เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ก้าวเข้าไปข้างในทันที ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานอีก
เซี่ยหลานเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจจริงๆ ก็ส่งเสียงร้องไห้เรียก “พี่สาม พวกเราพี่น้องแม่เดียวกันนะ ทำไมท่านใจร้ายได้เช่นนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองเยาะเซี่ยหลาน สำทับอีกคำว่า “พี่น้องแม่เดียวกัน?”
เขากล่าวจบก็หันหลังไปทันที ที่ประตูฉุยฮวาเหมินอีกฝั่ง เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางนี้ก็เดินมา
เซี่ยหลานเห็นเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ก็ส่งเสียงร้องเรียกดัง “พี่รอง พี่ช่วยข้าขอร้องพี่สามหน่อย ให้เขายกโทษให้ข้ากับพี่สี่หน่อยได้ไหม”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลาน ไม่ได้เอ่ยขอร้องแทนพวกเขา
ระยะนี้เซี่ี่ยเอ้อร์จู้มักขอความรู้เรื่องเลี้ยงปลิงจากลู่เจียว ดังนั้นมักได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากลู่เจียวมาบ้าง
ทุกครั้งเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ฟังมากเข้า ใจก็เหมือนกระจ่างขึ้นมา ก็คิดตกไม่น้อย
ดังนั้นครั้งนี้เซี่ยหลานเอ่ยปากขอร้องเขา เขาจึงไม่ได้ขอร้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นแทนพวกเขา
“คนเราต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่ตนเองทำ พวกเจ้าทำผิดต่อน้องสาม ตอนนี้มาขอให้เขาให้อภัย มีความหมายอะไร น้องสามว่าไม่สนใจพวกเจ้าแล้วก็ไม่สนใจอีกแล้ว พวกเจ้ารีบกลับไปได้แล้ว”
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้กล่าวจบก็ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานอีก พวกเขาเพิ่งย้ายมา ยังมีงานอีกมาก ไม่มีเวลาไปสนใจพวกเขา
เซี่ยอวิ๋นหวากับเซี่ยหลานทนไม่ไหวแผดเสียงร่ำไห้ดังพร้อมกัน แต่ร้องไห้ดังเท่าไรก็ไม่มีคนสนใจพวกเขา พวกเขาได้แต่กลับไป
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นมา คุยเรื่องที่พรุ่งนี้ครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะไปกันแล้ว
“น้องสามวางใจ ข้ากับพี่สะใภ้เจ้าต้องช่วยพวกเจ้าดูแลบ้านให้ดี วันหน้าพวกเจ้ากลับมา รับรองว่าบ้านสะอาดสะอ้าน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มมองเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “พี่รอง ตอนบ่ายพวกเราเอาสุราไปเยี่ยมท่านปู่กันดีไหม”
ตลอดชีวิตท่านปู่พวกเขาสุขภาพไม่ดี ไม่เคยดื่มสุรา ครั้งนี้พวกเขานำสุราไปดื่มเป็นเพื่อนเขาสักจอก
“ตกลง”
ตอนบ่ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ไปหลุมศพท่านปู่พวกเขา คุยเป็นเพื่อนท่านปู่พวกเขา
ลู่เจียวกลับยุ่งกับการเก็บของ พี่สะใภ้รองพาต้ายากับเอ้อร์ยามาช่วยด้วย
“น้องสะใภ้สาม ข้าช่วยเจ้าเก็บ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวขอบคุณเรียกพี่สะใภ้รองนั่งลง “ไม่มีอะไรต้องเก็บ ก็แค่เสื้อผ้าของท่านพี่กับลูกๆ แล้วก็ของเล่นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แล้วก็มีหมาน้อย แม่แพะกับกระต่ายที่เลี้ยงไว้ อื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเอาไป”
นางได้ยินว่าบ้านที่หันถงขายให้พวกนาง อะไรๆ ก็มีครบ
พอคิดดู แม้นางให้หันถงพันสองร้อยตำลึง นางก็ยังกำไรก้อนโต
