เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดแก้ตัวแทนไม่ได้ กล่าวว่า “แม้ว่านางแรงเยอะ แต่ไม่ใช่คนหาเรื่องไร้เหตุผล นางเป็นคนมีเหตุผลมาก”
หันถงข้างๆ เห็นด้วย พยักหน้ากล่าวว่า “พี่สะใภ้เป็นคนมีเหตุผลมากจริงๆ ไม่ใช่คนหาเรื่องไร้เหตุผล ขอเพียงพี่อวิ๋นจิ่นไม่ทำให้นางโมโห นางคงไม่ลงมือกับพี่อวิ๋นจิ่นอย่างไร้สาเหตุหรอก”
หันถงกล่าวจบ คิดถึงว่าก่อนหน้านี้เพราะเหลียงจื่อเหวินดูหมิ่นลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงโมโหลงมือต่อยเหลียงจื่อเหวิน
เห็นๆ ว่าพวกเขาต่างรู้ว่าไม่อาจมีเรื่องกับเหลียงจื่อเหวิน แต่อวิ๋นจิ่นกลับทนไม่ไหวลงมือต่อยเหลียงจื่อเหวิน นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอวิ๋นจิ่นชอบพี่สะใภ้มาก
หันถงครุ่นคิดแล้วก็อดยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ กล่าวว่า “นับประสาอันใดกับอวิ๋นจิ่นชอบพี่สะใภ้ แม้โดนลงมือก็ยินยอมพร้อมใจ”
หันถงเพิ่งกล่าวจบ หลายคนบนโต๊ะอาหารก็เงียบกริบ จากนั้นทุกคนก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกเขิน ทำหน้าบึ้งถลึงตาใส่หันถงกล่าวว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ”
หันถงยิ้มกล่าวว่า “นี่มีอะไรต้องเขินกัน ชอบภรรยาตนเองไม่ใช่เรื่องปกติหรือ ไม่ได้ชอบคนอื่นเสียหน่อย นับประสาอันใดกับการได้พบกับคนที่ชอบเป็นเรื่องโชคดีอย่างมาก”
พวกเขาล้วนแต่งเพราะคำสั่งบิดา วาจาแม่สื่อ มีสักกี่คนที่จะได้พบคนที่ชอบ อวิ๋นจิ่นเช่นนี้ดีมากจริงๆ
หันถงกล่าวจบ ผู้ชายหลายคนบนโต๊ะอาหารต่างพยักหน้า ยกจอกสุรากล่าวแสดงความยินดีกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ยินดีกับพี่อวิ๋นจิ่น หาภรรยาที่ดีพบ”
“ครอบครัวพี่อวิ๋นจิ่นได้ภรรยาดี วันหน้าต้องอนาคตไร้ขอบเขตแน่นอน”
“เพียงแต่วันหน้าเกรงว่าคงเลี่ยงไม่โดนลู่เหนียงจื่อจัดการยากแล้ว ฮา ฮา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกพวกเขาพูดเย้าแหย่กันคนละคำสองคำทำเอาใบหูแดง ยามจิตใจกำลังหวั่นไหวอยู่นั้น ก็คิดถึงว่าวันนี้เหลียงจื่อเหวินแทะโลมลู่เจียว เขาก็โมโหมาก ตอนนั้นคิดเพียงแต่จะต่อยเจ้าหมอนั่นให้ตาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเหลียงจื่อเหวิน สายตาก็ดุดัน แผ่กระแสเย็นเยียบรอบกาย คนคนนี้เขาไม่ปล่อยไปแน่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงวาจาสัพยอกของหันถงกับสหายร่วมชั้นเรียน เขาชอบลู่เจียว?
ความจริงก่อนหน้านี้เขาก็รู้แล้วว่าตนเองชอบลู่เจียวอยู่เหมือนกัน แต่เขาเอาแต่คิดว่าแค่เพียงชอบนิดหน่อย ตอนนี้ดูท่าเหมือนว่าไม่แค่นิดหน่อยแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกินอาหารกับสหายร่วมชั้นเรียนเสร็จ ก็คุยกันสักครู่ ก่อนพวกเจิ้งจื้อซิ่งจะพาภรรยาและบุตรสาวตนเองกลับ
ที่เหลือสุดท้ายก็คือหันถงที่ยังไม่ไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาหันถงไปดื่มชาคุยกันที่ห้องหนังสือ
หันถงเป็นห่วงเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น ต้องระวังเหลียงจื่อเหวิน
“เหลียงจื่อเหวินเป็นคนเลว ดังนั้นต้องระวังเขาลอบทำร้าย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหลุบตาลงเล็กน้อย เอ่ยเสียงเข้ม “ข้าย่อมระวัง”
“หรือข้าหาคนสองสามคนมาคุ้มครองพวกเจ้า ป้องกันเขาหาคนมาจัดการครอบครัวพวกเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ไม่ต้อง ข้าย่อมไม่นั่งรองอมืองอเท้าให้เขาลงมือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็มองไปยังหันถงกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ตัวซวย”
หันถงเห็นท่าทางเขาพอรู้แล้วควรทำเช่นไร ก็ไม่เอ่ยถึงเหลียงจื่อเหวินอีก
เขาเปลี่ยนไปคุยเรื่องลู่เจียว “พี่สะใภ้วันนี้องอาจมาก จัดการเหลียงจื่อเหวินหนักเลย”
หันถงกล่าวจบยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “แต่วันหน้าพี่อวิ๋นจิ่นต้องระวัง หากทำให้พี่สะใภ้โมโห เกรงว่าคงโดนจัดการ แต่แม้โดนจัดการ ในใจพี่อวิ๋นจิ่นก็คงราวกับได้ดื่มน้ำผึ้งหวาน ผู้ใดให้พี่ชอบพี่สะใภ้เล่า”
หันถงกล่าวจบก็คิดถึงตู้หลันจู สายตาพลันมีแววกรุ่นโกรธขึ้นมา
ตระกูลหันกับตระกูลตู้นับว่าเหมาะสมกันทุกอย่าง สองตระกูลมีการค้าติดต่อกันมาตลอด ตระกูลตู้มีตู้หลันจูเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ดังนั้นไม่วางใจยกบุตรสาวแต่งกับคนอื่น จึงหันมามองเขาเข้า
ท่านพ่อท่านแม่เขาเองก็รู้สึกว่าตู้หลันจูไม่เลว จึงออกคำสั่งให้เขาแต่งตู้หลันจูเป็นภรรยา
เดิมเขาไม่คิดแต่งกับตู้หลันจู รังเกียจนิสัยเย่อหยิ่งนาง แต่ท่านพ่อท่านแม่เขาบอกว่า เป็นผู้หญิงเย่อหยิ่งเอาแต่ใจสักหน่อย แต่งงานแล้วก็รู้ความเอง
ผู้ใดจะรู้ว่าหลายปีผ่านไป ตู้หลันจูไม่ได้รู้ความสักนิด เอาแต่ใจตนเองยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก
หันถงตัดสินใจว่าคืนนี้กลับบ้านต้องคุยกับตู้หลันจูดีๆ สักหน่อย
ในห้องหนังสือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดถึงคำพูดหันถงก็อดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “เห็นชัดขนาดนั้นเลยหรือ”
หันถงหัวเราะเขาทันที “ทำไมจะไม่ชัด ผู้ใดคุยกับพี่สะใภ้มากหน่อย พี่ก็ชักสีหน้า ก่อนหน้านี้เหลียงจื่อเหวินว่าพี่สะใภ้ พี่ก็หน้าเขียวไปหมด ลงไม้ลงมือกับเขาทันที”
“หากไม่ใช่ชอบพี่สะใภ้มาก แม้จะเกลียดเหลียงจื่อเหวินสักเท่าไร ด้วยนิสัยนิ่งสุขุมพี่อวิ๋นจิ่น ก็คงไม่ลงมือเขาทันทีแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดหันถง ใบหน้าเย็นชาสง่างามก็เต็มไปด้วยกระแสอบอุ่น ดวงตาดำทั้งสองเผยให้เห็นประกายแสงอบอุ่นราวกับสายน้ำ
แต่เขาก็คิดถึงทันทีว่าตนเองได้มอบหนังสือหย่าให้นางแล้ว ทำเอาเขาเงียบงันลงอีกครั้ง
เขาให้หนังสือหย่าลู่เจียวแล้ว ตอนนี้พบว่าชอบลู่เจียวแล้วจะทำอะไรได้
ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันอึดอัดจนไม่อยากจะพูดจา แต่อยู่ๆ เขาก็พลันคิดถึงหนังสือหย่านั่นก็อีกตั้งครึ่งปี
ตอนนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงเวลาในหนังสือหย่าไว้ว่าอีกครึ่งปี ก็เพราะเกรงว่าพวกเขาพ่อลูกทำลู่เจียวไม่พอใจ ลู่เจียวโมโหก็จะไป ดังนั้นเขาจึงได้ยืนยันว่าจะลงเวลาในหนังสือไว้อีกครึ่งปี
ตอนนี้คิดแล้ว เขาตอนนั้นน่าจะพอรู้ตัวแล้วว่าไม่อยากปล่อยลู่เจียวไป จึงได้ลงเวลาในหนังสือหย่าไว้อีกครึ่งปี
นี่เป็นการให้เวลาเขา
ดวงตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นส่องประกาย
ห้องโถง หันถงเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความเบิกบานของเขาก็อดเฝื่อนขมในใจไม่ได้ ทำไมคนเขาได้พบผู้หญิงที่ชอบได้ แต่ตนกลับไม่สมหวัง
หันถงทนนั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นกล่าวอำลากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกเขาว่าพรุ่งนี้จะช่วยชี้แนะให้นักเรียนทบทวนบทเรียน ให้หันถงพรุ่งนี้มาทบทวนด้วยกัน
หันถงรับคำเสียงหนึ่ง หันหลังออกไป เตรียมจะพาบุตรชายสองคนกลับ
บุตรชายเล่นสนุกจนเพลิน ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นพวกเขาเลย
หันถงไม่ทันได้ไปรับบุตรชายสองคนที่เรือนด้านหลัง ลู่กุ้ยก็จูงพวกเขาเดินออกมา ส่งเด็กสองคนให้กับหันถง กล่าวว่า “พวกเขาสองคนเหมือนง่วงนอนแล้ว พี่เจียวกล่อมพวกเขานอน พวกเขาก็ไม่นอน เอาแต่ร้องหาเจ้า พี่สาวข้าได้แต่ให้ข้าพาพวกเขามาส่ง”
หันถงรีบจูงบุตรชายสองคน พาพวกเขาขึ้นรถม้ากลับบ้าน
จากนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องหนังสือ ไตร่ตรองเรื่องว่าจะรับมือกับเรื่องการหย่าอย่างไร
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาชอบลู่เจียว และไม่ใช่แค่ชอบธรรมดา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากหย่ากับลู่เจียว และไม่อยากปล่อยนางไป
แต่เขามอบหนังสือหย่าไปแล้ว ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือในครึ่งปีนี้ต้องให้ลู่เจียวยอมรับเขา ไม่ไปจากพวกเขาพ่อลูก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะได้ เพียงแต่อย่างไรในใจก็แอบเป็นห่วง กลัวลู่เจียวไม่ยอมรับเขา เพราะหญิงผู้นั้นไม่ใช่หญิงที่เขารู้จักก่อนหน้านี้ ความคิดนางไม่อาจใช้ความคิดหญิงธรรมดามาคิดได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดอยู่ในห้องหนังสือเรือนด้านหน้านานถึงสองชั่วยาม จึงตัดสินใจว่าเขาจะบอกกับลู่เจียวก่อนว่า เขาชอบนาง
ไม่ว่านางรับหรือไม่ อย่างไรก็ให้นางได้รู้ความในใจเขาก่อน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ลุกขึ้นจะออกจากห้องหนังสือ ไม่คิดว่าเพิ่งเดินถึงประตู ก็เห็นลู่เจียวพาเฝิงจือเดินมา
ทั้งสองคนพบกัน ใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นเต้นเร็วยิ่งขึ้น ไม่กล้าส่งสายตามองลู่เจียว