ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย – ตอนที่ 249 นั่นเป็นเรื่องของข้า

ตอนที่ 249 นั่นเป็นเรื่องของข้า

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้เรื่องระหว่างพวกเขา พอได้ฟังคำพูดจ้าวหลิงเฟิง สีหน้าก็ดำคล้ำ เอ่ยปฏิเสธเสียงเข้ม “ไม่ได้ ข้าไม่เห็นด้วย” 

 

 

เรื่องนี้เห็นชัดว่ามีเลศนัย อยู่ดีๆ มอบหุ้นสามส่วนในหอยาเป่าเหอให้ลู่เจียวทำไม หากเป็นเช่นนี้ยังกล่าวว่าท่านจ้าวไม่ได้คิดอะไร เขาไม่เชื่อเด็ดขาด 

 

 

สายตาเย็นเยียบของเซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องจ้าวหลิงเฟิงดุดัน ตวาดน้ำเสียงเย็นว่า “ท่านจ้าวคิดทำอะไร” 

 

 

จ้าวหลิงเฟิงเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นโมโห ก็อารมณ์ดีมาก กล้าใส่อารมณ์กับเขา คิดว่าตนจะไม่เอาคืนหรือ 

 

 

“ข้าเลื่อมใสในวิชาการแพทย์ลู่เหนียงจื่อ ดังนั้นจึงมอบกำไรสามส่วนของหอยาเป่าเหอให้ลู่เหนียงจื่อ เซี่ยซิ่วไฉคิดอะไรกัน” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เชื่อที่เขาพูด เช่นนั้นวิชาการแพทย์หมอฉีเองก็ร้ายกาจมาก ทำไมไม่เห็นได้ยินว่าท่านจ้าวมอบหุ้นในหอยาเป่าเหอให้หมอฉี เห็นชัดว่าเขามีใจคิดเป็นอื่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว 

 

 

“มอบของขวัญโดยไร้เหตุ ไม่คนชั่วก็ขโมย เจ้าต้องระวังคนผู้นี้” 

 

 

ลู่เจียวไม่คิดมีเรื่องกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นจึงรับคำเบาๆ “ข้าจะคิดเรื่องนี้จริงจัง”  

 

 

กล่าวจบนางก็ไม่คิดจะคุยเรื่องนี้อีก เงยหน้ามองไปยังจ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าคิดก่อน วันหน้าค่อยตอบพวกท่าน” 

 

 

ในความเป็นจริงลู่เจียวได้ติดสินใจรับไปแล้ว นางนำผลประโยชน์มาให้จ้าวหลิงเฟิงตั้งเท่าไร ได้รับผลประโยชน์จากเขาเล็กน้อยแค่นี้ ไม่เกินไปสักนิด  

 

 

จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ้มรับคำเสียงหนึ่ง ก่อนจะจากไปยังไม่ลืมทิ้งสายตาได้ใจใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองทั้งสองคนที่จากไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ จากนั้นเขาหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เจียว ข้าคิดว่าเจ้าอย่าไปรักษาผู้ป่วยที่หอยาเป่าเหอดีกว่า จ้าวหลิงเฟิงผู้นี้อันตราย เจ้าควรรักษาระยะห่างจากเขา ไกลหน่อยก็ดี” 

 

 

ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวต่ออีกว่า “ข้ารู้ว่าวิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจ และชอบรักษาผู้ป่วย ไม่สู้เปิดโรงหมอเอง” 

 

 

ลู่เจียวเลิกคิ้วมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเปิดโรงหมอนั้นเปิดง่ายหรือ หากไม่ได้มีที่พึ่งพิง ข้ากล้าเปิดโรงหมอ คนเขาก็กล้าหาเรื่องใส่ข้า ถึงตอนนั้นเงินไม่ได้มา คนก็ถูกจัดการจบสิ้นไปแทน”  

 

 

นี่ก็คือสาเหตุที่ลู่เจียวร่วมมือกับจ้าวหลิงเฟิง  

 

 

ลู่เจียวไม่อยากคุยเรื่องนี้อีก มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เอาละ เรื่องนี้ข้าย่อมรู้จะทำเช่นไร เจ้าไม่ต้องยุ่ง” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับดึงดันมองลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เจียว ข้าไม่เห็นด้วยให้เจ้ารับหุ้นสามส่วนของเขา คนผู้นี้ไม่ได้คิดดี”  

 

 

ลู่เจียวถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเอาโมโหเดือด สีหน้าทนไม่ไหวแล้ว เงยหน้าจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเตือนว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น นี่เป็นเรื่องของข้า ดีที่สุดเจ้าก็ควรรู้สถานะตนเอง”  

 

 

นางกล่าวจบก็หันหลังเดินไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังอึ้งงัน ก่อนจะคิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับลู่เจียว เมื่อครู่เขาลืมความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางไป 

 

 