ลู่เจียวคิดไปก็ประเมินมองเซี่ยต้ายากับเซี่ยเอ้อร์ยาไป สองหนูน้อยใบหน้าซีดเหลืองและผอม ไม่มีเนื้อหนังสักนิด และเพราะปกติทำแต่งานบ้าน เด็กน้อยก็เหมือนจะเซ่อซ่าอยู่บ้าง มองแล้วเหมือนมีปฏิกิริยาตอบรับไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไร
ลู่เจียวเห็นแล้วก็ทอดถอนใจ ขาดสารอาหาร ปกติทำแต่งานบ้านมาตลอด ไม่ใช่ว่าถูกคนบังคับจนเป็นเช่นนี้หรือ
“ต้ายา เอ้อร์ยามานี่ อาสะใภ้สามให้ลูกกวาดพวกเจ้า”
สองหนูน้อยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เดินเข้ามาอย่างดีใจ ลู่เจียวให้ลูกพวกนางไปคนละกำมือ
พี่สะใภ้รองเห็นสีหน้าลูกสาวดีใจ ก็อดเจ็บปวดใจไม่ได้
ลู่เจียวเรียกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้มาพาต้ายากับเอ้อร์ยาออกไปเล่น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รับคำพาต้ายากับเอ้อร์ยาออกไปเล่น
ในห้องลู่เจียวเดินไปนั่งลงข้างกายพี่สะใภ้รอง “พี่สะใภ้รอง ท่านยื่นมือมาให้ข้าจับชีพจรหน่อย”
พี่รองกับพี่สะใภ้รองตอนนี้มีแค่ลูกสาวสองคน ในยุคสมัยนี้ไม่มีลูกชายก็เท่ากับไร้ผู้สืบทอดสิ้นวงศ์ตระกูล ตายไปยังถูกคนก่นด่า ดังนั้นลู่เจียวจึงหวังให้พวกเขามีลูกชายสักคน
พี่สะใภ้รองพอได้ฟังก็รีบยื่นมือให้ลู่เจียวตรวจ ลู่เจียวตรวจละเอียดแล้วก็มั่นใจว่าสภาวะร่างกายในการตั้งครรภ์ของพี่สะใภ้รองไม่มีปัญหา ก็แค่สุขภาพเสียมากไปสักหน่อย ขาดการบำรุง ขาดเลือด
“สุขภาพท่านแย่มาก วันหน้าต้องกินให้ดีหน่อย บำรุงร่างกายขึ้นมาก็จะมีลูกได้อีก”
พี่สะใภ้รองเอาแต่รู้สึกผิดว่าตนเองไม่อาจมีลูกชายให้เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ตื่นเต้นหลุดส่งเสียงดังออกมาว่า “จริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “ตอนนี้พวกพี่อยู่ที่นี่ ทำอาหารเองได้ พี่ทำอาหารบำรุงดีๆ หน่อย ครอบครัวพวกพี่ไม่เพียงแต่พี่ต้องบำรุง พี่รองก็ต้องบำรุง สองหนูน้อยก็ต้องบำรุง”
พี่สะใภ้รองคิดถึงชีวิตวันหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าก็หุบไม่ลง แววตาเปล่งประกายมองลู่เจียว กล่าวว่า “วันหน้าข้าจะดูแลบ้านดีๆ ให้พวกเขากินดีๆ”
ลู่เจียวพยักหน้าเห็นด้วย
ตกค่ำสองครอบครัวกินข้าวร่วมกันมื้อหนึ่ง เซี่ี่ยเอ้อร์จู้กับพี่สะใภ้รองพาลูกสาวสองคนมาขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
“พวกเรามีชีวิตวันนี้ได้ก็เพราะน้องสามกับน้องสะใภ้สามช่วยเหลือ พวกเราขอบคุณพวกเจ้ามาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นโบกมือให้พวกเขานั่งลง “ล้วนครอบครัวเดียวกัน อย่าได้เกรงใจ”
กินอาหารเย็นเสร็จ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ก็ออกไปคุยกัน ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปอาบน้ำ วันนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตื่นเต้นมาก เพราะพวกเขาจะได้ไปอำเภอแล้ว แต่ก่อนเข้านอน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เกิดอาการอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
“ท่านแม่ วันหน้าพวกเรายังจะได้พบพี่เสี่ยวเป่ากับพี่มู่โถวไหม”
“ยังมีโก่วเซิ่งกับเถี่ยหนิว”
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า“พวกเจ้าใช่ว่าไปแล้วไปเลยไม่กลับมาเสียหน่อย ท่านพ่อเจ้าหน้าหนาวก็จะหยุดเรียน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็กลับมาได้”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พอได้ฟังว่ายังกลับมาได้ก็ไม่เศร้ามากแล้ว
