ที่ลู่เจียวลงมือต่อยเหลียงจื่อเหวิน ไม่เพียงเพราะเหลียงจื่อเหวินพูดจาสกปรก แต่ยังเพราะพวกเขาได้ล่วงเกินคนชั่วอย่างเหลียงจื่อเหวินแล้ว เจ้าคนชั่วนี่ต้องมาเอาคืนแน่นอน ในเมื่อล่วงเกินไปแล้ว ไม่สู้จัดการเขาให้หนักสักยกไปเลยไม่ดีกว่าหรือ
แต่ลู่เจียวก็ไม่ลืมว่าที่พวกเขามีเรื่องกับเหลียงจื่อเหวิน ก็เพราะหูซ่านพาคนผู้นี้มา
หูซ่านตรงหน้าคิดจะพูด แต่ลู่เจียวกลับไม่ให้โอกาสเขาได้พูด กล่าวเสียงเข้มว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีได้ หากเหลียงจื่อเหวินมาเอาคืนพวกเรา ข้าจะไปหานายอำเภอหู ครอบครัวพวกเจ้าไยจึงตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นเช่นนี้”
วาจานี้ทำเอาหูซ่านสีหน้าแปรเปลี่ยน เขามองไปยังลู่เจียวทันที เดิมรู้เพียงแค่หญิงผู้นี้หน้าตาไม่เลวและวิชาการแพทย์ร้ายกาจมาก ตอนนี้จึงได้รู้นางยังฉลาดมากด้วย
หากลู่เจียวไปหาท่านพ่อเขา ท่านพ่อเขาแม้ไม่ตีเขาตายก็คงไม่ต่าง ยังมีอีก หากภรรยาเขารู้ ต้องมีเรื่องกับเขาแน่
หูซ่านรีบรับปาก “วางใจ ข้าจัดการแก้ไขเรื่องนี้เอง”
เรื่องวันนี้เกิดเพราะเขา เขาต้องแก้ไขเอง
หูซ่านประคองเหลียงจื่อเหวินออกไป เหลียงจื่อเหวินเดินออกมาไกลแล้วก็หันกลับไปกัดฟันกรอดกล่าวอาฆาต “เซี่ยอวิ๋นจิ่น พวกเจ้าคอยดูเถอะ”
ลู่เจียวเห็นสภาพเละเทะในเรือนด้านหน้า ก็สั่งการเฝิงจือกับหลินตง “รีบเก็บกวาด เตรียมอาหารให้แขกใหม่”
“เจ้าค่ะ นายหญิง”
เฝิงจือกับหลินตงลงมือเก็บกวาด หลินต้ากับตาเฒ่าเหวินก็เข้ามาช่วยเก็บกวาด
ลู่เจียวมองไปยังคนในห้องโถงอย่างรู้สึกเกรงใจ กล่าวว่า “วันนี้ขายหน้าต่อทุกท่านแล้ว”
ทุกคนเพิ่งได้สติ รีบกล่าวอย่างสุภาพว่า “ลู่เหนียงจื่ออย่าได้เกรงใจ”
หันถงรีบกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ไม่เป็นไร พวกเราล้วนสหายสนิท ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้”
หันถงกล่าวจบก็คิดถึงว่าวันนี้เขาทะเลาะกับตู้หลันจูภรรยาเขา เดิมวันนี้เขาคิดพาครอบครัวมาด้วย ปรากฏก่อนมา ตู้หลันจูไม่ยอมมา หันถงโมโหแทบตาย ตวาดตู้หลันจู ตู้หลันจูไม่ยอมจนมีปากเสียงกับเขา หันถงได้แต่พาบุตรชายสองคนมา
ลู่เจียวได้ฟังคำพูดทุกคน ยิ้มพยักหน้า หันหลังจะเดินไป แต่พอคิดถึงเหลียงจื่อเหวิน นางก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีก
“เจ้าเหลียงจื่อเหวินนั่น แม้หูซ่านออกหน้า แต่เกรงว่าคงไม่ยอมเลิกรา เจ้าต้องระวังตัวหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นระงับกระแสเย็นเยียบรอบกาย พยักหน้ากล่าวนุ่มนวลว่า “ข้ารู้ จะระวังตัว”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เรียกจู้เป่าจูกับถันเหนียงจื่อและหลิ่วเหนียงจื่อกับคนอื่นๆ เดินออกไป
