Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1747 เขาคุนหลุน

ตอนที่ 1747 เขาคุนหลุน
Brazil999
แดนผนึกแท่นสักการะ
กลางฟ้าดินในส่วนลึกสุดมีภูเขาใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง
ภูเขาลูกนี้สูงเก้าหมื่นจั้ง เชื่อมต่อไปนอกเวิ้งฟ้า สูงตระหง่านโดดเด่นยิ่งใหญ่ ทรงพลังดั่งยอดเขาสวรรค์ลูกแรกที่ยันเปิดจักรวาลแรกกำเนิด!
ลือกันว่าเขาลูกนี้ก็คือใจกลางของแหล่งสถานคุนหลุน ถูกเรียกว่า ‘เขาคุนหลุน’ !
นับแต่โบราณมาผู้ฝึกปราณมากมายต่างสงสัยว่าเขาคุนหลุนไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้สมควรมีได้แต่แรก ด้วยงามวิจิตรและทรงพลังเกินไป
ต่อให้เป็นอริยะหลอมกายที่แปลงร่างให้สูงหมื่นจั้งได้ ยามยืนอยู่หน้าเขาลูกนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่าตัวเล็กจ้อยเหมือนมดปลวก
แท่นสักการะก็ตั้งอยู่บนเขาคุนหลุน
ยามนี้เมิ่งอี้ยืนอยู่หน้าเขาคุนหลุน หว่างคิ้วเจือความตกตะลึง ‘คุนหลุนยิ่งใหญ่ เกรียงไกรยิ่งนัก!’
ที่นี่ไอคลุมเครืออบอวล ราวกับน้ำตกหลายสายทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้า ก้อนหินต้นไม้ล้วนเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์แวววาวผุดผ่อง
กลางอากาศพลังกฎระเบียบมหามรรคนานัปการเหมือนคงอยู่จริง กลายเป็นลักษณ์ประหลาดอย่างรุ้งเทพ ละอองแสง ประกายมงคล แสงอุษาเทพไหลวนกลางอากาศ ส่องประกายเพริศแพร้ว ซ้อนสลับลานตา
มหามรรคไร้รูป กว้างใหญ่ไพศาล แต่เขาคุนหลุนนี้กลับราวสัมผัสได้!
นี่ก็คือหนึ่งในแดนสามผนึกของแหล่งสถานคุนหลุน เป็นพื้นที่ลับซึ่งสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามคลุ้มคลั่ง
ลือกันว่าที่นี่ซ่อนความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไว้!
“ตอนนี้ทางขึ้นเขาคุนหลุนถูก ‘กระแสน้ำหลากมหามรรค’ ปกคลุม อย่างน้อยต้องใช้เวลาเจ็ดวันจึงจะค่อยๆ หายไป นี่ก็หมายความว่าก่อนพวกเราจะขึ้นเขาได้ ยังต้องรออีกเจ็ดวัน”
ข้างๆ เหวินฉิงเสวี่ยกล่าวราบเรียบ
ชายเสื้อนางพลิ้วไหว งามพิสุทธิ์ดั่งเซียน ข้างกายห้อมล้อมด้วยผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรมากมาย คล้ายดาวล้อมเดือน ขับเน้นให้ฐานะของนางโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม
ที่เรียกว่า ‘กระแสน้ำหลากมหามรรค’ คือพลังกฎระเบียบมหามรรคที่เหมือนผนึกอย่างหนึ่ง เพียงแต่ทรงอานุภาพและบ้าคลั่งเกินไป ปกคลุมทางขึ้นเขาคุนหลุนไว้เหมือนน้ำป่าทลายเขื่อน
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนี้ ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดเข้าใกล้ก็จะถูกม้วนกลืนกำจัด!
