ลู่เจียวหันไปมองพวกจู้เป่าจู กล่าวว่า “จู้เหนียงจื่อ พวกเจ้านั่งสักครู่ ข้าไปสักประเดี๋ยวจะรีบกลับมา”
จู้เป่าจูกับถันเหนียงจื่อต่างก็เป็นห่วงสามีตนมาก ทั้งสองคนลุกขึ้นอย่างร้อนใจ กล่าวว่า “พวกเราไปดูด้วย เขาอย่าได้ต่อยมาโดนท่านพี่เราเชียว”
ปกติเหลียงจื่อเหวินผู้นี้ก็ชอบรังแกท่านพี่พวกนาง ครั้งนี้ไม่รู้ว่าท่านพี่โดนรังแกหรือไม่
ลู่เจียวไม่ได้ห้าม หันเดินออกไป จู้เหนียงจื่อกับถันเหนียงจื่อรีบตามไปติดๆ หลิ่วเหนียงจื่อ ภรรยาหลัวซินซื่อก็ลังเล แต่เห็นคนอื่นไปกันหมด นางก็ได้แต่ตามไป
ห้องข้างๆ ติดกัน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็ได้ยินคำพูดลู่กุ้ย สีหน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ไม่ดีนัก วิ่งออกมา คิดตามลู่เจียวไปห้องโถงด้านหน้าด้วย
ลู่เจียวไหนเลยจะวางใจให้พวกเขาไปด้วย อย่าได้พอถึงตอนลงมือกันก็พลั้งทำพวกเขาบาดเจ็บไปด้วย
“เอาละ แม่ไปช่วยท่านพ่อพวกเจ้า พวกเจ้ากับน้าเล็กรออยู่ตรงนี้ก็พอ”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังลู่กุ้ย “อย่าปล่อยพวกเด็กๆ ไปด้านหน้า เผื่อมีเรื่องกันจะได้ไม่โดนพวกเขาบาดเจ็บ”
จู้เป่าจูกับถันเหนียงจื่อพยักหน้าหงึกๆ กลัวว่าจะโดนลูกๆ บ้านตน
พวกผู้หญิงพากันไปที่เรือนด้านหน้า เรือนด้านหน้า เหลียงจื่อเหวินยังส่งเสียงโหวกเหวก “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้ากล้าต่อยข้า ข้าไม่ยอม ข้าเหลียงจื่อเหวินโตขนาดนี้ยังไม่เคยโดนใครรังแกเช่นนี้ วันนี้ข้าไม่เอาคืน ย่อมไม่ยอมเลิกราแน่”
เหลียงจื่อเหวินเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเหลียง แต่เล็กจนโตไม่เคยเสียเปรียบ ต่อมามาติดตามเที่ยวเล่นกับหูซ่าน เป็นนักเลงประจำอำเภอชิงเหอ เขาถึงกับถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นต่อย เขารู้สึกเสียหน้ามาก ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมเด็ดขาด แม้แต่หูซ่านก็เอาไม่อยู่
ตอนนี้หูซ่านนึกเสียใจภายหลังอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเหลียงจื่อเหวินแสดงท่าทางอันธพาลเช่นนี้ ในใจก็ไม่ยินดีอย่างยิ่ง แอบตัดสินใจว่าวันหน้าจะถอยห่างคนผู้นี้ให้ไกลสักหน่อย
มิน่าท่านพ่อเขาไม่ให้เขาใกล้ชิดคนเช่นเหลียงจื่อเหวิน คนผู้นี้ไม่น่าใกล้ชิดจริงๆ
หูซ่านคิดไปก็ออกแรงลากเหลียงจื่อเหวินไป น่าเสียดายหูซ่านรูปร่างผอมสะโอดสะอง แรงไม่มาก ดังนั้นไม่อาจลากเหลียงจื่อเหวินไว้อยู่
วันนี้พวกเขาสองคนมาเป็นแขกตระกูลเซี่ย ไม่ได้พาคนรับใช้มาด้วย
หูซ่านได้แต่ลากสุดแรง “เหลียงจื่อเหวิน เจ้าพูดจาเหลวไหลก่อน เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้ต่อยเจ้า ครั้งนี้ให้แล้วไปเถอะ”
เหลียงจื่อเหวินโมโหหันไปมองหูซ่านกล่าวว่า “อะไรคือพูดจาเหลวไหล เขาเลี้ยงแขกแต่ไม่ให้ภรรยาตนเองออกมารับแขกด้วยหมายความว่าไง เห็นชัดว่าดูแคลนพวกเรา พวกเราถูกใจภรรยาเขาก็ให้เกียรติเขาแล้ว อย่าว่าแต่มารับแขก มาเป็นเพื่อนนอนก็แล้วไง”
เหลียงจื่อเหวินเพิ่งกล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงเยียบเย็นดังขึ้น “หึ เพื่อนนอน?”
