ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ ประตูก็เปิดออกมาพอดี หันถงนำคนรับใช้ตระกูลหันออกมาต้อนรับ
“อวิ๋นจิ่นกับพี่สะใภ้มาถึงแล้ว รีบเข้ามาๆ”
ทุกคนเข้าไปในบ้าน
หันถงเริ่มแนะนำสภาพภายในบ้าน “บ้านนี้มีสองลาน ด้านหน้าสุดก็คือห้องเต้าจั้วฝังไว้ให้คนเฝ้าประตูพักผ่อนได้ นี่คือลานบ้านด้านหน้า มีสวนดอกไม้และภูเขาจำลอง เรือนกลางหลักมีสี่ห้อง สองข้างของเรือนกลางหลักมีห้องข้างอีกสองข้าง ห้องข้างตะวันออกมีระเบียงทางเดิน สองข้างยังมีห้องปีกตะวันออกและตะวันตกอีก ส่วนชุดลานบ้านด้านหลังก็เหมือนกับลานบ้านนี้”
“ทางตะวันตกของบ้านมีสระบัว สวนดอกไม้ ยังขุดทะเลสสาบไว้ด้วย ทิวทัศน์ไม่เลวอย่างมาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเคยมาบ้านตระกูลหันหลังนี้แล้ว สีหน้าปกติมาก ลู่เจียวกลับดีใจยิ่ง บ้านตระกูลหันหลังนี้นางได้กำไรแล้ว แค่พื้นที่ตั้งกับสภาพบ้าน ไม่มีทางราคาแค่พันสองร้อยตำลึงแน่
ลู่เจียวอดมองหันถงไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้าขายขาดทุนแล้ว หรือว่าเพิ่มให้อีกหน่อย”
หันถงไหนเลยจะยอม รีบโบกมือปฏิเสธ “พี่สะใภ้ นี่ไม่ใช่ตบหน้าข้าหรือ”
ลู่เจียวได้ฟัง ก็ไม่ดึงดันอีก นางชอบบ้านหลังนี้จริงๆ ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านหลังงามแดนใต้สายน้ำไหล วันหน้าที่นี่คือบ้านของนาง แค่คิดก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
“ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ความจริงบ้านดีเช่นนี้ หากไม่ใช่นางเอ่ยปาก หันถงย่อมไม่มีทางขาย เขาเป็นพ่อค้า ไม่ใช่คนโง่
แต่หันถงขายให้นางก็เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น อยากจะกล่าวขอบคุณ แต่เห็นหันถงอยู่ด้วยก็ไม่พูดมากต่อ ป้องกันไม่ให้คนนอกมองออก
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสีหน้านางออก เพียงแต่เขาไม่อาจรู้สึกพอใจได้ ลู่เจียวเกรงใจเขาเช่นนี้ เห็นชัดว่าเห็นเขาเป็นคนนอก เขาจะพอใจได้หรือ
หันถงไม่ทันสังเกตสีหน้าของพวกเขาสองสามีภรรยา เอาแต่แนะนำสภาพของบ้านอย่างตื่นเต้น
ลู่กุ้ยกับเจ้าหนูทั้งสี่ด้านหลังกลับมองกันอึ้งไปหมด บ้านใหญ่มาก สวยมากด้วย
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าบ้านอิฐชิงจวนของพวกเขาก็สวยพอแล้ว ปรากฏว่าที่นี่ยังสวยกว่า งามกว่าบ้านพวกเขาอีก
ในใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจจนพูดไม่ออก แต่ละคนวิ่งมาถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “ท่านพ่อ ท่านแม่ วันหน้าที่นี่คือบ้านของพวกเราหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ วันหน้าที่นี่คือบ้านของพวกเรา”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจร้องเสียงดังขึ้นทันที “โอ้ ที่นี่คือบ้านพวกเรา บ้านพวกเราสวยมาก”
“น่าเสียดายพี่เสี่ยวเป่ากับพี่มู่โถวไม่ได้มาด้วย”
“วันหน้าพวกเราก็เชิญพวกเขามาเป็นแขกได้”
ซื่อเป่าสงสัยกล่าวว่า “พวกเขาอยู่ไกลจากพวกเราไกลมาก คงไม่มีทางมาได้?”
