ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 244 ท่านแม่ข้าคือเทพธิดาสวรรค์

ตอนที่ 244 ท่านแม่ข้าคือเทพธิดาสวรรค์

ลู่กุ้ยถูกเอ้อร์เป่ากับซานเป่าตามตัวมาอย่างรวดเร็ว เขามองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างตกใจมาก

“พวกเจ้าอยู่ดีๆ ขังท่านพ่อท่านแม่ไว้ในห้องทำอะไร”

ต้าเป่ากะพริบตายิ้มกล่าวว่า “พวกเราเล่นซ่อนแอบกับท่านพ่อท่านแม่อยู่”

ต้าเป่าไม่อยากให้น้าเล็กรู้เรื่องจะหย่าของท่านพ่อกับท่านแม่ ท่านยายบอกพวกเขาว่าห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ พูดออกไปจะทำให้ท่านพ่อท่านแม่เสียหน้า ดังนั้นพวกเขาจะพูดไม่ได้

ลู่กุ้ยไม่รู้สึกสงสัย ยิ้มตาหยีไขกุญแจให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่

พอประตูเปิดออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็จ้องใส่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างอารมณ์เสีย ลู่เจียวเองก็มองไปยังลู่กุ้ยสายตาเย็นเยียบ

ลู่กุ้ยสีหน้าไม่เข้าใจ ถามว่า “พี่เจียว ทำไมหรือ”

ลู่เจียวยิ้มเย็นกล่าวว่า “ไปต้มน้ำร้อนให้พี่เขยเจ้าอาบน้ำก่อน”

ลู่กุ้ยรับคำหันหลังเดินเอาน้ำร้อนมา ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับไปเรือนนอนตะวันตกและตักเตือนเสียงเข้ม “วันหน้ามีอะไรก็บอกกับท่านพ่อท่านแม่ ตัวเล็กตัวน้อยก็เล่นอุบายเช่นนี้ วันหน้าทำผิดอีก ดูซิว่าแม่จะลงโทษพวกเจ้ายังไง”

“จำไว้ อย่าได้วางอุบายใส่คนใกล้ชิด เช่นนี้รังแต่จะทำให้คนใกล้ชิดหนาวเหน็บหัวใจ”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตั้งใจฟัง รีบรับผิดอย่างว่านอนสอนง่ายทันที “ท่านแม่ พวกเรารู้ผิดแล้ว วันหน้าไม่กล้าแล้ว”

ตอนนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจมาก ขอเพียงท่านพ่อนอนกับท่านแม่ พวกเขาโดนลงโทษก็โดนไปเถิด รอให้มีน้องสาวก่อน ท่านแม่ก็ไม่ไปแล้ว พวกเขาก็จะมีท่านแม่ตลอดไปแล้ว

ตกค่ำ ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นนอนห้องเดียวกันจริงๆ คนหนึ่งนอนบนเตียง คนหนึ่งนอนพื้น เหมือนตอนที่อยู่บ้านตระกูลลู่ก่อนหน้านี้

ลู่เจียวนอนบนเตียง ครุ่นคิดถึงขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่ยังไม่หายดีนัก ตอนนี้แค่เดือนกว่า ยังไม่ถึงสองเดือน หากนอนพื้นเช่นนี้อย่างไรก็ไม่ค่อยดีนัก

นางกล่าวเบาๆ ว่า “คืนพรุ่งนี้เจ้านอนห้องนอนในเรือนด้านหน้า”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว อารมณ์ก็แอบสลดลง ไม่กล่าวแม้สักคำ

บนเตียงลู่เจียวยังกล่าวต่อว่า “ขาเจ้าตอนนี้ยังไม่ค่อยดี จะเอาแต่นอนพื้นเช่นนี้ไม่ได้”

จิตใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่กำลังสลดอยู่ก็พลันพลิกฟื้นคืนมา อารมณ์ดีขึ้นทันที เขาหันไปแอบมองลู่เจียวบนเตียง เห็นนางใกล้กับตนเองขนาดนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา

“ข้ารู้แล้ว”

เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่เจียวตื่นสายอยู่สักหน่อย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่กุ้ยสองคนร่วมแรงกันเตรียมอาหารเช้ายกออกมา

ลู่เจียวตื่นมาทันกินอาหารเช้าพอดี

พอนางเดินเข้าไปในห้องโถง ทุกคนในห้องโถงก็มองมาที่นาง

วันนี้ลู่เจียวสวมชุดกระโปรงสีชมพูที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นซื้อให้ก่อนหน้านี้ เสื้อตัวบนเป็นคอปาดสีชมพู กระโปรงยาวสีชมพูเข้ากันกับเครื่องประดับสีเงินฝีมือประณีต

ผิวลู่เจียวขาวแก้มแดงระเรื่อ รูปร่างก็อวบอิ่มเล็กน้อย สวมชุดกระโปรงสีชมพูสด งามยิ่งกว่าบุปผาจริงๆ

กอปรกับท่วงท่ากิริยามั่นใจของนาง ก่อเกิดกลิ่นอายสูงส่งชวนหลงใหลตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก

ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองภาพนางเช่นนี้ก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจกล่าว เขารู้ว่าลู่เจียวเหมาะกับเสื้อผ้าสีสด แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ผลดีเช่นนี้ ในยามนี้นางราวกับดอกไม้สูงค่าบนโลกมนุษย์ที่ได้รับการดูแลจนเจริญเติบโต ทำให้อยากเก็บซ่อนไว้ในบ้าน ไม่อยากให้ใครได้เห็น

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นท่านแม่เช่นนี้ ก็พากันอ้าปากค้าง ที่แท้ท่านแม่งามเพียงนี้ งามยิ่งกว่าพวกเขาอีก

ลูกตาลู่กุ้ยจ้องจนแทบถลนออกมา นี่คือพี่สาวเขา?

พี่สาวเขาเหมือนคุณหนูจากตระกูลร่ำรวย มองไม่ออกสักนิดว่ามีท่าทางแบบหญิงบ้านนอก

ลู่เจียวเห็นทุกคนในห้องโถงพากันมองอึ้งไป ก็อดนึกขำไม่ได้ เดินวนในห้องโถงรอบหนึ่งอย่างนึกสนุก ยิ้มถามทุกคนว่า

“เป็นไง สวยไหม”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นตอบรับด้วยสัญชาตญาณทันที “สวย”

กล่าวจบก็แอบเขินอาย เบนสายตาหลบไปทางอื่นอย่างไม่รู้ตัว

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้เขินอายเหมือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น พุ่งเข้าไปกอดลู่เจียว

“ท่านแม่ ท่านแม่สวยมาก เหมือนเทพธิดาสวรรค์เลย”

“ใช่ ท่านแม่ข้าก็คือเทพธิดาสวรรค์”

“ข้าหน้าตาเหมือนท่านแม่มาก”

ซานเป่าปกติชอบส่องเงาบนผิวน้ำ ดังนั้นรู้ว่าตนเองหน้าตาเป็นเช่นไร พอเห็นลู่เจียวก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาเหมือนกับท่านแม่มาก ท่านแม่ยามนี้งามมาก ตนเองก็ต้องงามเหมือนกัน รอยยิ้มซานเป่าอย่าได้เอ่ยว่าเบิกบานเพียงใด

ซื่อเป่าเสียงดังขึ้น กล่าวว่า “วันหน้าข้าจะหาเงินมากๆๆ มาซื้อเสื้อผ้าให้ท่านแม่ ท่านแม่สวมเสื้อผ้าใหม่สวย”

ลู่เจียวถูกเจ้าหนูน้อยชมจนรู้สึกเขิน ยิ้มกล่าวว่า “เอาละ ไม่ต้องชมแล้ว ชมอีก ท่านแม่ก็จะเขินแล้ว”

ลู่กุ้ยข้างๆ อดกล่าวไม่ได้ว่า “พี่เจียว พี่ว่าพี่ใช่ลูกบ้านเราไหม ท่านแม่ไปอุ้มมาจากบ้านอื่นหรือเปล่า”

ลู่เจียวค้อนใส่ลู่กุ้ย ความจริงนางกับเถียนซื่อหน้าตาเหมือนกันอยู่ เพียงแต่เถียนซื่อทำงานในชนบทจึงแก่ไว ดังนั้นจึงมองไม่ออกก็เท่านั้น