แม้ว่าเสียงไม่ดังนัก แต่เยียบเย็นมาก
ทุกคนในห้องโถงกลางหันไปมอง เห็นสตรีสองสามคนเดินเข้ามาในห้องโถง สตรีที่นำมาอยู่ในชุดเสื้อตัวบนสีม่วงแขนกว้าง กระโปรงบานจีบพับสีขาวลายน้ำ มายืนอยู่ในห้องโถงแล้วงดงามอย่างบอกไม่ถูก ราวกับบุปผางามแย้มบาน ทำให้คนมองแล้วไม่อาจละสายตาจากไปได้
ใบหน้านั้น ผิวพรรณนั้น ดวงตานั้น เอวคอดนั้น ไม่มีอะไรไม่งามสักอย่างจริงๆ
เหลียงจื่อเหวินมองตาค้าง อำเภอเล็กๆ นี่ถึงกับมีหญิงเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่านางจะงามสักเท่าไร เพียงแต่ท่าทางมั่นใจของนาง ก้าวเดินเข้ามาก็สะดุดตาราวกับมีดอกบัวงามใต้ฝ่าเท้า ทำให้คนยากจะไม่ลืมตัว
นี่ใคร ภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น? ไม่ได้บอกว่าภรรยาเขาเป็นหญิงบ้านนอกโง่เง่าหรือ ทำไมงามเช่นนี้ เจ้าดูผิวพรรณนางสิ ละมุนราวกับครีม หากได้ลูบไล้ย่อมสัมผัสสบายมือ
เหลียงจื่อเหวินคิดสกปรกไปไกลเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นท่าทางเขา แววตาก็ยิ่งน่ากลัว เขาเดินไปถึงตรงหน้าลู่เจียว ตำหนิเบาๆ ว่า “เจ้ามาทำอะไร รีบกลับไป”
ลู่เจียวเลิกคิ้วกวาดตามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ไม่ได้ตำหนิที่เขาต่อยเหลียงจื่อเหวิน สุนัขนี่ปากไม่อาจคายงาช้างออกมาได้แน่ ควรต่อย
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า เหลียงจื่อเหวินไม่ทันเห็นลู่เจียวก็ร้องตะโกนขึ้น “เจ้าก็คือภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดูซิว่าสามีเจ้าต่อยข้าจนเป็นเช่นไรแล้ว เจ้ารีบมาขอโทษ ไม่งั้นเรื่องนี้ไม่จบอย่างนี้แน่”
เหลียงจื่อเหวินครุ่นคิดในใจ หากคนงามมา เขาก็จะลูบผิวพรรณนุ่มละมุนของนางสักหน่อย
ลู่เจียวได้ฟังคำเหลียงจื่อเหวิน คิดถึงคำพูดเขาก่อนหน้านี้ที่ว่าหลับนอนเป็นเพื่อน สีหน้าก็เยียบเย็น แววตาเยือกเย็นไม่อาจบรรยาย
นางยิ้มเยาะ คิดจะก้าวไปตรงหน้าเหลียงจื่อเหวิน เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือขวางนางไว้ “กลับไป ที่นี่ข้าจัดการได้”
ลู่เจียวถลึงตาใส่เขา “จัดการอย่างไร ต่อยกับเขาหรือ เจ้าอยากขาหักอีกหรือไง”
กล่าวจบ นางก็ยกมือผลักเซี่ยอวิ๋นจิ่นออก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากขวางอีก ลู่เจียวก้าวเดินไปถึงหน้าเหลียงจื่อเหวินกับหูซ่านแล้ว
เหลียงจื่อเหวินเห็นนางมา ก็ยิ้มให้ก่อนกล่าวว่า “ยังไงก็เหนียงจื่อรู้หน้าที่ รู้หน้าที่กว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเยอะ”
เหลียงจื่อเหวินเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวตรงหน้าก็ยกมือฟาดหน้าเขาเพียะใหญ่ เหลียงจื่อเหวินถูกตบจนสมองมีแต่เสียงวิ๊งๆ
ทุกคนในห้องโถงมองกันตาค้าง แม้แต่หูซ่านก็ไม่ทันได้ตั้งสติ
ลู่เจียวไม่ได้ตบแค่หน้าแล้วก็พอ นางยังยื่นมือไปลากเหลียงจื่อเหวิน ตบบ้องหูไปอีกที จากนั้นก็กระทืบใส่เหลียงจื่อเหวิน เหยียบเขาติดพื้น
เหลียงจื่อเหวินเริ่มแรกยังไม่ทันได้ตั้งสติ พอตั้งสติได้ก็ถูกลู่เจียวกดไว้กับพื้นแล้ว เขาพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่อาจหลุดจากมือลู่เจียวได้ ถูกตบจนเอาแต่ร้องด่า “นังชั้นต่ำ ปล่อยข้า ปล่อยข้า”
ลู่เจียวต่อยเข้าที่ท้องเขาหมัดหนึ่ง “ไม่ได้บอกให้ข้าเป็นเพื่อนหรือ ข้ามาเป็นเพื่อนเล่นเจ้าแล้วไง วันนี้ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นเจ้าจนตาย”
นางกล่าวจบก็ยกกำปั้นต่อยอีกที เหลียงจื่อเหวินถูกต่อยจนกุมท้องเอาไว้ เจ็บปวดอย่างที่สุด เขาเจ็บปวดจนต้องร้องขอ
“ข้าไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว ขอร้องละ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ”
หูซ่านเองก็รีบเข้ามาร้องขอ “ลู่เหนียงจื่อ เจ้าปล่อยเขาเถอะ เขาเป็นทายาทคนเดียวตระกูลเหลียง หากตีตายไป ตระกูลเหลียงย่อมไม่เลิกราแน่”
ลู่เจียวย่อมไม่คิดตีคนจนตาย ค่อยๆ ปล่อยมือช้าๆ ลุกขึ้นยืน
ทุกคนในห้องโถงต่างอึ้งมองเขา ตั้งสติไม่ได้กันอยู่นาน
สวรรค์ ภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นแรงเยอะมาก วันหน้าหากเขากล้าล่วงเกินภรรยาตนเอง ไม่ถูกตีปางตายหรือนี่
แต่ละคนมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างเห็นใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปกันอยู่หน้าลู่เจียวแล้ว มองหูซ่านตรงข้ามกล่าวว่า “พาเขาไป”
สีหน้าเขาดุดัน แววตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบน่ากลัว แววตาที่มองเหลียงจื่อเหวินเต็มไปด้วยความโกรธแค้นดำทะมึน
หูซ่านรีบเข้าไปประคองเหลียงจื่อเหวินที่พื้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินออกมา “หูซ่าน วันนี้พวกเราจัดการเหลียงจื่อเหวิน เขาย่อมไม่ยอมเลิกรา หากไม่ใช่เจ้าพาเขามาก็คงไม่เกิดเรื่องพวกนี้”