ดังนั้นหากต้องการขึ้นเขาไปสักการะ ก็ได้แค่รอ
เมิ่งอี้กล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง สายตาเขาเหลือบมองไปยังจุดที่ห่างออกไป
ใกล้เขาคุนหลุนไม่ได้มีแค่พวกเขากลุ่มเดียว ยังมีพวกฮว่าซิงหลีแห่งเรือนมรรคเหล่ามาร จอมดาบถังซูแห่งเผ่านักรบดาบคลั่ง เผ่านักรบตะวันแดง เผ่านักรบวารีดำ เผ่านักรบผีสวรรค์ด้วย…
คนพวกนี้เกือบทั้งหมดเป็นผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ ไม่มีผู้ฝึกปราณทั่วไปคนอื่นเลย
ด้วยพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอ และไม่มีความสามารถมาถึงเขาคุนหลุนได้
ต้องรู้ว่าผู้ฝึกปราณที่เข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้มีเรือนพันเรือนหมื่น แต่ตอนนี้กลับเหลือคนส่วนน้อยแค่นี้เท่านั้นที่มาถึง
ทว่าคนส่วนน้อยพวกนี้ล้วนเป็นบุคคลร้ายกาจที่รับมือได้ยากยิ่ง
บางคนในนั้นถึงขั้นทำให้เมิ่งอี้หวาดกลัวยิ่งนัก
อย่างซวีหลิงคุนทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลซวี บุคคลน่ากลัวคนหนึ่งที่จัดอยู่ในอันดับที่สิบสามของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา พลังต่อสู้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ
ยังมีจวนอวี๋เหิงทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจวนอวี๋ที่นิสัยป่าเถื่อน ฝีมือแข็งกร้าว ทั้งจัดอยู่ในอันดับสิบของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราด้วย!
บุคคลเช่นนี้ บนทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนเรียกได้ว่าเป็นราชันในหมู่คนรุ่นเดียวกัน คือตัวตนที่เหมือนสุริยันผู้กล้า
เมิ่งอี้รู้ดีว่าตนอาจจะไม่กลัวคู่ต่อสู้คนอื่นในที่นั้น แต่หากเจอยักษ์ใหญ่ครองพิภพอย่างซวีหลิงคุน จวนอวี๋เหิง ย่อมถูกลิขิตให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะแลกเปลี่ยนกับเหวินฉิงเสวี่ย ฆ่าหลินสวินเป็นค่าตอบแทน แลกกับการช่วยเหลือของเหวินฉิงเสวี่ย
เมื่อเป็นเช่นนี้ยามก้าวสู่แท่นสักการะไปแย่งชิงศุภโชค ก็ไม่ต้องกลัวพวกซวีหลิงคุน จวนอวี๋เหิงแล้ว
“พี่เมิ่ง เจ้าแน่ใจว่าหลินสวินนั่น… ตายแล้วจริงนะ”
เหวินฉิงเสวี่ยกล่าวขึ้นมาทันใด
เมิ่งอี้เก็บความคิดยิ้มกล่าว “เทพธิดาฉิงเสวี่ย เจ้ายังไม่เชื่อข้าหรือ”
เขาพลิกฝ่ามือ ม่านแสงสายหนึ่งปรากฏ สิ่งที่ฉายบนนั้นคือภาพที่พวกหลินสวินและอาหูถูกยอดเขากักเทพสวรรค์พันธนาการกำราบ
“เจ้าบ้านี่ก็ซวยเกินไปแล้ว ถึงกับถูกยอดเขากักเทพสวรรค์พันธนาการ ความตายนี้ไม่อัดอั้นเกินไปหน่อยหรือ”
“ฮ่าๆ เจ้าหมอนี่บ้าระห่ำร้ายกาจ ช่วงนี้ฆ่าคนไปไม่รู้เท่าไหร่ หยิ่งทะนงกำเริบเสิบสานหาใดเปรียบ ตายไปก็ดีแล้ว”
ผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรพวกนั้นพากันเอ่ยปาก ล้วนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นไม่มากก็น้อย
มีเพียงเหวินฉิงเสวี่ยที่สีหน้าราบเรียบ นางเอ่ยถาม “ถ้าเขาไม่ตายล่ะ”
เมิ่งอี้อดหัวเราะไม่ได้ “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ตั้งแต่อดีตมา ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ถูกยอดเขากักเทพสวรรค์พันธนาการย่อมล้วนตายหมด ภายในนั้นยังรวมถึงตัวตนระดับจักรพรรดิคนหนึ่งด้วย”
คนอื่นพากันพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งอี้ ชื่อเสียงของยอดเขากักเทพสวรรค์พวกเขาต่างก็รู้ดี นั่นคือภูเขาแห่งความตายที่ดุร้ายหาใดเปรียบลูกหนึ่ง!
“ข้าพูดว่าถ้าหากเขายังมีชีวิตอยู่ล่ะ”
เหวินฉิงเสวี่ยทวนอีกรอบ
นี่ทำให้เมิ่งอี้ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่กลับไม่กล้าบันดาลโทสะ
เหวินฉิงเสวี่ยดูเหมือนอันดับต่ำมากในกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ก้าวมาอยู่แค่ในร้อยอันดับแรกเท่านั้น
แต่มีเพียงเมิ่งอี้ที่รู้ดีว่าร้อยปีมานี้ ‘เทพธิดา’ ของเรือนมรรคยุทธจักรคนนี้เคยได้รับศุภโชคใหญ่เป็นประวัติการณ์มาก่อน ทำให้พลังปราณและรากฐานของนางไม่อาจเทียบกับแต่ก่อนได้นานแล้ว
จากข่าวลับที่เมิ่งอี้สืบมาได้ ไม่กี่ปีหลังจากนี้ยามจัดอันดับกระดานมหาอริยะฟ้าดาราใหม่อีกครั้ง เหวินฉิงเสวี่ยต้องทะยานเหนือฟากฟ้า สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในสามสิบอันดับแรกได้อย่างแน่นอน กระทั่งการจะทะลวงขึ้นสู่สิบอันดับแรกก็มีความหวังอยู่มาก!
และเมิ่งอี้ยังต้องการให้เหวินฉิงเสวี่ยคอยช่วย จึงได้แต่อดกลั้น
เขาคิดไปคิดมาจึงกล่าว “ต่อให้เจ้าหมอนี่รอดชีวิต หากเขาคิดจะมุ่งหน้ามายังเขาคุนหลุนจากยอดเขากักเทพสวรรค์ ก็ต้องผ่านที่นี่”
เขาพูดพลางหยิบแผนที่หนังสัตว์ซึ่งเหลืองเก่าคร่ำคร่าออกมากางตรงหน้าเหวินฉิงเสวี่ย ยื่นมือชี้ไปยังจุดหนึ่งที่อยู่บนนั้น
“นี่คือ ‘ธารโลหิตซ่อนผี’ ที่ขวางอยู่ระหว่างทาง ภายในมี ‘ผีราตรีเหินฟ้า’ เกาะกลุ่มปรากฏตัวเป็นระยะ คนที่อยู่ในระดับอริยะไม่มีใครต้านได้ ต่อให้มีป้ายคำสั่งเซียนเหินก็ไม่รอด!”
เมิ่งอี้สีหน้ามาดมั่น พูดจาคล่องปาก
เหวินฉิงเสวี่ยพยักหน้าน้อยๆ
ริมธารโลหิตซ่อนผี
อาหูหยุดเดินทันที ใบหน้างามพลันเปลี่ยนสีกล่าว “แย่แล้ว ที่นี่ดูเหมือนจะเป็น ‘ธารโลหิตซ่อนผี’ ในตำนานสายนั้น!”
หลินสวินมุ่นคิ้วเช่นกัน เขาก็เคยได้ยินว่าในแดนผนึกแท่นสักการะนี้ ธารโลหิตซ่อนผีคือสถานที่โหดร้ายน่ากลัวแห่งหนึ่งที่เลื่องชื่อลือนามเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเขาจะสัมผัสอย่างไรก็ไม่พบอันตราย
ไม่นานอาหูก็สังเกตเห็นว่าแม่น้ำสายนี้เงียบสงบอย่างน่าแปลก ไม่มีสัญญาณอันตรายอย่างที่คาดเดาปรากฏขึ้นเลยแม้แต่น้อย
วู้ม…
ไหมแส้หางม้าในมือพลิ้วไหว ราวกับลมวสันต์สายหนึ่งกำลังชี้นำทาง
หลินสวินและอาหูสบตากันวูบหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจลองมุ่งหน้าไปดู
หลังจากเงาร่างของทั้งสองคนข้ามแม่น้ำที่น่ากลัวสายนี้จนมาถึงอีกฝั่ง ก็ยังไม่เกิดเรื่องอันตรายใดๆ แม้แต่น้อย
ทั้งสองคนต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้
“นี่…”
อาหูยังมึนงง นี่มันเรื่องอะไรกัน
หลินสวินมอง ‘สามพันเคลื่อนคล้อย’ ที่อยู่ในมือเล็กน้อย เข้าใจได้รางๆ แล้วอดยิ้มกล่าวไม่ได้ “ไปเถอะ ไม่มีอันตรายไม่ดีกว่าหรือ”
กระทั่งเงาร่างของทั้งสองคนหายไป
ธารโลหิตซ่อนผีที่เงียบสงบเป็นอย่างยิ่งสายนั้นจึงม้วนซัดดังสนั่นขึ้นมา ‘ผีราตรีเหินฟ้า’ มากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของก้นแม่น้ำก่อนหน้านี้ล้วนผ่อนลมหายใจยาวออกมา เหมือนขวัญหนีดีฝ่อ
เพียงแต่พวกหลินสวินและอาหูต่างไม่รับรู้ทั้งสิ้น
ตลอดทางพวกเขาถึงขั้นรู้สึกว่าน่าเบื่ออยู่บ้าง ด้วยเมื่อใดที่เจอสถานที่อันตรายบางแห่ง ทั้งหมดจะดูผิดปกติอย่างมาก เงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
ไม่ว่าทั้งสองคนจะผ่านไปที่ใดก็ไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันเลยสักนิด
“ไม่ชอบมาพากลเกินไปแล้ว… รู้สึกว่าพวกเราเหมือนบุญพาวาสนาส่ง ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์”
ตลอดทางอาหูตกใจไปไม่รู้กี่ครั้ง แววตาดูสับสนอยู่บ้าง
“สวรรค์มีอยู่จริงหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ข้าแน่ใจว่าตลอดทางมานี้พวกเราไม่ได้โชคดี…”
หลินสวินลูบสามพันเคลื่อนคล้อยในมือ ในใจพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผูอาจตายไปแล้วก็จริง แต่ขอแค่มีสามพันเคลื่อนคล้อยอยู่ ก็เหมือนศิษย์พี่เก้าตามหลังมาด้วยตลอด ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบใจและวางใจ
“พี่เมิ่ง เจ้าอย่าลืมสิ ตอนนั้นที่พวกกู่ฉางซิน เถาเจี้ยนสิงพยายามทำทุกวิถีทาง วางค่ายกลบนยอดเขาพญามังกร เตรียมกระบวนท่าสังหารไว้เท่าไหร่…”
หน้าเขาคุนหลุนเหวินฉิงเสวี่ยกล่าว “แต่ผลสุดท้ายเจ้าเองก็รู้”
เมิ่งอี้แววตาวาววาบ ชี้ไปบนแผนที่หนังสัตว์อีกครั้งแล้วกล่าว “เทพธิดาฉิงเสวี่ยเจ้าดู นอกจากธารโลหิตซ่อนผีแล้ว ตลอดทางนี้ยังมี ‘ศิลาภูเขาพันทึบ’ ที่สามารถขังสังหารระดับราชันอริยะได้ มี ‘บึงอัคคีเรือง’ ที่ทำให้กึ่งจักรพรรดิเห็นแล้วต้องถอยกลับ มี…”
เขาพูดชื่อสถานที่สองสามแห่งออกมาในคราวเดียว ล้วนเป็นเขตอัปมงคลที่เลื่องชื่อลือนามในแดนผนึกแท่นสักการะ
“ต่อให้เขาหลินสวินฝีมือพลิกฟ้า หนีรอดไปได้ครั้งสองครั้ง แต่มีหรือจะรอกได้สามครั้งสี่ครั้ง”
กล่าวถึงตอนท้ายเมิ่งอี้เองยังรู้สึกว่าไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง
สมมติฐานพวกนี้ล้วนไม่มีความหมาย ด้วยยอดเขากักเทพสวรรค์ลูกเดียวก็สามารถคร่าชีวิตของหลินสวินแล้ว!