ที่เหลืออีกสามคนเหมือนไม่ได้ยิน จูงมือกันวิ่งไปยังสวนดอกไม้ ลู่กุ้ยรีบไล่ตามไป กล่าวว่า “พวกเจ้าวิ่งช้าหน่อย ระวังล้ม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นลู่กุ้ยตามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปก็วางใจ หันเดินตามหันถงไป
หน้าตาลานด้านหลังเหมือนกับลานด้านหน้าทุกอย่าง แต่ห้องปีกสองห้องที่ลานด้านหน้า หน้าประตูไม่มีระเบียง ส่วนหน้าประตูห้องปีกลานด้านหลังกลับมีระเบียง การออกแบบด้านหลังนี้เห็นชัดว่าเป็นที่อยู่ของพวกผู้หญิงในตระกูล
ลู่เจียวคิดถึงตรงนี้ หันถงก็เอ่ยว่า “ลานด้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของพวกผู้หญิง ด้านหลังยังมีเรือนคนรับใช้อีกแถวหนึ่ง”
ลู่เจียวพยักหน้า เดินวนรอบๆ รอบหนึ่ง จากนั้นนางก็คิดถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ ที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีคนปัดกวาดไม่ได้ อีกอย่างวันหน้านางต้องทำงานยุ่ง เกรงว่าคงไม่มีเวลามาดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่และเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นอาหารการกินความเป็นอยู่เสื้อผ้าของพวกเขาก็ต้องให้คนมาดูแล ไม่มีคนรับใช้ดูท่าจะไม่ได้แล้ว
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็หันไปมองหันถงถามว่า “สถานที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ไม่มีคนรับใช้คงไม่ได้ ข้าอยากซื้อคนรับใช้สักสองสามคน เจ้ารู้จักสำนักนายหน้าที่ไว้ใจได้ไหม ให้คนสำนักนายหน้าพาคนมาที่นี่ให้ข้าซื้อคนรับใช้สักสองสามคน ได้ไหม”
หันถงอ้าปากคิดจะพูดว่าข้ามอบคนรับใช้สองสามคนให้เจ้า แต่พอมาคิดดูก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะ เขาส่งคนตระกูลหันเขามา ใช่ว่าคนเขาจะวางใจ ดังนั้นไปซื้อมาจากสำนักนายหน้าดีกว่า
“ได้ ตอนบ่ายข้าให้คนงานไปสำนักนายหน้าบอกพวกเขาว่าให้พรุ่งนี้ส่งคนมาให้พี่สะใภ้เลือก”
“ขอบคุณ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวขอบคุณ จากนั้นนางคิดถึงว่าก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับปากช่วยอาจารย์ใหญ่หลูสอนนักเรียน
“ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากช่วยอาจารย์ใหญ่หลูสอนนักเรียนในสำนัก ไปสอนที่สำนักศึกษาหรือว่ามาที่บ้านพวกเรา”
หากมาที่บ้าน นางต้องจัดบ้านหน่อย เพราะแผนของนาง ลานด้านหน้าเตรียมไว้จัดเป็นแบบโรงเรียนอนุบาล ให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เล่นและเรียน หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้พวกนักเรียนมาที่นี่ นางก็ต้องคิดหาทางกั้นลานด้านหน้าออก
อีกอย่างวันหน้านางเข้าออกต้องหลบพวกนักเรียน จะได้ไม่มีเสียงครหา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว แววตาก็หม่นลง เขาไม่คิดให้พวกนักเรียนมาบ้าน แค่หันถงพูดกับลู่เจียวสองสามคำ ในใจเขาก็รู้สึกบอกไม่ถูก แทบจะไล่หันถงออกไป นับประสาอันใดกับนักเรียนพวกนั้น
“ข้าจะไปที่สำนักศึกษา ไม่ให้พวกนักเรียนมาบ้านข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบมองไปยังหันถงกล่าวว่า “ละแวกนี้ยังมีคนให้เช่าบ้านอีกไหม ไม่ต้องใหญ่มาก เอาแต่สามห้องก็พอ ไว้ตอนนั้นให้พวกนักเรียนมาใช้ทบทวน”
หันถงย่อมเข้าใจหลักการนี้ของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ที่บ้านมีภรรยา มีนักเรียนอยู่ลานด้านหน้า เข้าออกไม่สะดวก
เขาเห็นด้วยทันที “ได้ เช่าบ้านแค่สามห้องไม่มีปัญหา”
ทั้งสองคนคุยเรื่องนี้กันจบ ลู่เจียวก็ยิ้มยินดี “ในเมื่อเจ้าจัดที่อื่นให้พวกนักเรียนแล้ว งั้นข้าก็ปรับปรุงลานด้านหน้านี่ได้อย่างวางใจ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับหันถงพอได้ฟังลู่เจียวคิดปรับปรุงลานด้านหน้า ก็หันไปพูดพร้อมกันว่า “ลานดีๆ ปรับเปลี่ยนไปทำอะไร”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ข้าคิดจะปรับเปลี่ยนลานด้านหน้าให้เหมาะกับเป็นที่เรียนและเล่นของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะเรียน เล่น และกินอาหารได้ด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางจัดการทุกอย่างให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างรอบคอบ ในใจก็อดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ ทำไมสนใจแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แต่ไม่คิดถึงเขาสักนิด
หันถงได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ถามอย่างสนใจว่า “ฟังแล้วไม่เลว วันหน้าปรับปรุงเสร็จ ข้าส่งลูกชายสองคนมาเรียนและเล่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ไหม”
ลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธ ประการแรก หันถงเป็นเพื่อนสนิทเซี่ยอวิ๋นจิ่น ประการที่สอง บ้านหลังนี้หันถงขายถูกไปไม่น้อย แค่คนเขายอมขายก็คือน้ำใจแล้ว
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “หากเจ้าวางใจก็ส่งพวกเขามาได้”
อย่างไรนางก็ต้องดูแลเจ้าแฝดสี่ เพิ่มอีกสองคนจะเป็นไรไปหันถงยิ้มอย่างดีใจทันที ลูกชายสองคนที่บ้านเขาถูกภรรยาเขาเลี้ยงดูจนเป็นราชาเอาแต่ใจไปแล้ว หากส่งมาให้ลู่เจียวที่นี่ คิดว่าต้องรู้ความขึ้นแน่นอน ต้องเชื่อฟังมากขึ้นแน่
“ได้ รอให้เจ้าสร้างเสร็จ ข้าก็จะส่งมา”