ลู่เจียวกำลังจะให้พวกเขาเข้านอน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เดินเข้าประตูมา เรียกน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ลู่เจียว เจ้าออกมาหน่อยได้ไหม”
ลู่เจียวพอได้ยินก็รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีธุระ จึงให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้านอนไปก่อน นางลุกขึ้นตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไป
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หันพรึ่บมองตามพวกเขาสองคน พอคนออกจากห้องไป ต้าเป่าก็กวักมือ อีกสามหนูน้อยก็เขยิบกันเข้ามา
“ไปอำเภอครั้งนี้ พวกเราต้องให้ท่านพ่อนอนห้องเดียวกับท่านแม่ ท่านยายว่าหากท่านพ่อกับท่านแม่มีน้องชายหรือน้องสาว ท่านแม่ก็จะไม่ไปแล้ว”
สามหนูน้อยแววตาส่องประกายวาบ “พวกเราจำได้แล้ว”
นอกห้อง ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “มีอะไรหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเบาๆ อย่างรู้สึกละอายใจว่า “เจ้ามีเงินให้ข้ายืมสักสิบตำลึงไหม”
ก่อนหน้านี้เงินที่เขาจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ยืมจากลู่เจียว ตอนนี้ยืมเงินอีก เขารู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อย
ดูท่าเขาต้องเอาเงินที่ฝากไว้กับหันถงมามอบให้ลู่เจียว วันหน้าใช้เงินก็จะสะดวกหน่อย
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รีบกล่าวว่า “ข้าบอกแล้วไง เงินเจ้ายังมีไม่น้อย”
เงินที่ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นให้นางไว้ร้อยห้าสิบตำลึง นางไม่ได้แตะต้องเลย ตอนนี้นางไม่ขาดแคลนเงินทอง ดังนั้นไม่คิดแตะต้องร้อยห้าสิบตำลึงของเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ส่วนเงินที่ซื้อยา ของกินและเสื้อผ้าให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็ถือว่านางชดใช้ให้พวกเขาแทนเจ้าของร่างเดิมละกัน
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังลู่เจียวก็แอบปวดใจ ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ความหมายก็คือจะแยกความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางให้ชัดเจน คิดจะมอบเงินที่เขาให้นางไว้ก่อนหน้านี้คืนเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ระยะนี้เจ้าจ่ายแทนพวกเราไป ย่อมไม่เพียงแค่ร้อยห้าสิบตำลึง ข้าบอกแล้วว่ายืมก็ยืม ไว้คืนให้เจ้า”
ลู่เจียวเลิกคิ้วมองเขา นี่รังเกียจเงินกัดมือหรือไง วันหน้าเขาต้องเลี้ยงดูเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นะ
แม้ว่าลู่เจียวไม่กล่าวอะไร แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเข้าใจความหมายในแววตานางได้อย่างน่าประหลาด รีบกล่าวว่า “แม้ว่าข้าไม่ได้หาเงินเก่งเหมือนเจ้า แต่วันหน้าข้าย่อมพยายามหาเงิน”
กล่าวจบก็หันหลังจะจากไป ลู่เจียวรีบควักเงินจากแขนเสื้อออกมาสิบตำลึงตามไปให้ “ให้เจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับสิบตำลึงมาแล้วก็เดินออกไป ในใจแอบตัดสินใจแล้วว่า ต้องจัดเรื่องการหาเงินไว้ในตารางประจำวัน เขาไม่อาจเอาแต่เปรียบเทียบแล้วแพ้สตรีนางหนึ่งได้
ลู่เจียวไม่รู้สิ่งที่เขาคิด หันหลังเดินเข้าห้องไปกล่อมเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้านอน