“วันนี้เลี้ยงแขกอยู่ดีๆ ถึงกับมีเรื่องกันจนเช่นนี้ ครอบครัวพวกเราเสียมารยาทแล้ว”
จู้เป่าจูรีบกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เป็นเจ้าคนเลวนั่นหาเรื่อง”
นางกล่าวจบก็คิดถึงพละกำลังของลู่เจียวขึ้นมา อดอิจฉาไม่ได้ จ้องมองนาง “พี่ลู่ พี่แรงเยอะจริง ร้ายกาจมากเลย”
จู้เป่าจูยื่นมือไปคว้ามือลู่เจียวมามองอย่างละเอียด ทั้งขาวและนุ่ม และเหนือข้อนิ้วหลังมือยังมีรอยบุ๋มแบบคนมีเนื้อนุ่ม มือเช่นนี้ทำไมมีแรงมากขนาดนี้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังเห็นจู้เป่าจูดึงมือดึงไม้ลู่เจียว ทั้งยังลูบมือนาง สีหน้าเขาก็ดูไม่ดีนักแล้ว แววตาอึมครึมดุดันจ้องมองมือจู้เป่าจู
พวกหันถงกับเจิ้งจื้อซิ่งเดินเข้ามาเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นวันหน้าต้องระวังตัวหน่อย
“เหลียงจื่อเหวิน คนผู้นี้เป็นคนเลว อวิ๋นจิ่นเจ้าต้องระวังหน่อย”
“ใช่ เจ้าต้องระวังหน่อย แม้ว่าหูซ่านออกหน้าจัดการ แต่เหลียงจื่อเหวินไม่ฟังเขาแน่ อย่างมากก็ไม่ทำอะไรเจ้าเปิดเผย แต่อาจจัดการวางแผนทำร้ายเจ้าในที่ลับ”
“อวิ๋นจิ่นโชคร้ายจริง นั่งอยู่ในบ้านตัวเอง ภัยยังตกมาจากฟากฟ้า”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ถูกรถม้าชนเจ็บสาหัส นี่เพิ่งหาย มาเจอคนเลวอย่างเหลียงจื่อเหวินอีก”
“ข้าว่านะ ต้องโทษหูซ่าน หากหูซ่านไม่พามา ก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้”
“ความจริงหูซ่านก็ไม่เลว แต่แอบโง่เง่า”
“อย่าว่าหูซ่านเลย ข้ารู้สึกว่าท่านพ่อหูซ่านก็แอบโง่เง่า ได้ยินว่าเรื่องในที่ว่าการอำเภอชิงเหอส่วนใหญ่ก็ถูกรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้[1]กุมไว้ในมือแล้ว”
หลัวซินซื่อกล่าวจบ ทุกคนในห้องโถงต่างมองไปที่เขา “ที่เจ้าว่ามาจริงหรือเท็จ”
“รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้กุมอำนาจอำเภอชิงเหอ? ไม่น่าจะใช่นะ ทั้งสองคนนั้นท่าทางเป็นคนดีมาก การกินอยู่เสื้อผ้าก็ไม่ได้ดูดีอะไรเลย ไม่เหมือนกับได้รับผลประโยชน์อะไรสักนิด”
หลัวซินซื่อแค่นยิ้มกล่าวว่า “เสแสร้งน่ะสิ ข้าก็ได้ยินเขาพูดกันน่ะ”
หลัวซินซื่อมีนางคนสนิทอยู่ที่หอนางโลมชินหงก่วน นางเป็นคนพูดให้เขาฟัง
ลู่เจียวในเรือนด้านหลังกำลังเล่าสภาพการณ์เรือนด้านหน้าให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟัง “ไม่เป็นไรแล้ว แม่จัดการได้แล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงท่านพ่อเจ้า”
“อืม งั้นก็ดี ขาท่านพ่อไม่อาจบาดเจ็บได้อีก”