ในห้องโถง หันถงทนดูไม่ไหว ทำไมอวิ๋นจิ่นไม่รู้จักคุยกับพี่สะใภ้ดีๆ ผู้ชายพูดจากับผู้หญิงอย่าได้เสียงแข็งเช่นนั้น เดิมเรื่องก็ดีๆ กลับทำเอาไม่ดีไปเสียได้ 

 

 

หันถงรู้สึกว่าตนเองควรเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นสักหน่อย “อวิ๋นจิ่น เจ้าอย่าได้…” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งเสียงตัดบทเขา “หันถง ข้าส่งเจ้ากลับ” 

 

 

“ได้” 

 

 

ทั้งสองคนเดินออกไป หันถงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่เปล่งรัศมีเย็นเยียบน่ากลัว อดถามเบาๆ ไม่ได้ว่า “อวิ๋นจิ่น พรุ่งนี้เชิญแขกไหม” 

 

 

รัศมีเย็นเยียบรอบกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเบาบางลง สีหน้ากลับคืนสู่ปกติ มองหันถงกล่าวว่า “เชิญสิ ทำไมไม่เชิญ ต่อจากนี้ข้าก็ไม่มีเวลารับรองแขกแล้ว อย่างไรก็ย้ายบ้านมา ไม่เชิญเหมือนไม่ถูกต้อง และลู่เจียวจะปรับปรุงส่วนลานด้านหน้า ก็ต้องรีบเชิญแขกมา” 

 

 

หันถงพยักหน้า ยิ้มกล่าวว่า “งั้นได้เลย พรุ่งนี้ข้าพาภรรยากับลูกสองคนมา” 

 

 

“ได้ อีกอย่างเจ้าช่วยข้าเชิญเจิ้งจื้อซิ่ง ตู้อี้ หลี่เหวินปิน เจียงหยวนเซิงและหลัวซินซื่อ”  

 

 

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อนข้างสนิทในสำนักศึกษา  

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเชิญพวกเขา นอกจากเพราะขาตนเองหายและย้ายบ้านใหม่จึงได้เชิญแขกมากินข้าวแล้ว ยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง นั่นก็คือหาคนที่อยู่เบื้องหลังแอบทำร้ายเขา  

 

 

เขาไม่อาจปล่อยให้คนผู้นั้นทำร้ายเขาได้อีก ดังนั้นต้องหาคนคนนี้ออกมาให้ได้ คืนที่เขาถูกรถม้าชน มีแค่คนเหล่านี้ที่รู้ว่าเขากลับบ้าน ดังนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุทำร้ายเขา ต้องอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้  

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปก็ส่งหันถงไปถึงรถม้าที่หน้าประตู รอรถม้าตระกูลหันเคลื่อนออกไป 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้กลับเข้าบ้านแต่ไปสั่งต่อโต๊ะที่ตลาด ก่อนหน้านี้เขาเช่าบ้านที่มีสามห้องไม่ไกลจากบ้านเขานัก ตอนนี้ไปตลาดสั่งต่อโต๊ะกับอุปกรณ์การเรียนสักหน่อย  

 

 

ลู่เจียวกำลังออกแบบภาพวาดปรับปรุงเรือนด้านหน้าอยู่ในห้องเรือนด้านหลัง 

 

 

นางตั้งใจว่าจะออกแบบเรือนด้านหน้าให้เป็นอนุบาลในแบบภพก่อนของนาง สนามหญ้ากลางเรือนด้านหน้าถอนทิ้งให้หมด สร้างเป็นสนามเด็กเล่น ไม้ลื่น ใช้ไม้ก่อเป็นถ้ำและตั้งนั่งร้านไม้เตี้ยๆ ข้างๆ ยังสร้างเวทีไว้ใช้ออกกำลังตอนเช้า กระโดดเชือก ชักเย่อ โยนลูกบอลและเกมต่างๆ  

 

 

การออกแบบภายในห้องแบ่งออกเป็นพื้นที่ต่างๆ มีพื้นที่ภาษา พื้นที่คณิตศาสตร์ พื้นที่เกษตรศาสตร์ พื้นที่ศิลปะ พื้นที่งานฝีมือ ยังมีพื้นที่ดนตรี พื้นที่เสริมทักษะ พื้นที่เล่นเกม พื้นที่งานไม้และพื้นที่การอ่าน  

 

 

ลู่เจียวออกแบบอยู่นานจนใกล้ค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องเดินเข้ามาทำลายสมาธินาง จึงทำให้นางได้สติ  

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาในห้อง นั่งลงบนเก้าอี้ข้างลู่เจียว เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลู่เจียว พวกเรามาคุยกันหน่อย ข้ารู้สึกว่าดีที่สุดเจ้าอย่าได้รับส่วนแบ่งสามส่วนจากหอยาเป่าเหอเลย จ้าวหลิงเฟิงผู้นั้นเห็นชัดว่ามีจุดหมายอื่น เจ้าเข้าใจความคิดเขาหรือ” 

 

 

ลู่เจียวไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีก จึงเสียงแข็งทันที กล่าวว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น นี่คือเรื่องของข้า”  

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกตอกกลับแต่ก็ไม่ได้โมโห ยังคงกล่าวต่อว่า “ข้ารู้ว่านี่เป็นเรื่องของเจ้า แต่แม้เป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าถูกคนอย่างจ้าวหลิงเฟิงหลอก เห็นชัดว่าไม่ใช่คนดี” 

 

 

น้ำเสียงยืนยันของเขาทำลู่เจียวขำ กล่าวว่า “เขาเป็นเช่นไรหรือ ถึงบอกว่าเขาไม่ใช่คนดี” 

 

 

เซี่ยอวิ๋นจิ่นวิเคราะห์ด้วยท่าทีนิ่งสงบ กล่าวว่า “เจ้าคิดดู อยู่ดีๆ เขาแบ่งกำไรสามส่วนของหอยาเป่าเหอกับเจ้าทำไม ข้ารู้ว่าวิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจมาก แต่วิชาการแพทย์หมอฉีเองก็ร้ายกาจเช่นกัน เจ้าได้ยินว่าเขามอบส่วนแบ่งให้หมอฉีไหม นี่แสดงให้เห็นว่าในใจเขาซ่อนเร้นกลอุบายเอาไว้ ดังนั้นเจ้าอย่าได้โดนหลอก” 

 

 

“หากเจ้าคิดเปิดโรงหมอ ข้าช่วยเจ้าหาทาง วางใจได้ ข้าหาคนมาปกป้องโรงหมอเจ้าได้” 

 

 

ลู่เจียวอยากตอบเขากลับไปว่า เจ้าปกป้องโรงหมอข้ากับเขามอบส่วนแบ่งสามส่วนให้ข้ามีอะไรแตกต่างกันหรือ ข้ากับพวกเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น 

 

 

แต่นางไม่อยากวนอยู่กับปัญหานี้ต่อ ตอบกลับน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ข้าจะตั้งใจพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง”  

 

 

กล่าวจบก็ไม่คิดพูดต่อ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังก็ฟังออกว่าถึงความดื้อดึงของนาง จึงเอ่ยต่ออีกว่า “ลู่เจียว เจ้ารู้ไหมคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อย่าเห็นว่าภายนอกเขาเป็นคนดี ผู้ใดจะรู้ว่าภายในนั้นแอบซ่อนความชั่วร้ายเลวทรามอะไรไว้ ดังนั้นเจ้าต้องออกห่างจากเขาหน่อย” 

 

 

ภาพโรงเรียนอนุบาลที่ลู่เจียวออกมาแบบมาตลอดบ่ายนี้ เดิมก็ทำนางปวดหัวมากพอแล้ว ตอนนี้คนผู้นี้ถึงกับยังเอาแต่พูดไม่หยุด ทำเอาลู่เจียวพลันโมโหขึ้นมา เงยหน้าจ้องใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า 

 

 

“นั่นเป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” 

 

 

กล่าวจบก็กล่าวอย่างโมโหต่อว่า “อีกอย่าง จ้าวหลิงเฟิงก็คือสหายข้า วันหน้าสุภาพกับเขาหน่อย ข้าเป็นมิตรและเกรงใจสหายเจ้ามาก ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเป็นมิตรและเกรงใจสหายข้าหน่อย” 

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะสามีดันเป็น ‘ตัวร้าย’ สุดโหด ภารกิจแก้เดธแฟลคจึงเริ่มต้นขึ้น!

แพทย์ทหารจิตใจงดงามจากศตวรรษที่ 21 ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยซื้อนิยายมาอ่าน

ในเนื้อหานิยายมีตัวร้ายอยู่สี่คน ไม่มีเรื่องชั่วใดไม่ทำ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา

ทว่าภายหลังตัวร้ายสี่คนนี้ถูกพระเอกนางเอกร่วมมือกันสังหาร แต่ชายสี่คนนี้ดันมีบิดาเป็นถึงโส่วฝู่

เพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชาย เขาจึงกลายเป็นจอมปีศาจชั่วร้าย

สุดท้ายพระเอกนางเอกล้วนถูกฆ่าตาย…และนางก็ดันทะลุมิติเข้ามาเป็นภรรยาที่จะตายแต่ยังสาวของตัวร้ายผู้นั้น!

เพื่อเปลี่ยนชะตาความตายที่จะเกิดขึ้นนางจำต้องหลีกหนีให้ไกลจากตัวร้ายผู้นี้

ทั้งสองจึงทำสัญญากันหากนางสามารถรักษาขาที่บาดเจ็บของ เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตัวร้ายจอมโหดจนหายดีได้

เขาจะหย่าให้นาง และนางจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระหลีกหนีเดธแฟลคที่จะเกิดขึ้น!

ปฏิบัติการการเอาอกเอาใจสามีตัวร้ายและขุนลูกชายแฝดสี่ให้จ้ำม่ำจึงเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท