อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังมองลู่เจียวแล้วก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะแนะนำสถานะลู่เจียวกับคนอื่นอย่างไร บอกว่านางคือภรรยาเขาหรือ ทว่าพวกเขาหย่ากันแล้วนะ
หันถงข้างเซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นยิ้มแนะนำอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังว่า “อาจารย์ใหญ่ อาจารย์ นี่คือลู่เจียว ภรรยาอวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นดีขึ้นได้ก็เพราะนางทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแล นางดูแลอวิ๋นจิ่นจนผอมเลย”
พอหันถงกล่าว อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังก็รู้ว่าลู่เจียวเป็นภรรยาคนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนคน
ทั้งสองคนยิ้มอย่างเก้อเขิน รับน้ำชาจากลู่เจียวมา “ขอบคุณมาก”
ลู่เจียวยิ้มรับคำ “ไม่ต้องเกรงใจ”
กิริยาท่าทางของนางล้วนมีมารยาทงาม อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังแปลกใจมาก หญิงผู้นี้น่าจะเกิดในชนบท แต่การแสดงท่าทางไม่ต่ำต้อยเช่นนี้ไม่เหมือนกับคนที่เติบโตมาในชนบท ไม่ต้องกล่าวถึงครอบครัวในชนบท เพราะแม้แต่ครอบครัวใหญ่ในอำเภอ ก็ไม่อาจอบรมกิริยาท่าทางเช่นนี้ออกมาได้ เหมือนกับคนในตระกูลใหญ่เมืองหลวงทุ่มเทเลี้ยงดูอบรมมามากกว่า
ลู่เจียวไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังคิดมากกันเช่นนี้ นางหันเดินไปข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นถามว่า “เดี๋ยวข้าจะทำหมี่เซ่าจื่อเมี่ยน ต้องทำเพิ่มอีกหน่อยไหม”
ความหมายนางก็คือต้องทำให้พวกอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังไหม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดาว่าอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังและหันถงน่าจะยังไม่กินข้าว ก็พยักหน้า “ได้ ทำเพิ่มอีกหน่อยละกัน”
ลู่เจียวหันไปกล่าวขอตัวกับอาจารย์ใหญ่หลูอาจารย์หวังก่อนจะเดินออกไป รีบไปทำอาหาร
อาจารย์ใหญ่หลูด้านหลังอดมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ ชมว่า “ครอบครัวมีภรรยาดี วันหน้าอวิ๋นจิ่นสอบเคอจวี่ราบรื่นแน่นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟัง แววตาก็หม่นลงอย่างไม่อาจระงับ คิดถึงว่าเขาหย่ากับลู่เจียวแล้ว ในใจเขาก็มีความรุ่มร้อนใจสายหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างยากจะระงับ
แต่ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวัง เขาไม่ได้แสดงออก
หันถงยิ้มกล่าวกับอาจารย์ใหญ่หลูอาจารย์หวังว่า “พี่สะใภ้ไม่เพียงแต่เป็นภรรยาดีและมีความสามารถมาก อาหารที่นางทำอร่อยมาก อบรมสั่งสอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยังดีอย่างยิ่ง วิชาการแพทย์ก็ร้ายกาจมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือจิตใจดีงามอย่างมาก ก่อนหน้านี้หมู่บ้านนี้ยากจนมาก นางก็สอนให้ทุกคนขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ได้ยินว่าตอนนี้ยังสอนทุกคนเลี้ยงปลิง และยังปลูกจินอิ๋นฮวาอีกด้วย”
หันถงกล่าวจบ อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังก็แปลกใจ ทั้งสองคนอดชมไม่ได้ว่า “เป็นสตรีหาได้ยากจริง”
หลายคนยิ่งพูดถึงลู่เจียว ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ่งยากทนรับไหว หญิงผู้นั้นดีอย่างไรก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาแล้ว
ลู่เจียวไม่รู้ว่าคนในห้องโถงกำลังพูดถึงนาง นางต้มน้ำกับหมี่อย่างคล่องแคล่ว ลู่กุ้ยเห็นนางง่วนกับการทำอาหารก็วิ่งเข้ามาในครัวช่วยนางดูแลเตาทำอาหาร
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พาเซี่ยหู่ไปวิ่งรอบบ้านรอบหนึ่ง ก่อนจะวิ่งไปช่วยงานในครัวอย่างร่าเริง
“ท่านแม่ ท่านต้องการอะไร ข้าช่วยท่านแม่”
ลู่เจียวเองก็ไม่ได้เลี้ยงดูพวกเขาอย่างตามใจมาก สั่งพวกเขาทันที “ไปเก็บต้นหอมกับผักชีมาให้แม่หน่อย แล้วก็เก็บผักกวางตุ้งมานิดหน่อยด้วย”
“ได้เลย”
เด็กน้อยวิ่งออกไปเด็ดต้นหอมกับผักชี ในครัว ลู่เจียวทำอาหารไปก็คุยกับลู่กุ้ยไปว่า “ตอนนี้เจ้าอยู่บ้านข้า ก็อยู่ได้แค่ห้องปีกตะวันตก รอให้ไปถึงอำเภอ ก็จะหาห้องเดี่ยวให้เจ้า เจ้าว่าไง”
ลู่กุ้ยไม่ใส่ใจว่าจะนอนที่ไหน แต่สนใจกับการไปอยู่อำเภอมากเป็นพิเศษ
“พี่เจียว พวกพี่จะไปอยู่อำเภอจริงหรือ”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้ารับ เดิมเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีความตั้งใจว่าจะไปอยู่อำเภอ วันนี้อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังมาหาเขา ให้เขาสอนนักเรียนในอำเภอพวกนั้น หากไม่เหนือความคาดหมาย พวกนางก็ใกล้จะไปอำเภอกันแล้ว
ลู่เจียวพยักหน้า “อืม น่าจะใกล้ไปแล้ว”
ลู่กุ้ยดีใจยิ้มกว้าง เขาจะได้ไปอยู่อำเภอหรือนี่ เขาโตขนาดนี้ เคยไปอำเภอมาแค่ครั้งเดียว ตอนนี้กลับจะได้ไปอยู่อำเภอแล้ว ติดตามพี่สาวเขามีอนาคตจริงๆ
“พี่เจียว วันหน้าพี่ไปไหนข้าไปด้วย พี่เขยวันหน้าสอบเคอจวี่เป็นขุนนางใหญ่ ตอนนั้นข้าเป็นพ่อบ้านให้พวกพี่เอง”
ลู่กุ้ยกล่าวจบก็ยิ้มแยกเขี้ยว ลู่เจียวค้อนเขาทีหนึ่ง “ทำตัวให้มันได้เรื่องหน่อยได้ไหม”
ลู่กุ้ยเลิกคิ้ว กล่าวว่า “เห็นข้าอย่างนี้ แต่ก็เป็นพ่อบ้านในบ้านขุนนางได้นะ ยังได้เรื่องไม่พออีกหรือ”
ลู่เจียวค้อนเขาขวับ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใช่ ใช่ เจ้าได้เรื่องอยู่”
ทั้งสองคนกับเด็กอีกสี่คนลงมือด้วยกัน ในที่สุดก็ทำอาหารเสร็จ
นอกจากทำเซ่าจื่อเมี่ยนหม้อหนึ่งแล้ว ลู่เจียวยังทำกับข้าวอีกสองสามอย่าง
เต้าหู้ทอด กุยช่ายผัดไข่ ต้นหอมผัดเนื้อ ไก่ผัดถั่ว กระเทียมผัดผักกวางตุ้ง
อาหารบนโต๊ะทำเอาอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังอดพยักหน้าชมไม่ได้ว่า “ก่อนหน้านี้หันถงบอกว่า เจ้าทำอาหารอร่อยมาก พวกเรายังไม่เชื่อ ตอนนี้ดูท่าทางฝีมือไม่เลวจริงๆ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “อาหารพื้นบ้านทั่วไป อาจารย์ใหญ่กับอาจารย์ไม่รังเกียจก็พอ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็เรียกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มา “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่า รีบเรียกเร็ว นี่คือท่านลุงอาจารย์ใหญ่กับท่านลุงอาจารย์หวัง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เงยหน้ามองอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวัง ไม่รู้สึกกลัวคนแปลกหน้าสักนิด พากันเรียกอย่างพร้อมเพรียงว่า “คารวะท่านลุงอาจารย์ใหญ่ คารวะท่านลุงอาจารย์หวัง”
อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังเห็นเจ้าหนูน้อยสี่คนหน้าตาน่ารัก ก็นึกชอบอย่างมาก พวกเขาเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษา ได้เห็นก็รู้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เป็นเด็กฉลาดเฉลียว
วันหน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นี่ไม่แน่อาจจะเรียนหนังสือเก่งเหมือนท่านพ่อพวกเขา นี่ไม่ใช่ต้นกล้าดีแห่งอำเภอชิงเหอพวกเขาหรือ
อาจารย์ใหญ่หลูชอบใจอย่างมาก กวักมือเรียกพวกเขาเข้ามาหา “พวกเจ้าชื่ออะไรกัน กี่ขวบแล้ว เรียนหนังสือหรือยัง”
ต้าเป่าก้าวขึ้นหน้ามาตอบด้วยเสียงดังกังวานว่า “เรียนท่านลุงอาจารย์ใหญ่ ข้าชื่อเซี่ยเหวินเหยา”
“ข้าชื่อเซี่ยเหวินเจีย”
“ข้าชื่อเซี่ยเหวินเซ่า”
“ข้าชื่อเซี่ยเหวินอวี”
“พวกเราสี่ขวบแล้ว”
“พวกเราเรียนคัมภีร์สามอักษรและหนังสือร้อยแซ่กับท่านพ่อ ตอนนี้เริ่มเรียนพันอักษรแล้ว”
อาจารย์ใหญ่หลูได้ฟังก็คิดทดสอบขึ้นมา แม้แต่ข้าวก็ไม่สนใจจะกิน เลือกคำถามหนึ่งขึ้นมาถามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ปรากฏพบว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ความจำเป็นเลิศเหนือคนทั่วไป พอถามไปก็ตอบได้หมด
อาจารย์ใหญ่หลูเป็นคนชื่นชมผู้มีความสามารถ หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านเจ้าวันหน้าต้องเป็นผู้มีความสามารถแน่นอน ต้องอบรมสอนสั่งให้ดีๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพยักหน้า “น้อมรับคำสั่งสอนอาจารย์ใหญ่”
อาจารย์ใหญ่หลูหันไปมองลู่เจียวกล่าวอีกว่า “การอบรมสั่งสอนเด็กนั้นจพไม่กล่าวถึงมารดาไม่ได้ ลู่เจียวเจ้าเป็นมารดาที่สอนได้ดีมาก”
ลู่เจียวถูกชมจนรู้สึกเขิน ความจริงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้ความรู้มารยาทกันเอง
“อาจารย์ใหญ่เกรงใจไปแล้ว”
กล่าวจบ ลู่เจียวก็ไม่คิดพูดเรื่องลูกๆ ต่ออีก เด็กไม่อาจชมบ่อยๆ ได้ จะทำให้เหลิงได้ง่าย
ลู่เจียวคิดไปก็เรียกอาจารย์ใหญ่หลูและอาจารย์หวังกับหันถงกินข้าว นางพาเจ้าหนูทั้งห้าไปกินในครัว
เพราะคนมากเกินไป โต๊ะนั่งไม่พอ
“ไป แม่พาพวกเจ้าไปกินเซ่าจื่อเมี่ยน”
อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังกล่าวว่า “กินที่นี่ก็เหมือนกัน”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร อาจารย์ใหญ่กับอาจารย์กินเถอะ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับหู่จื่อออกไปกิน หากมีแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ไม่เป็นไร แต่ลู่เจียวมองออกว่าหู่จื่อไม่สบายใจ กลัวเขาทำเรื่องที่โต๊ะอาหาร ดังนั้นจึงพาพวกเขาไปกินที่ครัวเสียดีกว่า