ต้าเป่ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ลู่เจียวชินกับท่าทางเอาแต่เป็นกังวลของเขานานแล้ว จู้เป่าจู ถันเหนียงจื่อ และหลิ่วเหนียงจื่อไม่เคยเห็น ก็รู้สึกแปลกใจมาก
“ลูกๆ พวกเจ้ารู้ความจริง รู้จักเป็นห่วงท่านพ่อเขาด้วย”
ลู่เจียวยิ้มชี้ไปยังทั้งสี่คน กล่าวว่า “พวกเขาเป็นกังวลกับเรื่องท่านพ่อพวกเขาไม่แพ้ผู้ใหญ่เลย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถูกลู่เจียวพูดจนเขินหน้าแดง หันหลังวิ่งออกไป ลู่เจียวกำชับลู่กุ้ยตามหลังไปว่า “ไปคอยต้อนรับด้านหน้า”
“ได้เลย พี่เจียว”
ลู่กุ้ยหันหลังเดินออกไปทันที
ลู่เจียวเริ่มต้อนรับบรรดาแขกฝ่ายหญิง แต่ตอนนี้ผู้หญิงสามคนต่างสนใจในพละกำลังของลู่เจียว ในนั้นหลิ่วเหนียงจื่อภรรยาหลัวซินซื่อเป็นคนที่สนใจที่สุด
“ลู่เหนียงจื่อ พละกำลังเจ้ามีมาแต่กำเนิดหรือว่าฝึกเอาภายหลัง”
ลู่เจียวเลิกคิ้วยิ้มกล่าวว่า “แต่กำเนิด”
หลิ่วเหนียงจื่อแอบผิดหวัง ยังถามว่า “งั้นมีวิธีอะไรฝึกพละกำลังให้มากขึ้นอีกหน่อยไหม”
ลู่เจียวมองหลิ่วเหนียงจื่ออย่างแปลกใจ พลันพบว่าภรรยาหลัวซินซื่อท่านนี้ หน้าร้อนยังสวมเสื้อผ้าปิดมิดชิด ไม่เปิดเผยแม้แต่น้อย แน่นอนเสื้อผ้าพวกนางเองก็มิดชิดเช่นกัน แต่อย่างไรที่คอกับข้อแขนก็ให้ลมพัดผ่านได้หน่อย
แต่หลิ่วเหนียงจื่อผู้นี้สวมเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง คอเสื้อสูง รัดเอว ยังเป็นแขนเสื้อแคบ รัดข้อมือแน่นหนา
ลู่เจียวเห็นแล้วก็รู้สึกร้อน อดเอ่ยถามไม่ได้ “หลิ่วเหนียงจื่อ เจ้าไม่ร้อนหรือ สวมแน่นหนาขนาดนี้”
จู้เป่าจูรีบกล่าวว่า “นางชอบสวมเช่นนี้ หัวโบราณ”
ถันเหนียงจื่อเองก็พยักหน้า
สีหน้าหลิ่วเหนียงจื่อแข็งค้าง ลู่เจียวรู้สึกว่านางผิดปกติ อดถามไม่ได้ว่า “หลิ่วเหนียงจื่อ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
หลิ่วเหนียงจื่อรีบส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ข้าก็แค่สนใจในพละกำลังของเจ้า”
กล่าวจบก็ไม่พูดมากต่อ เงียบงันเหมือนก่อนหน้านี้ต่อ
เรือนด้านหน้า เฝิงจือกับหลินตง ยังมีหลินต้ากับตาเฒ่าเหวินเก็บกวาดห้องโถงจนสะอาด เฝิงจือไปครัวด้านหลัง ช่วยยายเฒ่าชิวและฮวาเสิ่นทำอาหารสองสามอย่างออกมาส่งเรือนด้านหน้า
วันนี้ฮวาเสิ่นทำงานที่ครัวคนเดียวไม่ไหว ดังนั้นยายเฒ่าชิวจึงมาช่วยในครัว
เรือนด้านหน้า หลายคนเริ่มกินกันแล้ว ก่อนหน้านี้ถูกเหลียงจื่อเหวินก่อกวน พวกเขาไม่ทันได้กินอะไร ตอนนี้หิวกันมาก
แต่หลายคนก็ยังไม่ลืมสัพยอกเซี่ยอวิ๋นจิ่น “อวิ๋นจิ่น ภรรยาเจ้าพละกำลังมากจริง วันหน้าหากเจ้าล่วงเกินนาง ไม่ใช่ว่าจะถูกจัดการหรือ”
“วันหน้าเจ้าดีที่สุดก็เอาใจนางหน่อย อย่าทำให้นางโกรธ ไม่งั้นเจ้าต้องโดนแน่”
[1] จู่ปู้เป็นตำแหน่งขุนนางทำงานด้านเอกสารหนังสือราชการ