บ้านทางตะวันตกที่ติดกันเป็นครอบครัวตระกูลซู ตระกูลซูเป็นพ่อค้า นายผู้ชายค้าขายผ้าไหม ในบ้านมีคนมาก นายผู้หญิงแซ่สวี คนเรียกกันว่าสวีเหนียงจื่อ สวีเหนียงจื่ออายุสามสิบต้นๆ แต่กลับดูอิดโรย สีหน้าท่าทางไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าเท่าไร
พวกเขาอยู่กับพ่อแม่สามี ประเด็นคือยังมีน้องชายคนเล็กสามีมาอยู่ด้วย
ตอนครอบครัวลู่เจียวไปเยี่ยมเยือน แม่สามีสวีเหนียงจื่อกับน้องชายคนเล็กของสามีสองคนก็วิ่งออกมา
ภรรยาคนน้องหน้าตายั่วยวนมาก แววตาราวกับตะขอเกี่ยวอยู่บนตัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ยอมไปไหน
ลู่เจียวไม่ชอบสายตาหญิงผู้นี้อย่างมาก เหิมเกริมเกินไปแล้ว แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี
ลู่เจียวไม่อยากให้หญิงเช่นนี้มาส่งผลกระทบต่อเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ดังนั้นจึงมองสตรีผู้นั้นด้วยแววตาเย็นชา ลุกขึ้นกล่าวอำลากับตระกูลสวี
“สวีเหนียงจื่อ วันนี้ที่บ้านมีแขก วันหลังค่อยสนทนากันใหม่”
สวีเหนียงจื่อเป็นคนดีมาก และยังฉลาดมาก นางรู้ว่าลู่เจียวไม่ชอบใจภรรยาของน้องชายสามีนางที่ส่งสายตาเหิมเกริมให้ รีบลุกไปส่ง “ข้าไปส่งลู่เหนียงจื่อ”
ทุกคนเดินออกไปข้างนอก แม่สามีสวีเหนียงจื่อถึงกับตะโกนถามลู่เจียว “บ้านพวกเจ้าวันนี้เลี้ยงแขก ทำไมไม่เชิญพวกเราล่ะ”
ลู่เจียวทำเหมือนไม่ได้ยิน เดินออกไปทันที สวีเหนียงจื่ออายจนหน้าแดง มองลู่เจียวพลางกล่าวขอโทษ
“ลู่เหนียงจื่ออย่าได้สนใจนาง นางสมองไม่ค่อยปกติ”
ลู่เจียวส่ายหน้า มองสวีเหนียงจื่ออย่างเห็นใจ ตอนนี้นางรู้แล้วว่าทำไมสวีเหนียงจื่อจึงอิดโรยเช่นนี้
แม่สามีเช่นนี้ น้องสะใภ้เช่นนี้ นางจะวางใจได้หรือ
ลู่เจียวออกจากบ้านตระกูลซู ก็ไปข้างบ้านตระกูลซูต่อ ตลอดทางนางมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “วันหน้าออกห่างจากตระกูลซูหน่อย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้าเต็มแรงแสดงท่าทางว่าทราบแล้ว “ท่านแม่ พวกเรารู้แล้ว ครอบครัวพวกเขาไม่ดี”
ลู่เจียวพยักหน้าอย่างพอใจ “ใช่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตามหลังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มาติดๆ แสดงท่าทีกล่าวว่า “ข้าเองก็จะออกห่างจากพวกเขาหน่อย”
ลู่เจียวเบะปาก เจ้าห่างไม่ห่างเกี่ยวอะไรกับข้า
แต่สีหน้าก็เหมือนดีขึ้นหน่อย สรุปนางไม่ชอบแม่สามีสวีเหนียงจื่อกับครอบครัวน้องสามีนาง ไม่พูดถึงน้องสะใภ้นางที่เอาแต่ส่งสายตาเกาะแกะเซี่ยอวิ๋นจิ่น น้องสามีนางก็ส่งสายตาไม่ดีมองนางเช่นกัน
ลู่เจียวอดเลิกคิ้วคิดไตร่ตรองไม่ได้ ไม่ได้บอกว่าคนในตรอกกุ้ยฮวาดีมากหรอกหรือ ทำไมข้างครอบครัวพวกนางจึงมีครอบครัวเช่นนี้มาอยู่ได้
