เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางพลางถามน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ทำไมหรือ”
ลู่เจียวส่ายหน้า เฝิงจือเดินเข้ามาพร้อมเทียบเชิญ
“เหนียงจื่อ คนจากหอยาเป่าเหอส่งเทียบเชิญเหนี่ยงจื่อ เชิญเหนี่ยงจื่อพรุ่งนี้ไปร่วมงานเปิดกิจการหอยาเป่าเหอ”
ลู่เจียวหันไปมองเฝิงจือ ตกใจกล่าวว่า “พรุ่งนี้ก็เปิดแล้ว เร็วอย่างนี้เลย”
นางคิดว่าอย่างน้อยหอยาเป่าเหอต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะเปิดกิจการได้ คิดไม่ถึงว่าจะใช้เวลาสั้นเพียงนี้ ถึงกับจะเปิดกิจการได้แล้ว
ลู่เจียวคิดแล้วก็เดาว่าหอยาเป่าเหอย่อมต้องซื้อกิจการหอยาจากผู้อื่นมา ดังนั้นจึงได้เปิดกิจการได้เร็วเพียงนี้
“คนที่นำเทียบมาส่งว่าอะไรบ้าง”
“คนผู้นั้นเป็นคนงานหอยาเป่าเหอ บอกว่าเจ้าของร้านให้เขาบอกเหนี่ยงจื่อว่า หอยาเป่าเหอซื้อหอยาของผู้อื่นมา เดิมกิจการไม่ดี จึงขายให้หอยาเป่าเหอ จัดการสักเล็กน้อยก็จะเปิดป้ายร้านดำเนินกิจการได้ เจ้าของร้านว่าให้พรุ่งนี้เหนียงจื่อต้องไปให้ได้”
ลู่เจียวย่อมต้องไปสิ การค้าสามส่วนนั่นเป็นของนางเลยนะ จะไม่ไปได้อย่างไร
“อืม ข้ารู้แล้ว”
เฝิงจือถอยออกไป ลู่เจียวเปิดเทียบเชิญออกอ่าน เชิญนางไปร่วมงานเปิดกิจการจริงๆ
ลู่เจียวอดยิ้มเบิกบานใจไม่ได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างๆ เหลือบมองนาง
ลู่เจียวหันไปเห็นท่าทางเขา ก็ถามออกไปว่า “ทำไมหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้เรื่องนี้แน่นอนแล้ว พูดมากไปก็ไร้ความหมาย ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่มีอะไร พรุ่งนี้เจ้าจะไปร่วมงานเปิดกิจการหอยาเป่าเหอหรือ”
ลู่เจียวอารมณ์ดีมาก เอ่ยว่า “ใช่”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นวูบลง ตัดสินใจว่าวันหน้าต้องคอยจับจ้องเจ้าของร้านหอยาเป่าเหอนั่นให้มากหน่อย หากให้เขาจับจุดอ่อนอีกฝ่ายได้เมื่อไร เขาไม่เกรงใจแน่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด มองลู่เจียวเอ่ยแสดงความยินดีว่า “ยินดีกับหอยาเป่าเหอเจ้าที่เปิดกิจการใหญ่พรุ่งนี้ด้วย”
พอเขากล่าวขึ้น ลู่เจียวก็ยิ่งยิ้มเบิกบาน
แม้ว่ารอยยิ้มจะบาดตา แต่ก็ต้องกล่าวกว่าบรรยากาศระหว่างสองคนนั้นดีอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวดีใจ พลันพบว่า ความจริงการพูดก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง หากเขามีเรื่องทะเลาะกับลู่เจียวด้วยเรื่องนี้ ก็จะทำลายความรู้สึกของทั้งสองคน แต่พอเขากล่าวเช่นนี้ ลู่เจียวก็ดีใจมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนหาเคล็ดวิธีการพูดจาได้แล้ว เขายิ้ม อดลุกขึ้นยืนไม่ได้
“พรุ่งนี้เจ้าต้องไปหอยาเป่าเหอ คืนนี้ก็เข้านอนเร็วหน่อยดีกว่า”
กล่าวจบก็จากไปเอง ลู่เจียวพอใจกับท่าทีเขามาก
วันรุ่งขึ้นลู่เจียวไม่ได้รีบร้อนไปหอยาเป่าเหอ จัดการเปิดพื้นที่โล่งของเรือนด้านหน้า นางต้องพาคนไปร้านค้าไม้ในอำเภอซื้อไม้มา
แต่นางไม่ค่อยคุ้นชินกับอำเภอชิงเหอ ไม่รู้ว่าที่ไหนขายไม้ ดังนั้นกินข้าวเช้าเสร็จ ลู่เจียวก็ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เจ้ารู้ไหมว่าที่ไหนในอำเภอขายไม้ ข้าจะไปซื้อไม้สักหน่อย ให้ช่างไม้ทำของให้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดนาง ถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “วันนี้เจ้าไม่ได้จะไปหอยาเป่าเหอหรือ ทำไมมีเวลาไปซื้อไม้ ให้ข้าไปซื้อให้ดีกว่า แม้ว่าข้าไม่ค่อยรู้เรื่องไม้ แต่ก็พาช่างไม้ไปซื้อด้วยได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็กล่าวว่า “ท่านพ่อไปกับท่านแม่สิ พวกเราก็จะไปด้วย”
ลู่เจียวคิดแล้วก็เห็นด้วย หอยาเป่าเหออย่างน้อยก็ต้องใกล้เที่ยงจึงเปิดทำการ นางไปซื้อไม้เสร็จค่อยไปก็ได้
อย่างไรก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเดินเล่นในอำเภอให้มากหน่อย จริงที่ว่าเด็กๆ ได้เจอคนมากหน่อยจึงจะได้ไม่กลัวคนแปลกหน้า ใจกล้า มองอะไรก็ย่อมกว้างไกล
“ได้ พวกเราไปกันทั้งครอบครัว”
ลู่กุ้ยข้าง ๆ รีบกล่าวว่า “พี่เจียว ข้าไปด้วย”
“ไป ไป”
ทั้งครอบครัวพร้อมลู่กุ้ยก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ไม่คิดว่าเพิ่งเดินถึงเรือนด้านหน้า ก็เห็นจ้าวเหอฮวาบุตรสาวมือปราบจ้าวข้างบ้านมาอีกแล้ว
ลู่เจียวแอบรำคาญจ้าวเหอฮวาที่เอาแต่มุ่งหมายเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ยอมเลิก เอาแต่แล่นมาบ้านพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่สะดวก
น่าเสียดายจ้าวเหอฮวาไม่ได้รู้ตัวเองแม้แต่น้อย ตั้งแต่ได้เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในสายตานางก็ไม่มองผู้อื่นผู้ใดอีก ในใจและในแววตามองเห็นแต่เซี่ยอวิ๋นจิ่น
“พี่เซี่ย พวกเจ้าจะไปเดินตลาดกันหรือ หากไปเดินตลาด ข้าพาพวกเจ้าไปได้นะ”
จ้าวเหอฮวาเพิ่งกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ระแวงขึ้นมา เพราะพวกเขาไม่ได้รู้สึกดีกับสตรีที่เข้ามาคุยกับท่านพ่อพวกเขา
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่หมู่บ้าน ก็สร้างเงาดำมืดไว้ในใจพวกเขาแล้ว
ดังนั้นพอจ้าวเหอฮวาพูด ต้าเป่าก็เอ่ยว่า “ท่านพ่อข้าไม่รู้จักท่าน ท่านเรียกท่านพ่อว่าพี่เซี่ยทำไม”
เอ้อร์เป่าจ้องจ้าวเหอฮวาอย่างไม่พอใจ กล่าวว่า “ท่านคิดจะเป็นอนุท่านพ่อข้าใช่ไหม ท่านพ่อข้าบอกแล้วว่าไม่รับอนุ”
ซานเป่ามองจ้าวเหอฮวา ประเมินกล่าวว่า “ท่านตัวสูงเกินไป แอบดำไปนิด ดวงตาก็ไม่โต ท่านพ่อข้าไม่ชอบแบบท่าน”
ซื่อเป่าสำทับสับอีกทันทีว่า “ท่านพ่อข้าชอบคนสวย เช่นท่านแม่ข้าแบบนี้จึงจะได้ ท่านแม่ข้าคือเทพธิดาจากสรวงสวรรค์”
จ้าวเหอฮวาถูกเด็กๆ ตระกูลเซี่ยพูดจนอึ้งไป พอตั้งสติได้ก็โมโหร้องไห้ทันที
นางร้องไห้มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “พี่เซี่ย ลูกๆ ครอบครัวพี่ทำไมเป็นเช่นนี้”
กล่าวจบนางก็มองลู่เจียวทันที ความหมายก็คือลู่เจียวสอนลูกให้กล่าวเช่นนี้
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นย่ำแย่อย่างมาก เขายังทำให้ลู่เจียวยอมอยู่ต่อไม่ได้ ก็มีคนมาถ่วงขาเขาอีกแล้ว ในใจเขารู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด สีหน้าเย็นเยียบไม่อาจบรรยาย มองจ้าวเหอฮวาสีหน้าเข้ม กล่าวว่า “แม่นางจ้าว ข้าไม่คุ้นเคยกับเจ้า อย่าเอาแต่เรียกพี่เซี่ย คนไม่รู้จะคิดว่าพวกเรามีสัมพันธ์อะไรกัน ความจริงพวกเราก็แค่เพื่อนบ้าน ยังเพิ่งย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านด้วย ข้าไม่ชอบใกล้ชิดผู้หญิง”
กล่าวจบก็มองไปยังตาเฒ่าเหวินที่เดินมาอยู่ไม่ไกลนัก กล่าวว่า “ท่านอาเหวิน วันหน้าไม่ว่าผู้ใดจะเข้าบ้านตระกูลเซี่ยต้องรายงานก่อน พบหรือไม่ ให้เจ้านายตัดสินใจก่อน”
ตาเฒ่าเหวินพอได้ฟัง รีบรับคำเสียงหนึ่ง ความจริงเขาเองก็ไม่ชอบแม่นางตระกูลจ้าวผู้นี้ แค่มองก็รู้ว่ามีจุดหมายอื่น
แต่เพราะตระกูลจ้าวเป็นเพื่อนบ้าน บิดาแม่นางจ้าวยังเป็นมือปราบอำเภอชิงเหอ ตาเฒ่าเหวินกลัวจะล่วงเกินครอบครัวพวกเขา ทำความเดือดร้อนให้นาย ดังนั้นจึงได้แต่อดทนไว้ ตอนนี้เจ้านายมีคำสั่ง เขาก็ไม่เกรงใจอะไรแล้ว
ตาเฒ่าเหวินเดินเข้าไปเชิญจ้าวเหอฮวาออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“แม่นางจ้าวเชิญ เจ้านายเรามีธุระ”
จ้าวเหอฮวาโมโหจนแผดเสียงร้องไห้ยิ่งดัง ยังตะโกนว่า “พวกเจ้ารังแกกันมากไปแล้ว ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ”
กล่าวจบก็หันหลังวิ่งออกไป วิ่งไปคิดไป เดิมนางวันนี้มาก็คิดบอกลู่เจียว คุณหนูของเซี่ยนเว่ยจับจ้องพี่เซี่ย คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำกับนางเช่นนี้ งั้นนางจะยังพูดอะไรอีก เชอะ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรอจ้าวเหอฮวาไปแล้ว ก็มองตามทิศทางที่จ้าวเหอฮวาจากไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวว่า “วันหน้าบ้านเรารักษาระยะห่างกับตระกูลจ้าวสักหน่อย ครอบครัวนี้ไม่เหมาะกับการเสวนาด้วย”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย “รู้แล้ว พวกเราไปซื้อไม้กันเถอะ”
ความจริงนางคิดไม่ตกจริงๆ ว่าคนเช่นมือปราบจ้าวทำไมมีบุตรสาวเช่นนี้ได้ และหลูเหนี่ยงจื่อตระกูลจ้าวก็ดูอ่อนโยนและดำรงตนในธรรมเนียม บุตรสาวคนเล็กครอบครัวพวกเขาก็มองแล้วเหมือนหลูเหนี่ยงจื่อ รู้จักหนักเบา มีแต่บุตรสาวคนโตที่ดูแปลกแยก
ทั้งครอบครัวพาช่างไม้เดินทางมายังถนนที่ขายไม้