ทั้งครอบครัวกินอาหารเช้ากันอย่างเบิกบานใจ บรรยากาศเช้านี้อย่าได้เอ่ยว่าสนิทชิดใกล้กันเพียงใด

เพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ ไม่ทันได้เก็บจานชาม คนจากสำนักนายหน้าก็มากันแล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นเพื่อนลู่เจียวไปเลือกคนรับใช้ แน่นอนว่าลู่เจียวเป็นคนรับผิดชอบหลัก เขาเพียงแค่ช่วยดูๆ หน่อยเท่านั้น

ลู่กุ้ยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินว่าที่บ้านจะซื้อคนรับใช้ก็ร้องอย่างดีใจ ตามหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปอย่างตื่นเต้นดีใจ ตรงไปยังห้องโถงที่เรือนด้านหน้า

หญิงจากสำนักนายหน้านำคนมาด้วยสามสี่สิบคน มีทั้งคนแก่และเด็ก มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีทั้งอายุน้อยและอายุมาก

ลู่เจียวมองปราดเดียวก็พบว่าคนเหล่านี้มีหน้าตาฉลาดแลดูซื่อสัตย์ ในนี้ยังมีหญิงสาวอายุน้อยหน้าตาไม่เลวหลายคน หญิงสาวเหล่านี้พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น แววตาก็ส่องประกายขึ้นมา จ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ละสายตา และยังแอบคิดวางแผนว่าจะอยู่ต่อกันได้อย่างไร

หญิงสำนักนายหน้ารีบก้าวขึ้นมากล่าวว่า “เมื่อวานตอนบ่าย คุณชายหันให้คนงานมาบอกให้สำนักนายหน้านำคนรับใช้มาให้คุณชายกับเหนียงจื่อเลือก บ่าวไม่รู้ว่าคุณชายกับเหนียงจื่อ[1]ต้องการคนรับใช้เช่นไร ดังนั้นจึงนำคนเหล่านี้มาให้คุณชายกับเหนียงจื่อเลือก”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวข้างๆ ถามน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าอยากเลือกคนรับใช้แบบไหน”

ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า “ให้พวกเขาบอกว่าตนเองมาจากไหน แล้วค่อยลองเล่าความสามารถของตนเองละกัน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า หันไปมองหญิงสำนักนายหน้ากล่าวว่า “ให้พวกเขาเล่าว่าตนเองมาจากที่ไหน ทำอะไรเป็นบ้าง”

หญิงสำนักนายหน้ามองทั้งครอบครัวตรงหน้าจนลืมถอนสายตากลับคืน ครอบครัวนี้รูปงามทั้งหญิงชาย แม้แต่ลูกๆ ก็หน้าตาดีเช่นกัน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นว่าหญิงสำนักนายหน้าไม่ได้ตอบรับคำพูดตนเอง ก็อดขมวดคิ้วส่งสายตาเยียบเย็น ถามว่า “เจ้าให้พวกเขาเล่าว่าตนเองมาจากไหน มีความสามารถอะไร ทำอะไรเป็นบ้าง”

ในที่สุดหญิงสำนักนายหน้าก็ได้สติ แอบด่าตนเองไปคำหนึ่ง นางทำงานเป็นหญิงสำนักนายหน้ามายี่สิบสามสิบปี คนงามเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นหรือไร ถึงกับถูกความงามทั้งครอบครัวดึงดูด สมาธิไม่ได้เรื่อง

หญิงสำนักนายหน้าขอโทษขอโพยไม่หยุด “ขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวเห็นครอบครัวคุณชายหน้าตาดี เลยมองตาค้างไปสักหน่อย”

นางกล่าวจบหันไปมองคนทั้งกองด้านหลังนางที่ยืนกันอยู่ในห้องโถง กล่าวว่า “พวกเจ้าเล่าความสามารถตนเอง จะได้อยู่ต่อหรือไม่ ก็ต้องดูความสามารถของตนเองแล้ว”

[1] บ่าวในบ้านเรียกนายผู้ชายของบ้านว่ากงจื่อ ในที่นี้แปลว่าคุณชาย ส่วนนายหญิงจะใช้คำเรียกขานว่า เหนียงจื่อ ซึ่งในที่นี้จะใช้ทับศัพท์

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท