เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงลู่เจียวขึ้นมา ก็หันไปมองนางถามว่า “เจ้าบอกพวกเขาว่าเราอยู่ที่นี่หรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “ใช่ ข้าเป็นหมอหอยาเป่าเหอ หากไม่บอกพวกเขา พวกเขาจะหาข้าได้อย่างไร”
แม้ว่าในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พอใจ แต่กลับต้องอดกลั้นเอาไว้
ลู่เจียวหันไปมองลู่กุ้ย สั่งว่า “เชิญพวกเขาเข้ามา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับคืนสู่ปกติแล้ว มีเพียงกลิ่นอายรัศมีรอบกายที่เย็นเยียบอยู่บ้างเท่านั้น
หันถงในห้องโถงรู้สึกได้ เขาคบหากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมานานขนาดนี้ พอเข้าใจในอารมณ์เขา
หันถงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไม่เข้าใจ ทำไมจึงรู้สึกว่าอวิ๋นจิ่นไม่พอใจมาก
หมอฉีนั่นไม่ใช่คนที่ช่วยผ่าตัดรักษาขาให้เขาหรือ หรือว่าที่เขาไม่พอใจไม่ใช่หมอฉี แต่เป็นเจ้าของร้านหอยาเป่าเหอ
หันถงกำลังคิดอยู่นั้น ลู่กุ้ยก็เดินนำจ้าวหลิงเฟิงกับหมอฉีเข้ามา
ทั้งสองคนพอเข้ามาก็ยิ้มทักทายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
“มาเยือนไม่ได้นัดหมาย ขอเซี่ยซิ่วไฉกับลู่เหนียงจื่ออย่าได้ถือสา”
จ้าวหลิงเฟิงหน้าตาสง่างาม ท่วงท่ากิริยาไม่ธรรมดา แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
หันถงพอเห็นก็เข้าใจว่า ทำไมอวิ๋นจิ่นไม่พอใจ นี่คงเกรงว่าอีกฝ่ายมุ่งหมายภรรยาเขา ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง แม้พี่สะใภ้เป็นคนดีมากความสามารถ แต่นางก็แต่งงานแล้ว ท่านจ้าวผู้นี้คงไม่มุ่งหมายพี่สะใภ้กระมัง
หันถงคิดถึงว่าก่อนหน้านี้ตนคุยกับลู่เจียวมากหน่อย อวิ๋นจิ่นก็อิจฉาแล้ว ดูท่าอวิ๋นจิ่นรักพี่สะใภ้มากจริงๆ
ขณะหันถงกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นในห้องโถงก็เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อรู้ว่ามาโดยไม่นัดหมาย ทำไมยังจะมารบกวนอีก”
แน่นอนว่าไม่ไว้หน้าจ้าวหลิงเฟิงแม้แต่น้อย
รอยยิ้มบนใบหน้าจ้าวหลิงเฟิงแข็งค้าง แม้ว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่ได้ถือกำเนิดจากภรรยาเอกในจวนหย่งหนิงโหว แต่ก็ไม่เคยถูกหักหน้าเช่นนี้มาก่อนจริงๆ
หมอฉีข้างๆ จ้าวหลิงเฟิงรีบยิ้มรับคำว่า “เซี่ยซิ่วไฉล้อเล่นแล้ว”
ลู่เจียวข้างเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือไปหยิกเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง พร้อมกับถลึงตาจ้องเตือนเขา
แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ชอบจ้าวหลิงเฟิงอย่างไร ก็ไม่อาจพูดอะไรได้ ได้แต่เบะปากตอบรับหมอฉี “ท่านจ้าวคงไม่ได้ล้อเล่นไม่ได้กระมัง”
จ้าวหลิงเฟิงแต่เล็กถูกภรรยาเอกบิดารังแกมาไม่น้อย สีหน้าเขากลับคืนสู่รอยยิ้มปกติได้อย่างรวดเร็ว กล่าวว่า “เซี่ยซิ่วไฉไม่เสียทีที่เป็นคนเรียนหนังสือมา ช่างมีอารมณ์ขัน”
กล่าวจบก็ไม่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีก หันไปมองลู่เจียวฉีกยิ้มกว้างเอ่ยว่า “ลู่เหนียงจื่อนับวันยิ่งสวยขึ้นทุกวันแล้ว หากเดินอยู่กลางถนน เกรงว่าข้าคงไม่กล้าทักแล้ว”
วาจาจ้าวหลิงเฟิงทำเอาสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบทันที มองจ้าวหลิงเฟิงแววตาประกายเย็นเยียบ
ครั้งนี้ลู่เจียวไม่ได้ถลึงตาใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่กลับใส่จ้าวหลิงเฟิงแทน
นางรู้ว่าจ้าวหลิงเฟิงจงใจแกล้งเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ตอนนี้นางยังเป็นภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น จ้าวหลิงเฟิงกล่าวเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่ไหนก็ล้วนไม่พอใจ
ลู่เจียวมองจ้าวหลิงเฟิง เอ่ยอย่างไม่พอใจนักว่า “มีธุระก็ว่ามา อย่านอกเรื่อง”
ท่าทีลู่เจียวทำให้จิตใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งลงได้ดีมาก สีหน้าเขาผ่อนคลายลงไม่น้อย ไม่เอ่ยวาจาตอกกลับอีก
จ้าวหลิงเฟิงเองไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีก มองลู่เจียวยิ้มบางกล่าวว่า “วันนี้ที่มา ประการแรกเพื่อเยี่ยมเยือนลู่เหนียงจื่อ ประการที่สอง เพื่อบอกลู่เหนียงจื่อ หอยาเป่าเหอได้ย้ายจากหมู่บ้านชีหลี่มาที่อำเภอแล้ว อยู่ถนนจูเชวี่ย”
ฉีเหล่ยข้างจ้าวหลิงเฟิงอธิบายต่อว่า “ถนนจูเชวี่ยห่างจากตรอกกุ้ยฮวาไม่ไกล แค่สองช่วงถนน”
จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยกล่าวจบ สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่าได้เอ่ยว่าดำคล้ำเพียงใด
จ้าวหลิงเฟิงอยู่ดีๆ ทำไมย้ายหอยาเป่าเหอมาอำเภอชิงเหอ เมื่อก่อนทำไมไม่ย้าย อีกอย่างย้ายก็ย้ายไป ยังย้ายมาติดกับตรอกกุ้ยฮวาพวกเขาอย่างนี้อีก พวกเขาทำเช่นนี้หรือว่าเพราะลู่เจียว?
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งเปล่งกลิ่นอายรัศมีเย็นเยียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจอัดแน่น
ในห้องโถง หันถงเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลก ๆ นี่เหมือนว่ามุ่งหมายมาทางพี่สะใภ้ ตอนพี่สะใภ้มาอยู่อำเภอชิงเหอ หอยาเป่าเหอก็ย้ายตามมาอำเภอติดๆ ก็ยังไม่เท่าไร ประเด็นคือที่ย้ายมายังใกล้กับตรอกกุ้ยฮวาขนาดนี้
ควรรู้ว่าอำเภอชิงเหอกว้างใหญ่ หากหนึ่งอยู่ใต้ หนึ่งอยู่เหนือ นั่งรถม้าก็ต้องหนึ่งชั่วยามกว่า ปกติยากจะได้พบเจอกัน
ตอนนี้คนพวกนี้ย้ายหอยามาใกล้เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าส่งผลดีต่อพี่สะใภ้หรือ เช่นนี้ดูท่าท่านจ้าวผู้นี้มีจิตคิดไม่ซื่อต่อพี่สะใภ้จริงๆ แล้ว มิน่าอวิ๋นจิ่นถึงได้โมโห
สีหน้าหันถงมองไปยังจ้าวหลิงเฟิงไม่ดีนัก
ลู่เจียวเห็นบรรยากาศในห้องโถงไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เข้าใจว่าทำไมเซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโห
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้ว่าจ้าวหลิงเฟิงกับนางร่วมกันทำการค้าหลายอย่าง ดังนั้นจึงได้ระแวงจุดมุ่งหมายของจ้าวหลิงเฟิงที่ทำเช่นนี้ แต่นางเองก็ไม่ได้คิดอธิบายกับเขา
ลู่เจียวมองไปยังจ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ข้ารู้แล้ว วันหน้าหอยาเป่าเหอมีผู้ป่วยอาการหนัก พวกเจ้าก็ให้คนมาตามข้า ข้าก็จะรีบไปดูอาการ”
จ้าวหลิงเฟิงกลับส่ายหน้า มองลู่เจียวกล่าวว่า “ข้ายังมีอีกเรื่องคิดหารือกับลู่เหนียงจื่อ”
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวจบ ก็จงใจมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง เหมือนมีวาจาบางอย่างที่ไม่ควรกล่าวต่อหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้าท่าทางจ้าวหลิงเฟิงก็ยิ่งโมโห ชายผู้นี้เห็นชัดว่าจงใจยั่วแหย่เขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องจ้าวหลิงเฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ได้คิดจะหลบออกไปแม้แต่น้อย ยังไงวันนี้ข้าก็ไม่ไป จะดูซิว่าเจ้าจะพูดอะไร
ลู่เจียวเห็นแล้วก็ปวดหัว หากจ้าวหลิงเฟิงพูดเรื่องที่ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโหหนักออกมาอีก ทั้งสองคนคงมีเรื่องชกต่อยกันแน่
ดังนั้นนางมองไปยังจ้าวหลิงเฟิงเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “มีอะไรไว้ค่อยคุยกัน”
ฉีเหล่ยข้างจ้าวหลิงเฟิงรีบลากมือจ้าวหลิงเฟิง ถลึงตาเตือนจ้าวหลิงเฟิงทีหนึ่ง บอกให้เขากลับไปก่อน
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าจ้าวหลิงเฟิงทำเช่นนี้เพราะต้องการยั่วโมโหเซี่ยซิ่วไฉ ไม่งั้นจ้าวหลิงเฟิงย่อมรอให้ลู่เหนียงจื่อไปรักษาคนไข้ที่หอยาเป่าเหอแล้วค่อยพูดก็ได้
จ้าวหลิงเฟิงยอมฟังคำเตือนของฉีเหล่ย หันไปบอกลู่เจียว “งั้นข้ากลับก่อน ไว้ค่อยคุยกับลู่เหนียงจื่อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเอ่ยว่า “มีเรื่องอะไรไม่อาจบอกคนอื่นได้หรือ มีอะไรก็คุยกันที่นี่เถิด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องจ้าวหลิงเฟิงด้วยสีหน้าดุดัน อยากดูนักว่าเจ้าหมอนี่จะพูดเรื่องอะไร
จ้าวหลิงเฟิงหันไปมองลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็มองไปยังลู่เจียว น้ำเสียงเย็นเยียบกล่าวว่า “เจ้าให้เขาพูด ข้าเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดทำอะไร”
หากเวลานี้ลู่เจียวดึงดันไม่ให้จ้าวหลิงเฟิงพูด ก็เห็นชัดว่าระหว่างนางกับเขามีเรื่องอะไรที่ไม่อาจบอกผู้อื่น
ลู่เจียวเอ่ยขึ้น “เรื่องอะไร เจ้าว่ามา ระหว่างพวกเรามีเรื่องอะไรที่บอกใครไม่ได้”
จ้าวหลิงเฟิงรีบยิ้มกล่าวว่า “คืออย่างนี้ ข้าตั้งใจว่าจะมอบหุ้นสามส่วนของหอยาเป่าเหอให้ลู่เหนียงจื่อ แต่วันหน้าทุกวันที่ห้ากับสิบลู่เหนียงจื่อต้องไปนั่งรักษาประจำที่หอยาเป่าเหอ ไม่ทราบว่าลู่เหนียงจื่อคิดเช่นไร”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้ว่าจ้าวหลิงเฟิงทำเพื่อนาง อย่างไรนางกับเขาก็มีความร่วมมือทางการค้าใหญ่กัน สามส่วนของหอยาเป่าเหอไม่นับว่าเท่าไรเลยจริงๆ