“เจ้าคิดว่าข้าให้ความสำคัญกับคนผู้นี้เกินไปหรือ” เหวินฉิงเสวี่ยย้อนถาม
เมิ่งอี้รีบส่ายหัวกล่าว “เทพธิดาฉิงเสวี่ยอย่าเข้าใจผิด เอาอย่างนี้แล้วกัน หากเขาหลินสวินยังรอดชีวิตมาปรากฏตัวที่หน้าเขาคุนหลุน ให้ข้าเมิ่งอี้ปาดคอฆ่าตัวตายยังได้!”
คำพูดหนักแน่น เสียงกึกก้องมีพลัง
ถึงขั้นดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณคนอื่นที่อยู่ใกล้
อย่างถังซูแห่งเผ่านักรบดาบคลั่งก็กล่าวอย่างประหลาดใจ “หลินสวินตายแล้วหรือ ข้ายังคิดจะสู้กับเขาสักตั้งที่หน้าแท่นสักการะนี้อยู่เลย”
ผู้ฝึกปราณคนอื่นก็สีหน้าแตกต่างกันออกไป
บ้างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น บ้างหน้าตานึกสนุก บ้างก็ท่าทางตื่นเต้นเหมือนความแค้นใหญ่หลวงได้รับการสะสาง
“เจ้าหลินสวินนี่ตายแล้วรึ!”
“น่าชังนัก ทำไมเขาถึงตายล่ะ ข้ายังไม่ได้ไปแก้แค้นเขาเลย”
ในที่นั้นฮือฮาอย่างต่อเนื่อง
เห็นดังนี้เมิ่งอี้ก็ตามน้ำ บอกข่าวที่หลินสวินถูกยอดเขากักเทพสวรรค์สยบสังหารออกมา ทั้งยังพูดจาคล่องปากว่าไม่มีทางเป็นเท็จอย่างแน่นอน
ชั่วขณะเดียวแม้แต่ผู้ฝึกปราณบางส่วนที่อยู่ห่างออกไปก็ถูกทำให้ตกใจแล้ว
อย่างซวีหลิงคุน แววตาเขาราวอสนี ส่องแสงเจิดจ้า ร่างหลั่งชโลมด้วยสีทองส่องประกาย เมื่อได้ข่าวการตายของหลินสวิน เขาก็มุ่นคิ้วอย่างอดไม่ได้ ‘เจ้าหมอนี่ช่างตายได้จังหวะ หากถูกข้าพบเข้า เขาคงตายได้น่าอนาถยิ่งกว่า…’
เดิมเขาคิดจะแก้แค้นให้คุนจิ่วหลิน แต่คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะตายไปอย่างผิดคาดเช่นนี้
ซาหลิวชิงและคูตู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับต่างก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ท่าทางตื่นตะลึง
เหยื่อที่ถูกพวกเขาเพ่งเล็ง ตายไปทั้งอย่างนี้หรือ
ทั้งสองคนต่างใจสะท้าน สีหน้าไม่น่าดู รู้สึกว่าการทุ่มเทกายใจวางแผนก่อนหน้านี้เสียเปล่าไปหมดแล้ว!
“เขาหลินสวินจะตายไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไร”
ซาหลิวชิงสีหน้าเคียดแค้นชิงชัง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ในใจของภิกษุจีวรดำคูตู้ก็พลันอึดอัด มีความรู้สึกว่าอยากสบถคำหยาบ เจ้าเมิ่งอี้บัดซบนี่ ถึงกับทำลายงานใหญ่ของพวกเขา!
…………………
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท