชื่นชม “นี่คืออิฐชิงจวน”
“บ้านก่อจากอิฐชิงจวนแข็งแรงมาก”
“วันหน้าบ้านพวกเราก็ก่อด้วยอิฐชิงจวนกัน”
“ได้ยินว่าบ้านเช่นนี้หลายสิบปีก็ไม่พัง”
“อะไรหลายสิบปี ไม่พังตลอดไปต่างหาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเรียกหันถงเข้าไปดื่มน้ำในห้อง
หันถงเดือนเก้าก็จะเข้าสอบย่วนซื่อแล้ว ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรบกวนเขาก็แอบรู้สึกเกรงใจไม่น้อย
“หันถง ขอบคุณเจ้ามาก ยามนี้ไม่ควรรบกวนเจ้าเลย”
หันถงยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่นพูดอะไรกัน ระหว่างพวกเรายังต้องห่างเหินเช่นนี้หรือ และข้าอยากให้เจ้ารีบๆ ไปอำเภอ เจ้าไปอำเภอก็จะได้ช่วยชี้แนะข้า ข้าก็จะร่วมการสอบย่วนซื่อเดือนเก้าได้อย่างมั่นใจ”
หันถงกล่าวจบก็ดื่มน้ำไปคำหนึ่ง กล่าวต่ออีกว่า “เพื่อช่วยเจ้าเร่งสร้างบ้าน ครั้งนี้ข้าไม่เพียงแต่ลากอิฐชิงจวนมา ยังพาคนงานก่อสร้างมาสี่ห้าคนด้วยนะ มาช่วยเจ้าก่อสร้างบ้านไง”
[1] หินบลูสโตน