ครอบครัวลู่เจียวเดินไปทางตะวันตกเยี่ยมอีกครอบครัว ครอบครัวนี้คือตระกูลหลิว ไม่ค่อยซับซ้อน มีแค่ตาเฒ่าและลูกบุญธรรมคนหนึ่ง
ตาเฒ่าแซ่ถง คนเรียกตาเฒ่าถง ตาเฒ่าถงติดสุรา เช้ามาก็ถึงกับดื่มในบ้านเลย แม้ว่าไม่ได้ดื่มจนเมา แต่ก็ดื่มจนหน้าแดงไปหมด เห็นคนมาเยือนก็ไม่รู้จักแสดงท่าทีสุภาพ
ลู่เจียวเห็นว่าสายแล้วก็พูดจากับตาเฒ่าถงง่ายๆ ก่อนจะกลับ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังจ้องมองตาเฒ่าถงอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้ตาเฒ่าถงพอเห็นเขาก็เหมือนตกใจไปครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาเก็บงำสายตารวดเร็ว แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยังมองทัน
ตาเฒ่านี่รู้จักเขาหรือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็เข้าใจ ก่อนหน้านี้เขาสอบติดที่หนึ่ง คนไม่น้อยรู้จักเขาก็ไม่แปลก
ทั้งครอบครัวไม่ได้เยี่ยมเยือนเพื่อนบ้านอื่นต่อ
“ข้าพาเฝิงจือไปช่วยที่ครัวด้านหลัง เจ้าพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปรอรับแขกที่เรือนด้านหน้า หากมีแขกผู้หญิงมาก็ให้ลู่กุ้ยมาหาข้าที่ครัว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า กำชับกล่าวว่า “เจ้ามีงานก็ให้พวกนางไปทำ อย่าได้ต้องลงมือทำเอง”
ลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “อืม”
ทั้งสองคนกล่าวจบ ลู่เจียวก็พาเฝิงจือไปเรือนด้านหลัง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดไปกับลู่เจียว แต่กลับถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่อมให้อยู่ก่อน
ลู่เจียวไม่ได้สนใจพ่อลูกห้าคนด้านหลัง นางคิดถึงงานเลี้ยงวันนี้ตอนเที่ยงว่ายังมีตรงไหนที่จัดการได้ไม่เหมาะสมไหม
เฝิงจือมองนาง กระซิบว่า “เหนียงจื่อ ท่านระวังจ้าวเหอฮวา บุตรสาวคนโตบ้านตระกูลเจ้าผู้นั้นหน่อย บ่าวเห็นนางเอาแต่จ้องแทบจะมาเกาะหนึบคุณชายแล้ว”
“ใช่แล้ว ยังมีหญิงทางตะวันตกผู้นั้นด้วย แค่เห็นก็รู้แล้ว่าไม่ใช่หญิงดี พวกเราต้องระวังว่านางจะมาล่อลวงคุณชาย”
เฝิงจือกล่าวจบจ้องมองลู่เจียว นางมักรู้สึกว่าเหนียงจื่อบ้านนางไม่ค่อยใส่ใจคุณชายเท่าไร ดังนั้นจึงเอ่ยเตือน แต่เพราะไม่ค่อยเข้าใจนิสัยเหนียงจื่อ ก็ไม่กล้ากล่าวมาก กลัวเหนียงจื่อโกรธ
ลู่เจียวหันกลับไปมองเฝิงจือ ใบหน้าเฝิงจือหากไม่มีรอยแผลเป็นนี้ นางก็งามอยู่มาก รูปร่างก็ดีมากด้วย
ลู่เจียวคิดถึงว่าตนเองใกล้จะเปิดโรงเวชสำอางแล้ว ในนี้ก็มียาทาลบรอยแผลเป็น นางก็ทำการทดลองกับใบหน้าเฝิงจือได้
“เจ้าคิดลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าไหม”
“หา?”
เฝิงจืออ้าปากค้างตกใจมองลู่เจียว พวกนางกำลังพูดเรื่องหญิงไม่ดีคิดล่อลวงคุณชายอยู่ไหม ทำไมมาพูดเรื่องแผลเป็นบนใบหน้านางได้
“เหนียงจื่อ ท่านต้องป้องกันจ้าวเหอฮวาทางตะวันออกกับหญิงทางตะวันตกผู้นั้น”
ลู่เจียวรู้ว่าเฝิงจือหวังดีกับนาง น่าเสียดายนางไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนหย่าแล้ว เรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เกี่ยวกับนางแล้ว แต่จากความเข้าใจของนางที่มีต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาย่อมไม่มีทางแลมองหญิงสองคนนั้น
ลู่เจียวนึกขำยื่นมือออกไปหยิกใบหน้าเฝิงจือ “เอาละ เจ้าอย่าได้ห่วงเรื่องพวกเรา ท่านพี่ไม่สนใจหญิงสองคนนั้นหรอก”
สินค้าคุณภาพไหนกัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมไม่ชายตามองไหม แม้จ้าวเหอฮวาทางตะวันออกจะหน้าตาไม่เลว แต่ก็ธรรมดา ยังไม่งามจนถึงขั้นทำให้ผู้ชายต้องหลงใหล
ส่วนหญิงทางตะวันตกผู้นั้นอายุตั้งยี่สิบแปดแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องอดอยากไม่เลือกอาหารขนาดไหนจึงจะชายตาแลนาง
เฝิงจือได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ไม่ได้ปล่อยวางความระแวงในใจตนลง
“เกรงว่าพวกนางล่อลวงไม่สำเร็จ กลายเป็นโมโหทำลายชื่อเสียงคุณชายแทน คุณชายต้องเข้าสอบเคอจวี่นะ”
คำพูดเฝิงจือลู่เจียวรับฟัง เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นเสียชื่อเสียงย่อมพลอยส่งผลต่อเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปด้วย สีหน้าลู่เจียวเคร่งเครียดขึ้นมามาก “เจ้าไม่มีอะไรทำก็คอยจับตาดูผู้หญิงสองคนนั้นไว้หน่อย”
เฝิงจือรีบยิ้มกล่าวว่า “เหนียงจื่อวางใจ ข้าต้องช่วยท่านจับตาดูหญิงไม่ดีสองคนนั้นไว้”
นางกล่าวจบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “ไว้ข้ากลับไปกำชับหลินตงหน่อย ให้เขาระวังอย่าให้ผู้หญิงไม่ดีพวกนี้มาเข้าใกล้คุณชาย”
ลู่เจียวได้ยินนางพูดบ่นไม่หยุดก็อดรู้สึกอบอุ่นในใจไม่ได้
สาวน้อยคนนี้จิตใจไม่เลว คิดเพื่อนางอย่างเดียว มาคิดถึงเฝิงจือที่ยอมทำลายโฉมหน้าตนเอง ไม่ยอมเป็นอนุภรรยา ในใจลู่เจียวก็รู้สึกเคารพขึ้นมาหลายส่วน ไว้นางจะคิดหาวิธีช่วยรักษาแผลเป็นให้เฝิงจือ วันหน้าเลือกคู่ที่ดีให้นางสักคน
ทั้งสองคนเดินไปทำงานกันในครัวด้านหลัง
ที่ครัวด้านหลัง นอกจากฮวาเสิ่น ยายเฒ่าชิวก็กำลังยุ่ง พอลู่เจียวกับเฝิงจือมา ก็ร่วมกันทำงานวุ่นไปหมด
บรรดาผู้หญิงขลุกตัวทำงานกันในครัวมีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ไม่ได้มีธรรมเนียมกฎเกณฑ์มากมายอะไร ฮวาเสิ่นกับยายเฒ่าชิวและเฝิงจือดีใจอย่างบอกไม่ถูก แอบอุทานกันในใจอีกครั้งว่าครั้งนี้พวกนางชนเข้ากับโชคกองโตแล้ว
แขกตอนเที่ยง ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดว่าที่น่าจะมาเร็วที่สุดน่าจะเป็นหันถง ผู้ใดจะรู้ว่ากลับเป็นเจิ้งจื้อซิ่งพาครอบครัวทั้งภรรยาและบุตรสาวมาถึงก่อน
“พี่อวิ๋นจิ่นเป็นผู้พบเจอแต่สิ่งมงคล พาเอาจิตใจกระปรี้กระเปร่าเสียจริง สง่าราศียิ่งทวีขึ้น ตอนนี้แม้แต่บ้านในตรอกกุ้ยฮวาก็ซื้อได้ วันหน้าอนาคตเจริญรุ่งเรืองแล้วก็อย่าลืมส่งเสริมน้องชายด้วยนะ”